ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 305 หลอกกันเป็นทอดๆ

ซูเจ๋อจูบที่ใบหูของเธอ พูดจาน้ำเสียงเย้ายวน : “ดมกลิ่นแล้วหอมเฉยๆ หรือหอมซาบซ่านน่าหลงใหล?”

เฉินเสียนซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้นว่า : “หากตั้งใจดมดีๆ ก็ไม่ได้หอมขนาดนั้น”

เขาแอบหัวเราะเบาๆ แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “งั้นก็คงจะหอมซาบซ่านน่าหลงใหล ทำให้ท่านหิวกระหายอยากจะกินข้า?”

ก็ในเมื่อเข้าสู่ช่วงสารทฤดูแล้ว แต่ทำไมเฉินเสียนถึงยังรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวอย่างนี้

เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ก็คงจะหิวกระหายจริงๆ มีความรู้สึกอยากจะกลืนกินท่านทั้งตัวไปเลย”

เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรอย่างเปิดเผยได้ แม้แต่จะหอมจะจูบยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกของความรักที่ต้องปกปิดไว้

มันมีแต่จะทำให้ยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณขึ้น

การใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งคู่ในทุกๆ ครั้ง มักจะพลอยทำให้เฉินเสียนรู้สึกอยากจะอยู่เคียงคู่กับเขา คอยดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันตลอดไป

เมื่อออกจากซอกรอยร้าวกำแพงนั้นแล้ว เฉินเสียนลูบริมฝีปากที่ยังแสบและร้อนผ่าว เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนจะบวมขึ้นเล็กน้อย

จึงหันกลับไปมองซูเจ๋ออีกครั้ง เขาก้าวขาเดินออกมาอย่างเชื่องช้า ท่าทีสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน คนละเรื่องกับเมื่อครู่นี้ตอนที่กดเธอชิดผนังแล้วจูบเธออย่างเร่าร้อน

เฉินเสียนเม้มปากแล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าควรกัดริมฝีปากของท่านสักทีสองที จะดูว่าท่านยังจะนิ่งขนาดนี้ได้อีกไหม”

ซูเจ๋อหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “มาสิ อาศัยตอนที่ข้ายังไม่ได้ไปไกลมาก ท่านยังสามารถลากข้าเข้าไปทำใหม่อีกรอบก็ได้”

จะให้ลากซูเจ๋อเข้าไปกระทำใหม่ เฉินเสียนก็คงจะทำไม่ลงคอ

วันรุ่งขึ้น เฉินเสียนตื่นขึ้นมาพบว่าริมฝีปากยังคงรู้สึกชาอยู่ จึงส่องกระจกดู ปรากฏว่าที่ริมฝีปากนั้นทั้งแดงทั้งบวม

ถ้าเกิดให้เฮ่อโยวเห็นเข้าแล้วละก็ ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ เพราะเขาคงจะต้องตามตื๊อหาต้นตอสาเหตุให้จนได้ และถ้าหากเขาไม่รู้ถึงต้นตอสาเหตุ เขาก็คงจะตื๊อไม่ยอมเลิกแน่ๆ

ฉะนั้นเฉินเสียนจึงไปหาพริกมา แล้วจึงเริ่มกินพริก

เวลาฉุกละหุกแบบนี้จะให้ไปผัดอาหารเผ็ดๆ ก็คงจะไม่ทันการณ์ จึงใช้พริกสดๆ มาแสดงแทน แค่ใส่พริกเข้าปากแล้วแกล้งเคี้ยวเป็นอันพอ

และแล้ว ตอนที่เฮ่อโยวมาถึง เห็นเธอริมฝีปากแดงก่ำ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ จึงรู้สึกตกใจขึ้นมา

เฮ่อโยวลิ้นจุกปากด้วยความตกใจ เขารีบพูดขึ้นว่า : “เฉินเสียนท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม กินพริกเยอะขนาดนี้ ท่านไปโดนอะไรกระตุ้นมาหรือ?”

เฉินเสียนเหลือบตามองเขา แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง : “ใครบอกว่ากินเผ็ดเพราะถูกกระตุ้นมา? ตอนนี้อากาศชื้นขนาดนี้ ข้าจะไล่ความชื้นออกจากร่างกายไม่ได้หรือไง?”

เฉินเสียนยื่นพริกที่อยู่ในมือให้กับเฮ่อโยว พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าลองดูสิ รสชาติไม่เลวทีเดียว”

เฮ่อโยวรีบส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าไม่ได้คิดสั้นขนาดนั้น”

“อร่อยขนาดนี้เจ้ายังจะไม่ยอมกิน ไม่เผ็ดเลย ไม่เชื่อเจ้าลองชิมดูสิ”

“ไม่เผ็ดท่านจะเหงื่อออกขนาดนี้หรือ”

“ข้ากำลังไล่ความชื้นออกจากร่างกายไง ความชื้นสูงก็เลยต้องออกเหงื่อน่ะสิ” เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “ข้ารู้วิชาการแพทย์ เจ้าเชื่อข้าหรือเปล่า ผู้ชายที่ร่างกายมีความชื้นสูงไม่ค่อยดีเท่าไหร่?”

“ไม่ดียังไง?”

เฉินเสียนจึงเริ่มแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะขึ้นมาว่า : “หากไม่ร้ายแรงมากก็แค่เมื่อยเอวปวดหลังและเหนื่อยง่าย แขนขาเย็นและขี้หนาว แต่หากร้ายแรงแล้วละก็ ถึงขั้นไม่สามารถร่วมหลับนอนกับสาวเจ้าได้เชียวล่ะ”

เมื่อเฮ่อโยวได้ยินแล้ว แม่เจ้า นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ

เฮ่อโยวที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาหย่อนตัวนั่งลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “มิน่าล่ะช่วงนี้ข้าถึงรู้สึกว่าไม่มีแรงเลย ที่แท้แล้วเป็นเพราะร่างกายมีความชื้นสูงนี่เอง”

เฉินเสียนลูบริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง นึกขึ้นในใจว่าเขาคงยังจะทานข้าวไม่อิ่ม

เฉินเสียนจึงยื่นพริกออกไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “มาเร็ว น้องข้า กินพริกสักเม็ด รับประกันว่าเจ้าจะฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผงาดผาดโผน นี่เป็นวิธีขับไล่ความชื้นออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพที่สุด”

เฮ่อโยวที่คล้อยตามไปแล้วส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไม่กล้ากิน : “สรุปแล้วเผ็ดหรือว่าไม่เผ็ดกันแน่? ข้าดูแล้วเหมือนมันจะเผ็ดออก”

เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ไม่เผ็ดจริงๆ! ไม่เชื่อข้าจะกินให้เจ้าดูหนึ่งเม็ด” พูดจบเธอก็หยิบพริกมาเม็ดหนึ่งจิ้มซีอิ๊ว แล้วกัดไปหนึ่งคำ : “ไม่เผ็ดจริงๆ เจ้าลองกินดูสิ”

เฮ่อโยวเห็นสีหน้าเฉินเสียนไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงเชื่อเธอ แล้วจึงหยิบพริกเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปากเคี้ยว

เคี้ยวไปแค่สองที สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที : “โอ้โห***!”

เฉินเสียนคลายพริกออกมา แล้วรีบดื่มน้ำทันที เธอใช้มือพัดลมเข้าปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “บัดซบ เผ็ดมาก!”

เฮ่อโยวที่เผ็ดจนน้ำตาไหล เขากัดฟันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เฉินเสียน! ท่านกล้าหลอกข้า!”

เฮ่อโยวรีบวิ่งไปคายน้ำลายทิ้ง เขาพยายามสูดลมหายใจซี้ดซ้าด กะว่าจะกลับไปคิดบัญชีแค้นกับเฉินเสียน

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เฉินเสียนก็รีบชี้ไปทางด้านหลังของเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ดูโน่น ฉินหรูเหลียงมาแล้ว”

เฮ่อโยวหันกลับไปมอง ฉินหรูเหลียงมาจริงๆ ด้วย

เฮ่อโยวหันไปสบตากับเฉินเสียนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาหย่อนตัวนั่งลงอย่างสงบและสง่างาม เพลิดเพลินกับวิธีกินพริกจิ้มซีอิ๊วกับเฉินเสียน

รอจนฉินหรูเหลียงเข้ามาใกล้แล้ว เฮ่อโยวก็รีบโบกไม้โบกมือทักทายเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “ท่านแม่ทัพฉิน ท่านรีบมานั่งนี่เร็ว หลายวันมานี้ฟ้ามืดครึ้มฝนตกไม่ขาดสาย ดูแล้วทั้งตัวของท่านคงจะเต็มไปด้วยความชื้น”

ฉินหรูเหลียงที่ในตอนแรกไม่อยากจะสนใจเฮ่อโยว แต่เห็นว่าเฉินเสียนเองก็นั่งอยู่ด้วย จึงตัดสินใจเดินเข้าไป

ฉินหรูเหลียงมองดูพริกและซีอิ๊วที่อยู่บนโต๊ะ เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “พวกท่านกำลังทำอะไร?”

เฮ่อโยวจึงพูดขึ้นว่า : “ก็กินพริกไง นี่เป็นวิธีที่เฉินเสียนคิดค้นออกมาเอง สามารถขับความชื้นออกจากร่างกายได้ ท่านแม่ทัพฉิน ท่านจะลองเสียหน่อยไหม?”

ฉินหรูเหลียงปฏิเสธตรงๆ ไปว่า : “ข้าไม่ลอง”

แล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที แต่จู่ๆ เฉินเสียนก็พูดขึ้นว่า : “ข้าดูแล้วความชื้นในร่างกายของท่านน่าจะเยอะเอาเรื่อง”

ฉินหรูเหลียงหันกลับมา ถามเธอด้วยความสงสัยว่า : “แล้วยังไง?”

เฮ่อโยวจึงพูดขึ้นว่า : “ฟ้ามืดครึ้มฝนตกมาหลายวัน นานวันเข้าความเย็นชื้นจะซึมซาบเข้าสู่ร่างกาย แล้วจะป่วยเอาได้ เฉินเสียนรู้วิชาการแพทย์ นางบอกว่าคนที่มีความชื้นในร่างกายสูง หากไม่ร้ายแรงมาก ก็จะแค่เมื่อยเอวเจ็บหลัง แขนขาหนาวเย็น”

จากนั้นเขาก็พูดประโยคหลัง และเน้นย้ำคำอย่างชัดเจนว่า : “แต่หากร้ายแรงแล้วละก็ จะไม่สามารถร่วมหลับนอนกับสาวเจ้าได้อีก เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก”

ฉินหรูเหลียงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ต่อหน้าองค์หญิง พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ เกรงว่าจะไม่เหมาะควร”

“เฉินเสียนเป็นคนบอกข้าเอง”

“อืม ข้าเป็นคนบอกเขาเอง” เฉินเสียนพูดขึ้น

เฮ่อโยวจึงพูดขึ้นต่อว่า : “ท่านแม่ทัพฉิน ท่านจะลองพริกนี่ดูหน่อยไหม ยาขนานดีสำหรับการขจัดความชื้นออกจากร่างกาย ไม่เผ็ดและอร่อยด้วย”

ฉินหรูเหลียงมองเขาอย่างรังเกียจ

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ไม่เผ็ดจริงๆ ท่านลองชิมดู”

พูดจบเฉินเสียนและเฮ่อโยวก็พากันกัดพริกคนละคำ

จากนั้นเฉินเสียนก็หยิบพริกจิ้มซีอิ๊วแล้วยื่นให้ฉินหรูเหลียง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “มาสิ ลองชิมดู”

เนื่องจากเฉินเสียนเป็นคนยื่นพริกให้ และเห็นเฮ่อโยวกับเฉินเสียนกินพริกเข้าไปโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย สุดท้ายฉินหรูเหลียงจึงเชื่อโดยปริยาย

อาจจะไม่เผ็ดมั้ง อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้เกลียดการกินเผ็ดเสียหน่อย

ฉินหรูเหลียงจึงหยิบพริกขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ เคี้ยวไปสองสามที สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

เฮ่อโยวหัวเราะโพรงออกมา เขาสนุกจนแทบอยากจะตั้งโต๊ะจัดฉลอง

ในที่สุดก็ได้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเฉินเสียนตอนที่หลอกเขา และเพื่อจะได้หลอกฉินหรูเหลียง พริกเม็ดนั้นไม่ได้กินเสียเปล่า!

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ยาดีขมปากมีคุณในการรักษาโรค พริกที่ดีก็คือพริกที่มีรสเผ็ด”

เฮ่อโยวจึงถามขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพฉิน อร่อยหรือเปล่า?”

ฉินหรูเหลียงจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เชื่อหรือเปล่าว่าข้าจะยัดพริกเข้าไปในจมูกของเจ้า?”

ซูเจ๋อเดินผ่านมาพอดี

เฮ่อโยวจึงรีบพูดขึ้นว่า : “ท่านบัณฑิตมาแล้ว”

ฉินหรูเหลียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหย่อนตัวนั่งลงข้างโต๊ะช้าๆ

เมื่อซูเจ๋อมาถึงแล้ว เขาก็มองพวกเขาทั้งสามคน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “อยู่กันครบเลยนี่”

เฮ่อโยวจึงรีบทักทายว่า : “ท่านบัณฑิตรีบมานั่งเร็ว”

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่า : “ช่วงนี้ฝนตกตลอด ความชื้นค่อนข้างหนาแน่น ได้ยินมาว่าเฉินเสียนคิดค้นหาวิธีที่ดีเยี่ยมในการขจัดความชื้นออกจากร่างกายได้”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset