ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 371 ตัดสินใจให้เด็ดขาดก็ดี

ฉินหรูเหลียงนิ่งสงบไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว ผ่านไปเนิ่นนานแล้วจึงพูดขึ้นว่า : “นางตั้งใจจะทำร้ายเจ้าหรือ ข้าไม่ได้ยินนางพูดอะไรเกินเลยแม้แต่คำเดียว กลับได้ยินเจ้าพูดเสียมากกว่า”

“นั่นเป็นเพราะนางมีเจตนาไม่ดี……”

ฉินหรูเหลียงหรี่ตามองนาง นัยน์ตาเย็นยะเยือกราวกับขุนเขาและคลื่นยักษ์ที่กำลังคำราม ไร้ซึ่งความเมตตาปรานี หากแต่คำพูดที่พูดออกมานั้นกลับสงบสุขุมยิ่ง : “คนที่เจตนาไม่ดี คงจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า ตั้งแต่ข้าเกิดมา ยังไม่เคยเจอสตรีใดที่มีจิตใจลุ่มลึกแยบยลไปด้วยอุบายและสามหาวอย่างเจ้ามาก่อน”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ……มันไม่ได้เป็นแบบนี้เจ้าค่ะ……”

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า : “เจ้าบอกว่าคนอื่นทำร้ายเจ้า เจ้าถูกผู้อื่นกระทำด้วยความเลวทราม แต่คนที่ทั้งเลวและทรามที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่เป็นเจ้าต่างหาก จิตใจเลวทรามซับซ้อนซ่อนเงื่อนตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่มีผู้ใดเกินเจ้า”

ฉินหรูเหลียงพูดต่อว่า : “หากวันนี้เจ้าเดินออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าจะถือเสียว่าเจ้าไม่เคยปรากฏตัวที่นี่ ไม่อย่างงั้น ก็อย่าหาว่าข้าผลักไสไล่ส่งเจ้าก็แล้วกัน”

เซียงหลิงยืนอึ้งอยู่ข้างๆ

ในตอนแรกนางตั้งใจโน้มน้าวหลิ่วเหมยอู่ให้มาปรับความเข้าใจแท้ๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบทสรุปแบบนี้

หลิ่วเหมยอู่ทำผิดมากเกินไป ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถรั้งอะไรไว้ได้

หลิ่วเหมยอู่น้ำตานองหน้า จ้องมองฉินหรูเหลียงอย่างไม่เชื่อสายตา : “ท่านจะไล่ข้าหรือเจ้าคะ?”

“ใช่”

หลิ่วเหมยอู่ส่ายหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “แต่ท่านเคยบอก……ว่าจะปกป้องข้าไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรือ ให้บ้านที่อบอุ่นและมั่นคงกับข้า……”

“ข้าเคยพูดไว้ แต่ตอนนี้ ไม่นับเป็นคำพูดอีกต่อไป”

“ทำไมถึงไม่นับล่ะ ทำไมถึงนับเป็นคำพูดไม่ได้! ท่านแม่ทัพ ข้ายืนอยู่เคียงข้างท่านมานานขนาดนี้……ท่านจะไล่เหมยอู่ไปไม่ได้นะเจ้าคะ……ท่านลองนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเรา ความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสอง……”

ฉินหรูเหลียงจึงพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้เพียงแค่นึกถึงวันคืนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเจ้า ก็พลอยทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยงขึ้นมา”

สายตาของเขาหนักหน่วง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าใช้ชีวิตอยู่กับคนเช่นเจ้า มานานนับหลายปีขนาดนี้”

เขาค่อยๆ โน้มตัวลง จับข้อมือของหลิ่วเหมยอู่ไว้ แล้วดึงมันออกจากชายเสื้อของเขาช้าๆ : “หลิ่วเชียนเสวี่ย ทั้งที่รู้ว่าตัวเจ้าเคยทำผิดอะไรมาก่อน แม้ว่าข้าจะเห็นกับตาว่าเจ้าได้ใกล้ชิดสนิทนางกับชายผู้อื่น แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าพยายามโกหกข้าเพื่อปกป้องพี่ชายของเจ้า และแม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าได้วางแผนเพื่อปลิดชีวิตของเฉินเสียนและลูกของนาง เรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนผิดและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ และข้าเองก็นึกไม่ถึงมาก่อนเลยว่าตอนนี้เวลานี้จิตใจของเจ้าจะร้ายกาจ ไร้ซึ่งยางอายเยี่ยงนี้”

ตั้งแต่เริ่มแรก นางก็โกหกหลอกลวงเขาและจัดแจงวางแผนเขามาโดยตลอด

หลิ่วเหมยอู่สีหน้าซีดเผือด

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นต่อว่า : “เจ้าในตอนนี้ ให้ข้าสัมผัสเจ้าแม้เพียงนิดเดียว ก็พลอยทำให้ข้ารู้สึกสกปรกเสียยิ่งกว่าอะไรดี”

มือของเขาที่ดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้แรงในการตัดสินใจมากแค่ไหน เพื่อที่จะดึงหลิ่วเหมยอู่ออกจากข้างกายของเขาอย่างสิ้นเชิง

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า : “เจ้าไปเสีย ชาตินี้ทั้งชาติข้าก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้าอีก”

“ข้าไม่ไป! ข้าไม่ยอมไปหรอก!” หลิ่วเหมยอู่ดึงชายเสื้อของฉินหรูเหลียงอีกครั้ง : “ต่อให้ตายข้าก็ไม่มีวันจากท่านแม่ทัพไปแน่นอน!”

“ตอนนี้ข้าจะไม่ขอร้องแทนพี่ชายของข้าแล้วได้หรือเปล่า? ข้าขอร้องเถอะท่านแม่ทัพ……อย่าไล่ข้าไปเลย……”

หลิ่วเหมยอู่ร้องไห้โศกเศร้าด้วยความสิ้นหวัง : “เรื่องเมื่อก่อนข้าทำผิดไปแล้ว ขอเพียงแค่อย่าให้ข้าไป……ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพข้าคือเหมยอู่นะเจ้าคะ……เหมยอู่คนที่ร่วมชีวิตกับท่านมานานนับหลายปี ท่านจะสิ้นเยื่อขาดไยแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ……”

ฉินหรูเหลียงหลับตาลง แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หากเจ้าไม่ไป เจ้าจะให้ข้าทนนึกถึงเรื่องเลวทรามที่เจ้าเคยทำไว้ในทุกๆ ครั้งที่ข้าเห็นหน้าเจ้ารึ?”

“ท่านแม่ทัพข้าผิดไปแล้ว! ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำมันอีก……” นางจับชายเสื้อของฉินหรูเหลียงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ชี้มือไปที่เฉินเสียนด้วยมือที่สั่นเทา

“ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำร้ายนาง ข้าจะโอบอ้อมนางและไม่ขัดแย้งกับนางอีก……หากว่าท่านชอบนาง เหมยอู่จะไม่ขัดขวางและฉุดรั้งท่านแม่ทัพไว้……ข้ารักท่านสุดหัวใจ และจากท่านไปไม่ได้จริงๆ……”

“หากเจ้ารักข้าจริง เจ้าจะกีดกันสิ่งที่ข้ารักหรอกหรือ?” ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบและสุขุม : “ในทุกๆ คำพูดที่เจ้าพูดออกมาและสิ่งที่ข้าได้ยินมาทั้งหมดนั้น มันทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ารักตัวของเจ้าเองเท่านั้น เพราะว่าเจ้ารักแค่ตัวเอง เจ้าคิดถึงเพียงสิ่งที่เจ้าต้องการและทำได้ทุกอย่างเพื่อตอบสนองตัวเอง”

หากนางรักฉินหรูเหลียงจริง นางจะกีดกันคนที่เขาชอบ ปิดบังเขามานานหลายปีขนาดนี้หรือ? นางรักฉินหรูเหลียง แต่กลับสนใจแค่ว่านางจะได้รับผลพลอยได้จากเขามากน้อยแค่ไหนหรือ?

คนฉลาดมองปราดเดียวก็สามารถเห็นชัดอย่างทะลุปรุโปร่ง นางรักแค่การปกป้องทะนุถนอมจากฉินหรูเหลียงที่มีต่อนางก็เท่านั้น ก็แค่เพียงอยากได้ความรักของฉินหรูเหลียง

นางไม่รู้จักการให้และการเอาใจใส่เลย รู้จักเพียงแต่ร้องขออย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ความรักแบบนี้จึงทำให้ฉินหรูเหลียงรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงอย่างเช่นทุกวันนี้

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นว่า : “เป็นอย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบ ทั้งเจ้าและข้าต่างก็จะได้มีการตัดสินใจครั้งสุดท้ายอย่างชัดเจน หลายปีมานี้ข้าดูแลเจ้าอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิด ข้าไม่เคยรู้สึกผิดหรือเสียใจแม้สักครั้ง ข้าขอเตือนเจ้า รีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่ข้าจะไร้ซึ่งความเมตตา”

หลิ่วเหมยอู่ถามขึ้นว่า : “หากข้าไม่ยอมจากไปล่ะ?”

ฉินหรูเหลียงมองนางอยู่เนิ่นนาน หลิ่วเหมยอู่ที่นึกว่าเขากำลังใจอ่อนลงแล้ว แต่กลับได้ยินเขาพูดขึ้นว่า : “จุดจบแบบเซียงซั่น เจ้าต้องการแบบนั้นหรือ?”

หลิ่วเหมยอู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาของนางก็สิ้นหวังขึ้นมา : “ท่านแม่ทัพจำเป็นต้องตัดรอนกันถึงเพียงนี้หรือเจ้าคะ?”

ฉินหรูเหลียงจึงพูดขึ้นว่า : “จะให้สิ้นเยื่อขาดไยกว่านี้ก็ยังได้ ข้ายังสามารถส่งเจ้าไปรวมกับหลิ่วเฉียนเฮ้อในนามของหลิ่วเชียนเสวี่ยได้ด้วย”

หลิ่วเหมยอู่อึ้งจนตาค้าง นางไม่กล้าที่จะเชื่อว่าคำพูดนี้จะออกจากปากของฉินหรูเหลียงได้

นางฟุบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ฉินหรูเหลียงรู้ว่านางจะเลือกทางไหน เพราะนอกจากเลือกที่จะจากไป นางเองไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

จากนั้นเซียงหลิงก็พาหลิ่วเหมยอู่กึ่งลากออกจากสวนสระวสันตฤดูไปตามคำสั่งฉินหรูเหลียง หลิ่วเหมยอู่ที่ราวกับไร้ซึ่งจิตวิญญาณไปแล้ว นางไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

บรรยากาศในห้องเงียบสนิทไปพักใหญ่

แผ่นหลังที่สูงใหญ่และเย็นยะเยือกของฉินหรูเหลียงนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เขาที่หันหลังให้เฉินเสียนอยู่ ได้วางมือข้างหนึ่งค้ำขอบโต๊ะไว้

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ดูเหมือนว่าความสุขที่ไม่คาดคิด ได้กลายเป็นความตกใจที่ไม่คาดคิดไปเสียแล้ว”

“ท่านรู้เรื่องที่นางทำทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้วหรือ?”

“ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมานิดหน่อย แต่รายละเอียดเบื้องลึกก็เพิ่งมารู้วันนี้นี่แหละ”

เฉินเสียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นอย่างนุ่มนวลว่า : “ฉินหรูเหลียง หากว่าท่านรู้สึกทรมานใจ ท่านสามารถให้อภัยนางได้นะ ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านได้รับฟัง ส่วนท่านจะตัดสินใจอย่างไรนั้นข้าจะไม่ยุ่ง”

“ให้อภัยนาง ข้าจะยิ่งรู้สึกปวดใจ” เขาปล่อยมือจากขอบโต๊ะอย่างแผ่วเบา เดินไปยังทิศทางนอกประตู พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านคงจะรู้สึกว่าข้าเหมือนคนที่โง่เขลา”

ไม่รอให้เฉินเสียนได้ทันตอบ ฉินหรูเหลียงก็สาวเท้าเดินจากไปทันที

เฉินเสียนมองเงาแผ่นหลังของเขา จริงๆ แล้วเธอไม่ได้คิดแบบนี้เลย

แม่นมซุยที่ได้สติก่อน รีบเดินไปปิดประตูลง เพื่อหยุดลมหนาวที่พัดเข้ามาจากข้างนอกประตูนั่น

อวี้เยี่ยนยังคงอึ้งไม่หาย นางพูดขึ้นว่า : “นางหลิ่วถือว่าจบสิ้นทุกอย่างแล้วหรือ? ไม่มีโอกาสจะกลับตัวแล้วใช่ไหมเพคะ?”

“คงงั้นกระมัง”

“จบไปอย่างง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือเพคะ?” อวี้เยี่ยนพูดต่อว่า : “ไม่รู้สึกยินดีกับการที่แก้แค้นสำเร็จหรือเพคะ?”

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “การแก้แค้นไม่เคยเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรอก อีกอย่างแค่นี้จะไปเรียกว่าเป็นการแก้แค้นได้อย่างไรกัน”

“องค์หญิง เวลานึกถึงเรื่องที่นางหลิ่วเคยกระทำ จับนางมาลงมีดพันกรีดหมื่นแร่ก็ยังไม่สาสมเลย! จิตใจของนางชั่วร้ายการกระทำเลวทราม วางแผนแยบยลมากมายขนาดนั้น ยังจะหันมาเกลียดองค์หญิงอีก คนแบบนี้ไร้ซึ่งยางอายสิ้นดี!”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset