ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 291 ซูเจ๋อ ข้าคิดถึงท่าน

ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เขาใส่กลอนประตูแล้ว กันใครล่ะ พูดให้ชัดคือไม่อยากให้เฉินเสียนเข้าไปสินะ

เฉินเสียนลูบจมูก มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหมือนถูกลูกสะใภ้ไล่ออกจากห้องนอนทำได้เพียงนอนสัมผัสความหนาววังเวงที่พื้นไม้

พอย้อนคิดก็ไม่ถูก ตอนนี้เธอไม่ได้นอนร่วมห้องกับซูเจ๋อเลย ความรู้สึกวังเวงมาจากที่ไหนล่ะ เดิมทีก็ไม่ควรที่จะมีเลยเข้าใจหรือไม่!

เฉินเสียนกระแอมไอ แล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าเพียงแค่คิดว่าจะมาดูอาการของท่านสักหน่อย ในเมื่อจะนอนแล้ว ก็นอนเถิด พรุ่งนี้ข้าค่อยมาดู”

ซูเจ๋อที่อยู่ด้านในไร้ปฏิกิริยาตอบโต้

เฉินเสียนขยับฝีเท้า พบว่าหากเธอกลับห้องไปนอนอย่างนี้ นอนไม่หลับอย่างแน่นอน และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากด้วย

เธอทอดถอนหายใจออกมา ขยับเคลื่อนเดินกลับมาแล้วเคาะที่ประตู กล่าวขึ้นว่า“ซูเจ๋อ เปิดประตูหน่อยได้หรือไม่ ข้าเข้าไปคุยกับท่านไม่กี่ประโยคก็กลับแล้ว”

เฉินเสียนยืนอยู่หน้าประตูสักพักหนึ่ง ซูเจ๋อก็ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบกลับมา

ชิ ช่างเถิด เวลานี้ก็ดึกแล้ว กลับไปนอนเถิด

ครั้งนี้เพิ่งจะหมุนตัวเดินออกมาได้สองก้าว เสียงประตูที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก

เฉินเสียนหันกลับก็เห็นซูเจ๋อคลุมชุดอยู่ ผมกระจายอยู่ที่บ่า ท่าทางสะลึมสะลืออ่อนเพลียยืนโซเซพิงที่ขอบประตูอยู่ แววตาเปล่งประกายแผดเผามองเธอ

จิตใต้สำนึกของเฉินเสียนกล่าวถามว่า“ท่านโกรธหรือ?”

ซูเจ๋อกล่าวว่า“ข้าเตรียมตัวเข้านอนแล้วจริงๆ นึกว่าวันนี้ท่านจะไม่มาเสียอีก เลยลงกลอนประตู”

เฉินเสียนขมวดคิ้ว แล้วกล่าวขึ้นว่า”ได้อย่างไรกันเล่า ก่อนนอนหากไม่มาดูท่านสักหน่อย ข้าจะนอนไม่หลับ”

แววตาซูเจ๋อบีบรัดแน่น คำพูดของเฉินเสียนรื่นหูอยู่บ้าง เขาฟังแล้วง่วงนอนเป็นอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า“ไม่ใช่ว่ามีสิ่งใดจะพูดหรือ”

ดูแล้วซูเจ๋อไม่ได้คิดที่จะเชิญเธอเข้าไปในห้องเลย

หากอยู่ภายในห้อง เฉินเสียนไม่มีคำพูดก็จะหามาพูดให้ได้ แต่เวลานี้อยู่ด้านนอกห้อง ด้านนอกฝนก็ตกอยู่ด้วย เธอเกรงว่าซูเจ๋ออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วจะได้รับความเย็น เลยจำใจต้องกล่าวขึ้นว่า“ฝันดี ท่านพักผ่อนเถิด”

ซูเจ๋อหรี่ตามอง แล้วกล่าวขึ้นว่า“แค่นี้หรือ?”

ก่อนนอนได้เจอเขา เฉินเสียนนั้นรู้สึกพึงพอใจแล้ว เธอกล่าวว่า“เดิมข้าก็อยากจะบอกให้ท่านพักผ่อนเร็วๆ อย่านอนดึก ระมัดระวังจะทำให้สุขภาพไม่ดี ตอนนี้ท่านควรที่จะนอนได้แล้ว รีบปิดประตูเถิด”

ซูเจ๋อกล่าวว่า“ตอนที่ข้าไม่ได้เปิดประตูให้กับท่าน ท่านอยากให้ข้าเปิดประตู ตอนนี้ข้าเปิดประตูให้ท่านแล้ว แต่ท่านกลับต้องการให้ข้าปิดประตูหรือ?”

“ข้าไม่ใช่ว่ากลัวท่านจะได้รับความเย็นแล้วเป็นหวัดหรือ”เฉินเสียนหรี่ตามองเขา“ท่านโกรธจริงๆแล้วหรือ?”

เธอก้าวเดินมาช่วยซูเจ๋อปิดประตู เหลือไว้เพียงช่องประตู และมองเข้าไปในช่องประตูเห็นสีหน้าเขาไม่อาจคาดเดาได้ เธอก้มหน้าแล้วยิ้มจางๆ ท่าทางหวานละมุนอย่างปิดบังไม่มิด

“ซูเจ๋อ ข้าจะปลอบใจท่าน อย่าโกรธเลยนะ ข้าพบว่าเพียงแค่ห่างกับท่านสองบานประตู ข้าก็คิดถึงท่านเช่นนี้แล้ว”

เพิ่งจะพูดออกไป ซูเจ๋อยื่นมือออกมาจากช่องประตูทันที มือข้างหนึ่งจับเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปในห้องโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

เสียงประตูห้องปิดลง หลังของเธอฝังอยู่ที่บานประตู

เงยหน้าขึ้น เห็นซูเจ๋อสาดสะท้อนอยู่ฝั่งตรงข้าม เรือนร่างของเขาเข้าใกล้อย่างลึกซึ้ง แววตาสาดสะท้อนด้วยเปลวเพลิงเร่าร้อน

ก่อนหน้ารู้สึกหวานละมุน แต่ตอนนี้ซูเจ๋อเข้ามาใกล้เฉินเสียน ลมหายใจทั้งหมดเป็นของเขา เธอรู้สึกว่าหายใจติดขัด

เธอไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เธอถึงจะเคยชิน ความหวาดผวาใจหวิวเช่นนี้ และยังมีใจที่เต้นระรัวด้วย

ระหว่างคิ้วของซูเจ๋อที่มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากระจายออกไป สติของเขาราวกับหมาป่าที่เพิ่งจะตื่นจากภวังค์

ซูเจ๋อกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า“ไม่ใช่ว่าอยากปลอบใจข้าหรือ อย่างนี้ก็ได้แล้ว?”

เฉินเสียนกล่าวอย่างระแวดระวังว่า“แล้วต้องการอย่างไรเล่า?”

“พูดอีกรอบสิ คำพูดเมื่อครู่นี้”

“ข้าจะปลอบใจท่าน ท่านอย่าโกรธเลย”

“ไม่ใช่ประโยคนี้”

เฉินเสียนอ้าปากค้าง รู้สึกเขินอายหูแดงกล่าวเสียงพึมพำว่า“ประโยคที่ข้าบอกคิดถึงท่านหรือ?”

แววตาของเขาจ้องมองลึกราวกับจะกลืนเข้าไป

เฉินเสียนติดกับประตู หายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นกล่าวเสียงต่ำว่า“ซูเจ๋อ ข้าคิดถึงท่าน เห็นชัดเจนว่าอยู่ในเรือนเดียวกัน ไม่เจอท่านข้าคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก”

“แล้วเหตุใดไปนานเช่นนั้นเล่า”ซูเจ๋อกล่าวถามเสียงแผ่วเบา“ท่านเป็นกังวลเขาเช่นนั้น?”

“เขาเพียงพูดคุยกับเขาบ้างเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเลยทำให้ล่าช้า”

“พูดอะไรหรือ”

เฉินเสียนมองซูเจ๋อก้มศีรษะลงมา ค่อยๆแนบเข้ามาใกล้เธอ

เธอกับเขาใกล้กันมาก น้ำเสียงละมุนละไมกล่าวขึ้นว่า“เขาบอกว่าข้าเป็นอิสระแล้ว ไม่ต้องครองใช้สถานะคู่สามีภรรยากับเขาแล้ว ข้าสามารถทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้แล้ว รักคนที่ข้าต้องการอยากจะรัก……….”

พูดถึงตอนสุดท้าย น้ำเสียงเธอได้แหบแห้งแล้ว

ตอนที่ซูเจ๋อก้มลงจูบเธอ มือทั้งสองข้างผลักที่ไหล่ของเขา หอบเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้นว่า“ซูเจ๋อ บาดแผลของท่านยังไม่ดีเลยนะ”

เธอพบว่า การใกล้ชิดกับเขาเป็นเรื่องที่ติดนิสัยไปแล้ว แต่คิดเรื่องสุขภาพของเขา เธอก็ควรที่จะควบคุมอารมณ์ไว้

ซูเจ๋อตอบกลับเธอเสียงทุ้มต่ำ “ครั้งนี้ไม่มีทางทำให้รอยแผลแตกหรอก ”

พูดจบปลายจมูกตัดกัน ซูเจ๋อกดจูบซุกไซร้ลงไป แตะสัมผัสที่ริมฝีปากของเธอ

เธอหายใจหอบกระเส่า สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนบนริมฝีปากของเขา เธออ่อนปวกเปียกใจราวกับจะปะทุออกมา

เปลือกตาเธอสั่นสะท้าน มองเห็นขนตาเลือนรางของซูเจ๋อผ่านหางตาเธอ

มือสองข้างที่ผลักซูเจ๋อเบาๆผ่อนคลายแล้วหลับตาลง หลังจากนั้นตอบรับ

ซูเจ๋อยิ่งจูบยิ่งหนักขึ้น เฉินเสียนส่งเสียงกระเส่าและหายใจหอบเล็กน้อย

เธอไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่พิงตรงบานประตูลื่นไหลลงมาช้าๆ

ซูเจ๋อโอบเธอเข้าในอ้อมกอด ริมฝีปากแดงฉ่ำนุ่มลื่นของเธอ หอบกระเส่าดึงดูดกินใจคนเป็นอย่างมาก

เธอพึมพำชื่อของเขา แววตาเปล่งประกาย“ซูเจ๋อ”

เวลานั้นซูเจ๋อแทบจะกลืนกินเธอเข้าไปแล้ว

มือข้างหนึ่งซูเจ๋อโอบที่เอวของเธอ อีกข้างประคองที่ด้านหลังศีรษะของเธอ แล้วจูบอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

เฉินเสียนเคว้งมือคว้าโอบที่ลำคอของเขา เป็นค่ำคืนที่พิเศษหอมหวานมาก

ซูเจ๋อทิ้งน้ำหนักเอียงลงมา เธอประคองไว้ไม่ไหว โซเซถอยหลังไป

ไม่รู้ว่าโซซัดโซเซไปถึงสถานที่ใด สุดท้ายเข่าด้านหลังสะดุดกับสิ่งของ เฉินเสียนประคองค้ำยันไม่ไหว เอียงตัวไปทางด้านหลังอีกครั้ง

รอจนจิตใต้สำนึกเธอได้สติคืนมา ถึงได้พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงของซูเจ๋อแล้ว หนุนอยู่บนหมอนของเขา

ซูเจ๋อค้ำยันอยู่ด้านบนร่างของเธอ เธอเงยคางขึ้นและเผยอริมฝีปากเล็กน้อย

ความร้อนแผ่ซ่านทั้งตัวของเธอ สุดท้ายทะยานขึ้นบนศีรษะ

ซูเจ๋อจ้องเธอเบาๆ ยกนิ้วมือลูบไล้ใบหน้าของเธอ น้ำเสียงแหบพร่าเย้ายวน กล่าวขึ้นว่า“อาเสียน ใบหน้าท่านแดงมาก”

ความมั่นใจที่เฉินเสียนจะจ้องเขม็งเขายังไม่มีเลย เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่านปล่อยข้า ข้าจะกลับไปนอนแล้ว”

“ข้าจะปล่อยท่านกลับไปได้อย่างไรเล่า”

เขาก้มลงจูบบริเวณคิ้วตาและกรอบหน้าด้านข้างของเธอ และวนกลับมาจรดที่ริมฝีปากเธอ

เฉินเสียนสะลึมสะลือมึนงงถูกเขากอบกุมมือทั้งสองข้างไว้ สิบนิ้วประสานกัน

เธอใจลอยกลับไปในค่ำคืนนั้นที่กองกำลังทหารของเย่เหลียง ซูเจ๋อก็กดเธอเช่นนี้ จูบเธอซ้ำวนไปวนมาอยู่อย่างนี้

เพียงแต่ความลึกซึ้งไม่เหมือนกับค่ำคืนนั้น ครั้งนี้ลึกซึ้งร้อนระอุเป็นอย่างมาก และยากที่จะควบคุม

เฉินเสียนไร้หนทางที่จะหลีกเลี่ยงการสัมผัสลิ้นของเขา แต่ทว่าไม่ได้ถอยและยังเคลื่อนไหวเลียมันด้วยตัวเอง ครางออกมาจากลำคอเบาๆ

ซูเจ๋อถูกเธอทำให้สับสนเรียบร้อยแล้ว

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset