ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 297 โกรธจนอกแตกตาย

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งเฮ่อโยวก็หาเข็มมาไม่ได้แต่กลับได้โถมาหนึ่งใบ ขณะที่ใบหน้าของหลิ่วเฉียนเฮ้อกำลังเปลี่ยนไป เฮ่อโยวก็ยัดโถใบนั้นไว้ใต้กรงของหลิ่วเฉียนเฮ้อ

หลิ่วเฉียนเฮ้อถามว่า “ท่านทำอะไรของท่าน”

เฮ่อโยวกล่าวว่า “ข้าหาได้แค่เพียงสิ่งนี้ ท่านปล่อยทุกข์ในโถนี้เอาก็ได้ แต่ต้องเล็งให้ตรงโถหน่อยล่ะ อย่าให้เลอะเทอะ ไม่เช่นนั้นมันจะเหม็น”

หลิ่วเฉียนเฮ้อโกรธมาก “ท่านจะให้ปลดกางเกงปล่อยทุกข์ตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้น่ะหรือ!”

“ท่านจะไม่ถอดกางเกงก็ได้ แล้วแต่เลยว่าท่านสะดวกแบบไหน”

“เจ้า!”

การกระทำของเฮ่อโยวแตกต่างจากการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างไร? หลิ่วเฉียนเฮ้อไม่เคยถูกหยาบหยามเช่นนี้มาก่อน

เฮ่อโยวนั่งยองๆ ลงข้างๆ และเอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ได้ยินมาว่าท่านเป็นพี่ชายของหลิ่วเชียนเสวี่ย และหลิ่วเชียนเสวี่ยคนนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็นหลิ่วเหมยอู่ ต่อมาก็กลายมาเป็นอนุของแม่ทัพฉิน”

หลิ่วเฉียนเฮ้อเอ่ยอย่างชั่วร้ายว่า “เจ้าก็รู้ว่าเชียนเสวี่ยเป็นคนของฉินหรูเหลียง คนทั้งต้าฉู่ต่างก็รู้กันหมดว่าฉินหรูเหลียงรักเชียนเสวี่ยมาก ข้าเป็นพี่ชายของเชียนเสวี่ย รู้เช่นนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าล่วงเกินข้าอีกรึ!”

เฮ่อโยวกล่าวว่า “แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ปล่อยท่านออกมาล่ะ”

ชั่วขณะนั้นหลิ่วเฉียนเฮ้อไม่รู้จะตอบอย่างไร เพียงแต่คำพูดของเฮ่อโยวกลับทำให้เขาได้สติขึ้นมานิดหนึ่ง เฉินเสียนไม่มีทางปล่อยเขาไป แต่ถ้าฉินหรูเหลียงเห็นแก่หน้าของเชียนเสวี่ย ฉินหรูเหลียงจะไว้ชีวิตเขาหรือไม่?

เฮ่อโยวกล่าวอีกว่า “ข้าไม่ได้รู้จักมักจี่อนุของท่านแม่ทัพฉิน แต่ยังโชคดีที่เคยเห็นอยู่ครั้งหนึ่ง”

เขาเท้าคางและเริ่มหวนรำลึกถึงอดีต “มันเป็นตอนที่จวนแม่ทัพจัดงานเลี้ยงครบรอบร้อยวันของท่านชายน้อยเมื่อปีที่แล้ว เป็นงานที่สนุกมาก ตอนนั้นดูเหมือนว่าอนุหลิ่วจะหายตัวไป ตามหาทุกหนทุกแห่งแล้วก็ยังหาไม่เจอ ท่านแม่ทัพฉินเป็นห่วงมาก ดังนั้นทุกๆ คนจึงช่วยกันตามหา จนในที่สุดก็หาตัวจนพบ”

เมื่อเฮ่อโยวเห็นว่าหลิ่วเฉียนเฮ้อตั้งใจฟัง เขาจึงหัวเราะอย่างติดตลก “ในตอนนั้นอนุหลิ่วกำลังเสพสุขอยู่กับชายอื่นที่สวนหลังบ้าน ทั้งสองคนเปลือยกายล่อนจ้อน ดึงดูดสายตาให้จ้องมองได้หลายคู่ทีเดียว”

สีหน้าของหลิ่วเฉียนเฮ้อเปลี่ยนไป

“เรื่องนี้แม่ทัพฉินก็เห็นเองกับตา ตอนนั้นเขาฆ่าชายชู้ทันที หลังจากนั้นแม่ทัพฉินก็มาออกศึก หลังจากกลับไปแล้วข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนุหลิ่วจะยังเป็นที่โปรดปรานเหมือนดั่งแต่ก่อนอีกไหม ท่านลองบอกสิว่า ถ้ามีคนมาใส่รองเท้าของท่าน ท่านยังจะใส่มันอีกหรือเปล่า แต่คุณชายอย่างข้าคงไม่เอาด้วย เพราะใช่ว่าจะไม่มีเงินซื้อใหม่เสียหน่อย”

หลิ่วเฉียนเฮ้อรักและทะนุถนอมน้องสาวของเขาเสมอมา เมื่อได้ยินแบบนี้หลิ่วเฉียนเฮ้อจะสบายใจได้อย่างไร

เขาเขย่ากรงเหล็กอย่างแรงและตะโกนว่า “ฉินหรูเหลียง ออกมาหาข้า! ออกมา!”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาอันรุนแรงของหลิ่วเฉียนเฮ้อ เฮ่อโยวก็เดินจากไปด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าตอนนี้จะไว้ชีวิตเขาชั่วคราว แต่ที่เฮ่อโยวทำอาจจะทำให้เขาโกรธจนอกแตกตายเสียก่อน

หลังจากกลับไปถึงเมืองหลวง สิ่งต่างๆ จะสุดยอดยิ่งกว่านี้เสียอีก

คนกลุ่มนี้พักอยู่ที่เมืองเสวียนอีกสองวัน จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทาง

เฉินเสียนและคนอื่นๆ ตามไปพร้อมกับกองกำลังทหารซึ่งจะถอนกำลังจากสามเมืองไปทางเหนือ

สามเมืองนี้กลายเป็นคูเมืองของเย่เหลียงไปแล้ว

ตลอดทางมีเพียงความรกร้างว่างเปล่า ในเมืองไร้ร่องรอยของผู้คน เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความหดหู่และทรุดโทรม ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนจึงจะฟื้นฟูให้กลับมาสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองดังเดิม

ฝนตกๆ หยุดๆ จนเส้นทางเต็มไปด้วยดินโคลน การเดินทางจึงล่าช้าและยากลำบาก

เหล่าทหารเดินตากฝนกันจนเป็นไข้ และในไม่ช้าโรคไข้รากสาดน้อยก็เริ่มลุกลามไปในหมู่ทหาร

อาการเจ็บป่วยนี้เป็นสิ่งที่ติดต่อกันได้ หากไม่ควบคุมไว้ให้ทันการณ์ทหารจะติดเชื้อมากยิ่งขึ้น

ถนนนั้นเดินทางไปต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นแม่ทัพโฮ้วจึงให้ทหารเคลื่อนพลเข้าไปพักอยู่ที่เมืองสุดท้ายจากสามเมืองทางเหนือชั่วคราวก่อน จากนั้นจึงรีบหาวิธีรักษาเหล่าทหารทันที

ระยะทางระหว่างทั้งสามเมืองรวมกันแล้วไกลหลายร้อยลี้ หนทางยังอีกยาวไกลและระหว่างทางก็ยังมีผู้ประสบภัยอีกจำนวนหนึ่งถอยร่นไปทางเหนือ

ผู้ประสบภัยไร้ที่อยู่อาศัย พวกเขาต้องพลัดถิ่นและพเนจรไปเรื่อยๆ ในขณะที่อากาศก็เริ่มเย็นลงเนื่องจากฝนตกหลายวันติดต่อกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เฮ่อโยวเริ่มเชิญชวนผู้ประสบภัยทั้งหมดให้มาจัดหาที่พักภายในเมือง

เพียงแต่เสบียงและเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่ภายในเมืองถูกขนย้ายออกไปแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะพักอยู่ในระยะยาว

ภายในเมืองมีสิ่งของสำหรับปรุงยาไม่มากนัก ดังนั้นเฉินเสียนจึงคลุมเสื้อกันฝนซึ่งทำจากหญ้าหนวดมังกรและพาทหารออกไปที่ชานเมืองใกล้ๆ เพื่อขุดหาสมุนไพรมารักษาโรคไข้รากสาดน้อย นอกจากนี้ยังมีท้องทุ่งสำหรับฤดูเก็บเกี่ยวในสารทฤดู ทว่าผู้คนต่างวิ่งวุ่นอยู่ในภัยสงครามจนทำให้เก็บเกี่ยวธัญญาหารในทุ่งไม่ทัน

แต่ด้วยความที่ปีนี้ประสบภัยแล้งมานาน ผลการเก็บเกี่ยวจึงแย่มาก บางครั้งแค่เฉินเสียนกับทหารหาค้นพบแปลงมันเทศที่ยังไม่ได้ขุด พวกเขาก็ดีใจและค่อนข้างพอใจมากแล้ว

เธอพาทุกคนไปขุดมันเทศด้วยกันจนดินโคลนติดเต็มเสื้อกันฝนและกระโปรง ทั้งชื้นทั้งหนัก

ไม่ว่าจะเป็นการขุดหาสมุนไพรหรือขุดมันเทศ เฉินเสียนลงมือทำด้วยตัวเองทุกอย่าง ไม่แม้แต่จะวางมาดเป็นองค์หญิงหรือบ่นสักคำว่าเหนื่อย

อาการบาดเจ็บของซูเจ๋อยังไม่หายดี เขาอยู่ในเมืองและดูแลทหารกับผู้อพยพที่ติดไข้รากสาดน้อยกับทหารเสนารักษ์อีกสองคน

และอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของฉินหรูเหลียงกำเริบขึ้นอีกครั้งและฟื้นตัวช้ากว่าอาการของซูเจ๋อ แม้ว่าเขาจะอยากออกไปหายากับเฉินเสียน แต่สภาพร่างกายของเขาตอนนี้กลับทำได้เพียงอยู่ในเมืองเพื่อพักฟื้นเท่านั้น ห้ามออกแรงมาก ทั้งยังห้ามโดนลมโดนฝน จนเขารู้สึกว่าแม้แต่เฮ่อโยวยังดูมีประโยชน์มากกว่า

ซูเจ๋อเป็นห่วงเฉินเสียน แต่นอกเหนือจากเขาซึ่งเคลื่อนไหวไม่สะดวกกับทหารเสนารักษ์ที่ต้องดูแลผู้ป่วย ก็มีแต่เฉินเสียนเท่านั้นที่รู้ว่าควรขุดหายาชนิดไหน

โชคดีที่มีแม่ทัพโฮ้วคอยช่วยเหลือป้องกันอยู่ใกล้ๆ เกือบตลอดเวลา และเฉินเสียนก็จะต้องพกดินโคลนกลับมาด้วยทุกวัน ทว่าเธอยังคงปลอดภัยดี

หลังจากกลับมาเฉินเสียนไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าสะอาดๆ เธอปลดเสื้อกันฝนออกและมุ่งตรงไปล้างสมุนไพรให้สะอาด จากนั้นจึงนำมาใส่หม้อต้มแจกให้ทุกคน

หลังจากนั้นก็นำมันเทศที่เพิ่งขุดใหม่ๆ มาต้มจนสุกและนำไปแจกทีละหัวๆ

นามขององค์หญิงจิ้งเสียนค่อยๆ ดังขึ้นในหัวใจของเหล่าทหารและผู้อพยพเหล่านี้

หลังจากพลบค่ำ งานที่ยุ่งวุ่นวายระหว่างวันก็หยุดลงชั่วคราว ทหารและประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งกำลังพลัดถิ่นและตกอยู่ในความวิตกกังวลก็ค่อยๆ หลับไป

ภายในเมืองตกอยู่ในความเงียบสงบดั่งเมืองที่ว่างเปล่าอีกครั้ง หลงเหลือไว้เพียงสายฝนยามสารทฤดูที่ยังตกลงมาไม่ขาดสาย

ไม่มีใครรู้ว่าฝนจะตกไปอีกนานแค่ไหน เกรงว่าถ้าฝนยังตกต่อเนื่องแบบนี้ มันจะนำความทุกข์ยากและภัยพิบัติมาให้

ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น ดินโคลนถูกชะล้าง ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมได้

เพราะฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทุกวันนี้ภายในเมืองจึงมีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ ทำให้บนพื้นถนนมีน้ำท่วมขัง

ต้าฉู่เพิ่งจะยุติสงครามกับเย่เหลียง และเกรงว่าตอนนี้จะทนรับภัยน้ำท่วมเช่นนี้ไม่ได้

หลังจากทุกคนหลับไปแล้ว เฉินเสียนก็นำน้ำร้อนที่ต้มอยู่ในหม้อกลับไปที่ห้องเพื่อล้างหน้าล้างตา

ในที่สุดตอนนี้เฉินเสียนก็มีเวลาว่างมาล้างเนื้อล้างตัวของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า

ซูเจ๋อยืนอยู่ข้างนอกและเคาะประตูห้องของเธอเบาๆ

เฉินเสียนออกมาเปิดประตูหลังจากล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย โดยที่ตามเนื้อตัวยังมีกลิ่นอายของความเปียกชื้น เมื่อเธอเห็นซูเจ๋อยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัวบนทางเดิน สีหน้าของเธอก็สงบลงและถามไปว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านยังไม่นอนอีก”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “เห็นว่าเมื่อตอนกลางวันท่านยุ่งจนไม่ได้กินอะไร ก็เลยหาอะไรมาให้กิน”

เฉินเสียนเห็นเขานำอาหารมาด้วย นอกจากมันเทศที่ทุกคนกินกันตอนกลางวันแล้ว ยังมีอาหารอีกสองสามอย่าง

เฉินเสียนถามว่า “ไปเอาอันนี้มาจากไหน ไม่ใช่ว่าในเมืองไม่มีอาหารหรอกหรือ”

“นี่คือผักป่าที่เฮ่อโยวไปขุดมาวันนี้ มีไม่เยอะก็เลยแบ่งให้ทุกคนไม่ได้ ข้าเลยนำมาให้ท่านเป็นอาหารค่ำ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset