ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 346 ถ้าเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจละนะ

ซูเจ๋อหรี่ตา มองเห็นใบหูของเธอที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อได้อย่างชัดเจน

เขาเอ่ยว่า “เมื่อคืนคือเรื่องของความเป็นความตาย ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องของความรักหวานชื่นใช่หรือไม่”

พูดจบเขาก็โน้มริมฝีปากลงไปขบที่ใบหูของเฉินเสียนเบาๆ โดยไม่รอคำตอบของเธอ

จูบอันแผ่วเบาของซูเจ๋อค่อยๆ เลื่อนลงมาบนลำคออันขาวนวล คลอเคลียอยู่ตรงนั้นอย่างอ้อยอิ่ง

เฉินเสียนกัดฟันแน่นและยังสั่นเทิ้มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

ซูเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ว่า“ข้าคิดว่าท่านเองก็คิดได้อย่างชัดแจ้งว่ายังต้องใช้เวลามากกว่านี้ ข้ายังต้องอดทนกับความสัมพันธ์ที่เหมือนจะใกล้ชิดแต่ก็ห่างไกลของท่านในทุกๆ วัน”

เฉินเสียนหันหน้ามองซูเจ๋อในระยะประชิดจนปลายจมูกชนกัน

เธอมองคิ้วและดวงตาสีเข้มของเขาแล้วเอ่ยปากพึมพำว่า “เพราะข้าฝัน”

ซูเจ๋อถามเบาๆ อย่างอ่อนโยน “ฝันว่าอะไร”

เธอยื่นมือออกมาลูบไล้ที่คิ้วและใบหน้าของซูเจ๋ออย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวว่า “อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนได้ยินเรื่องเหล่านั้น ข้าจึงฝันเห็นว่าที่นอกประตูวัง ท่านรีบร้อนกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อมอบหุ่นกระบอกให้เฉินเสียน”

เธอจำได้อย่างละเอียด “ท่านในตอนนั้นสวมชุดสีดำเหมือนกับตอนนี้ ตอนที่ข้าเห็นประตูวังซึ่งทาด้วยสีแดงเปิดออก พระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นสูงที่เบื้องหลังท่าน แสงส่องกระทบเสื้อผ้าและเส้นผมของท่าน ช่างเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ”

“น่าเสียดาย ในสายตาของเฉินเสียนคนก่อน นางไม่เคยมองเห็นสิ่งเหล่านี้เลย”

“เฉินเสียนคนก่อนช่างมีชีวิตอย่างคนไร้หัวจิตหัวใจเสียจริง อยู่ๆ ข้าก็เกลียดที่นางเป็นแบบนั้นขึ้นมานิดหน่อย”

เฉินเสียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวต่อว่า “บางทีข้าก็คิดว่าข้าคือเฉินเสียน แต่เมื่อข้าพบเห็นเรื่องราวของท่าน ข้าก็คิดได้ว่าข้าไม่ใช่เฉินเสียน”

“จะพูดว่าเกลียดก็ได้ อันที่จริงอาจจะเป็นเพราะข้าอิจฉา อิจฉาอดีตของนาง อิจฉาที่นางมีท่านแต่นางกลับเมินเฉย”

ซูเจ๋อฟังเธอเงียบๆ

เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าข้าจะเสียท่านมานานเกินไป และเวลาที่สูญเสียไปก็ไม่มีวันหวนคืน”

“นอกจากนี้ข้ายังกลัวว่าข้าจะเสียท่านไปอีก และกลายเป็นข้าในแบบที่แม้แต่ตัวข้าเองยังเกลียด”

“ข้าในตอนนี้กับเฉินเสียนในอดีตแตกต่างกันอย่างไร? แต่ข้าไม่ใช่นาง ข้าไม่ได้ปฏิบัติต่อท่านในฐานะอาจารย์ ซูเจ๋อ ตอนนี้ข้ารักท่านมากๆ รักมากๆ”

เธอกระตุกยิ้มยิ้มเยาะตัวเอง “ข้าพบว่าหัวใจของข้าเล็กมาก เล็กเกินกว่าจะทนต่อเรื่องในอดีตและอดีตเฉินเสียน”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “คนอื่นเขามีแต่หึงหวงคนอื่น คงมีแค่ท่านคนเดียวที่หึงอดีต หึงตัวเองในอดีต”

“ข้าไม่ใช่เฉินเสียน”

แววตาของซูเจ๋อลุ่มลึกดั่งท้องนภา “ท่านคือเฉินเสียน ข้าบอกว่าใช่ ท่านก็ต้องใช่”

ทันใดนั้นหัวใจของเฉินเสียนก็หวิวไหวราวกับมีกระแสน้ำสูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กาย

เขาค่อยๆ โน้มศีรษะลงมาและประทับริมฝีปากบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเคลื่อนไปที่ข้างหูของเธอและกระซิบว่า “และข้าก็พบว่า ท่านทำให้ข้าใจเต้นแรงได้มากกว่าที่ข้าคิด”

เฉินเสียนมองเขาอย่างว่างเปล่า ภาพสะท้อนในแววตาของเธอยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาจุมพิตลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าที่ริมฝีปากของเธอ

สีปากของเธอสวยหวานและเย้ายวนยิ่งกว่าตอนที่เธอทาปากสีแดงวันนั้น

ทั้งหมดที่เธอตอบสนองได้คือลมหายใจที่ขึ้นลงอย่างยุ่งเหยิง กระแสคลื่นสีแดงค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเธอ

ซูเจ๋อทำให้ฟันของเฉินเสียนเผยอออกและสำรวจเข้าไปในปากของเธอ

ลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดอยู่กับลิ้นของเธอ เฉินเสียนอยากจะเปิดกั้นกล่องเสียงของตนเอง แต่เธอกลับส่งเสียงครางกระเส่าออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้

มันแตกต่างจากการแสดงตอนที่อยู่ที่จวนผู้พิทักษ์เมืองคราวที่แล้ว ครั้งนั้นครึ่งจริงครึ่งหลอก แต่คราวนี้ทั้งหมดเป็นเสียงร้องที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ

นานแล้วที่ไม่ได้จูบกันเช่นนี้ ลมหายใจของเขายังคงทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนหัวใจแหลกละเอียด

เส้นผมดำยาวของเธอแผ่สยายอยู่บนพื้น จูบของซูเจ๋อค่อยๆ ดูดดื่มยิ่งขึ้นและเธอทำได้เพียงเงยหน้ารับจูบของเขาอย่างสุดความสามารถ

ซูเจ๋อจับมือของเธอวางลงบนเอวของตนเอง

ผิวสัมผัสของเขาแข็งเกร็งเล็กน้อย มันร้อนผ่าวจนเธออยากจะชักมือกลับแต่ว่าตัดใจไม่ลง

ซูเจ๋อผละจากริมฝีปากของเธอและเคลื่อนไปจูบที่หู กระซิบด้วยเสียงแหบพร่าว่า “สวมเสื้อคอสูง คงจะไม่เป็นไร”

เฉินเสียนฟังโดยไม่รับรู้อะไร วินาทีต่อมาซูเจ๋อก็ประทับจูบและดูดลงมาที่คอของเธอเรื่อยลงมา

เฉินเสียนตั้งตัวไม่ทัน ฉับพลันนั้นเธอไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน ดังนั้นจึงกอดเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณและพึมพำอยู่ที่ข้างหูของเขา

ซูเจ๋อทิ้งรอยจูบเล็กๆ ไว้ที่ลำคอ บ่า และกระดูกไหปลาร้าของเธอ

เธอสับสนและเพิ่งเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

มือของซูเจ๋ออยู่ที่เอวของเฉินเสียน ร่างกายของเธอไม่ได้เกร็งแน่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว และค่อยๆ หลอมละลายกลายเป็นแอ่งน้ำอยู่ใต้ฝ่ามือของเขา

เฉินเสียนเผยอปากพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกของเธออ่อนไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอสัมผัสได้มือของเขาที่ลูบไล้อยู่รอบๆ เอวของเธอ

มือที่อ่อนโยนและขาวสะอาดคู่นี้จับได้ทั้งดาบและพู่กัน หัวสมองของเฉินเสียนว่างเปล่า แต่เธอกลับจินตนาการได้ถึงภาพมือของที่กำลังจับเอวเธอไว้

นิ้วของเขาลากมาตามสะดือและค่อยๆ ขยับขึ้น…

“ซูเจ๋อ…”

มือของซูเจ๋อหยุดชะงัก เขาจูบเธออย่างดูดดื่มก่อนจะเอ่ยอย่างอดกลั้นว่า “ถ้าท่านบอกว่าไม่ต้องการ ข้าก็จะหยุดอยู่แค่นี้”

ในเวลานั้นเฉินเสียนมองเขาได้อย่างชัดเจน แววตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก และขอบตาของเขาก็แดงเล็กน้อย

ดวงตาที่ลุ่มลึกราวกับหมึกไม่ได้สงบเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่กลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะกลืนกินเธอทันที

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดทน

เฉินเสียนจะใจแข็งพอได้อย่างไร เธอกระซิบอย่างแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่อ่อนไหวว่า “ข้ามีลูกแล้ว ท่านยังต้องการอีกหรือ”

ซูเจ๋อตอบว่า “ข้าต้องการสิ เจ้าน่องน้อยใช้แซ่ซูของข้าแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องเป็นบุตรของข้าอยู่ดี”

เฉินเสียนยิ้มหวานและเงยหน้าขึ้นจูบลงไปที่ลูกกระเดือกของซูเจ๋อ เธอเอ่ยอย่างเย้ายวนว่า “ถ้าเช่นนั้นที่ท่านอดกลั้นมาตลอด ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดปัญหาได้ ถึงตอนนั้นข้าเองก็จะเป็นคนที่ต้องทุกข์ทรมาน”

การเคลื่อนไหวที่เย้ายวนนี้ทำให้คนที่นิ่งสงบอย่างซูเจ๋อทนสงบไม่ได้อีกต่อไป

เขาหรี่ตาลงและโน้มศีรษะลงมาอีกครั้ง คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”

แล้วมือของซูเจ๋อก็ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไปทีละน้อย เขาจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้อย่างอ่อนโยน

เฉินเสียนคิดว่าตนเองพร้อมแล้ว แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสเข้ามาเธอก็จำต้องยอมจำนนอย่างหมดรูป

เธอใช้มือทั้งสองข้างโอบรัดเอวของซูเจ๋อและยึดแผ่นหลังของเขาไว้แน่น ปลายนิ้วนิ้วลูบไล้รอยแผลเป็นบนบ่าด้านหลังของเขาอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ทีละรอยๆ

ซูเจ๋อแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็อ่อนโยนมากเช่นกัน

เฉินเสียนครางออกมาเบาๆ และคล้อยตามการเคลื่อนไหวของเขา เธอกดนิ้วลงไปบนแผ่นหลังกว้างและลูบผ่านข้อต่อกระดูกสันหลังของเขาทีละข้อๆ

ในเวลานั้นเธออยู่ในภวังค์และรู้สึกว่าการดำรงอยู่ของซูเจ๋อคือผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์ที่สุดของสวรรค์

ขอบตาของเฉินเสียนร้อนผ่าว เธอพึมพำชื่อของเขาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้หยุด

ซูเจ๋อเอ่ยอย่างคนกำลังคลั่งเล็กน้อย “อาเสียน เสียงเรียกของท่านทำให้ข้าแทบคลั่ง”

พวกเขาต่างดึงดูดเข้ากันและกัน แค่มีประกายไฟเพียงเล็กน้อย ความเร่าร้อนก็แผดเผาทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองได้

น้ำเสียงของเฉินเสียนอ่อนร่วนและมีเสน่ห์ เธอเอ่ยอย่างแหบพร่าว่า “ข้าก็อยาก… จะไม่ส่งเสียงอะไรทั้งนั้น…”

“ข้าชอบ” เขาลูบคลำเธอพลางเอ่ยว่า “ชอบฟังเสียงเช่นนี้ของท่าน”

ที่ใจกลางหว่างขา ซูเจ๋อมาจ่ออยู่ที่กำแพงเมืองแล้ว

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset