ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 375 ซูเจ๋อ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน

ทั้งๆ ที่มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับเขา ทั้งๆ ที่คิดถึงและโหยหา แต่เมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว เฉินเสียนกลับสับสนมึนงง

เธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดยังไงดี ราวกับว่าคำพูดทั้งหมดนั้นไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้

จิตใจของเธอสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าซูเจ๋อจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะของเธอเข้าหรือเปล่า

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้อยู่เงียบๆ กับเขาแบบนี้ เฉินเสียนก็รู้สึกพอใจแล้ว

ซูเจ๋อเอื้อมมือมาทัดผมให้เธอ เหมือนเช่นเมื่อก่อน

เมื่อเขาโน้มตัวลงมา จ้องมองเธอด้วยแววตาที่ลุ่มลึก ก็เห็นว่าใบหูของเธอนั้นแดงก่ำไปหมด

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน สำหรับเธอแล้ว ก็ยังรู้สึกเหมือนรักเมื่อตอนแรกเริ่มกับเขาเสมอ

เพียงแต่ซูเจ๋อยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกับเธอ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาแต่ไกล เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นเบาๆ ข้างหูเธอว่า : “ยังไม่ทันจะได้หวนคืนวันเก่าๆ ก็มีคนมาเสียแล้ว”

เฉินเสียนสะดุ้งไปทั้งตัว

คิดว่าคงจะเป็นกลุ่มคนที่ติดตามเธอก่อนหน้านี้ กว่าจะสลัดจนหลุดได้ สงสัยพวกเขาคงอาจจะรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล จึงพากันย้อนกลับมาตามหาใหม่

เฉินเสียนแหงนหน้ามองไปยังยอดกำแพง เธอจับแขนของซูเจ๋อ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านรีบไปก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่คนเดียว จะได้ไม่เป็นอุปสรรค”

ซูเจ๋อก้มหน้าลงมามองเธอ แล้วจึงถามขึ้นว่า : “ทำใจปล่อยข้าไปได้หรือ”

เฉินเสียนสบตากับเขา อารมณ์ที่ท่วมท้นในดวงตาของเธอถูกเปิดเผยอย่างไม่ต้องสงสัย เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า : “ถึงทำใจไม่ได้ ยังไงท่านก็ต้องไปอยู่ดี ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันการณ์เอา”

ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “ข้าเองก็ทำใจจากไปไม่ได้”

พูดจบ เขาก็จับมือของเฉินเสียน พาเธอออกจากทางตันนี้ทันที

เวลานี้เฉินเสียนเองก็ได้ยินด้วยเหมือนกัน เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และกำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางนี้

ระยะห่างเพียงแค่กำแพงกั้น เพียงแค่เลี้ยวตรงหัวมุมพวกเขาจะเห็นได้ในทันที

เฉินเสียนเกร็งไปทั้งตัว พยายามดึงมือออกจากซูเจ๋อ แต่ซูเจ๋อกลับจับมือเธอแน่นกว่าเดิม

เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า : “พวกเขายังไม่ทันจะหาเจอ ท่านกะจะไปหาพวกเขาเองหรือไงกัน?”

ทางที่ออกจากทางตันนี้มีแค่ทางเดียว หากไปเจอกับพวกนั้นกลางทางในถนนแคบๆ นั่น เรื่องคงจะใหญ่แน่ๆ

เมื่อพูดจบ จู่ๆ ซูเจ๋อก็ดึงเธอเข้าไปในลานสวนเล็กๆ ของบ้านหลังแรกนอกปากทางเข้าของทางตันนี้อย่างรวดเร็ว

ในตอนแรกประตูลานเล็กๆ นี้ถูกลงกลอนไว้ เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถหักสลักนั้นได้

เฉินเสียนรู้สึกว่าเพียงพริบตาเดียว เธอก็เข้าไปในลานเล็กๆ แห่งนี้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พิงหลังกับประตู ด้านหน้าของเธอมีแขนของซูเจ๋อที่ช่วยบังใบหน้าของเธออยู่ ยืนชิดกับประตู

เธอกลั้นลมหายใจไว้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน คนกลุ่มนั้นก็เลี้ยวผ่านตรงหัวมุมทันที มุ่งหน้ามายังทิศทางของทางตันนั่น

หากว่าซูเจ๋อช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว เกรงว่าเธอคงจะถูกคนพวกนั้นเห็นเข้าเป็นแน่แท้

คนกลุ่มนั้นพากันเดินมาทางนี้ เงาของคนเหล่านั้นผ่านช่องของประตูลานทีละคน

ซูเจ๋อกำลังสังเกตความเคลื่อนไหวของด้านนอก ใบหน้าของเฉินเสียนใกล้กลับใบหน้าของเขาเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนั้นจะอยู่เพียงแค่ด้านนอกเท่านั้น แต่เฉินเสียนกลับรู้สึกว่าอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้ รู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน

เวลานั้นเอง หญิงสาวเจ้าของบ้านที่ได้ยินเสียงดังมาจากลานสวน จึงได้ออกมาดู

นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอคนแปลกหน้าสองคนอยู่ในบ้านของตัวเอง

เจ้าของบ้านทั้งอึ้งทั้งตกใจ จึงเตรียมจะพูดขึ้น

แต่ถ้าหากนางออกเสียงแม้แต่นิดเดียว เฉินเสียนและซูเจ๋อคงจะถูกหาเจออย่างไม่ต้องสงสัย

เฉินเสียนรีบโบกไม้โบกมือทำท่าทางให้นางเงียบ ซูเจ๋อเองก็ควักเงินก้อนออกมาจำนวนหนึ่งให้นางดู

หญิงสาวเจ้าของบ้านที่ไม่เคยได้เห็นเงินก้อนที่ก้อนใหญ่ขนาดนี้ จึงกลืนคำพูดลงคอไป

นางได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก ลานสวนที่เล็กขนาดนี้ไม่สามารถเก็บเสียงได้ และดูออกว่าชายหญิงคู่นี้กำลังหลบหนีคนอยู่

เห็นรูปลักษณ์ของชายและหญิงสองคนนี้ก็ไม่ได้เหมือนผู้ร้ายอะไร นางจึงก้าวเข้ามา ซูเจ๋อก็วางก้อนเงินลงบนฝ่ามือของนาง จากนั้นนางก็เดินกลับไป

หญิงเจ้าของบ้านจึงปิดประตูลง และไม่ได้สนใจอีกเลย เหลือไว้เพียงซูเจ๋อกับเฉินเสียนอยู่ในลานสวนเล็กๆ แห่งนี้ ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

เฉินเสียนมองหน้าซูเจ๋อเงียบๆ ซูเจ๋อเองก็ก้มลงมาสบตากับเธอ จึงเห็นเธอถอนลมหายใจเบาๆ

จากนั้นเฉินเสียนก็ได้ยินด้านนอกมีเสียงคนพูดขึ้นว่า : “ที่นี่ไม่มีคน”

เสียงฝีเท้านั่นจึงค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เฉินเสียนเองก็ค่อนข้างตกใจไม่น้อย

ถ้าหากเมื่อครู่นี้ซูเจ๋อข้ามกำแพงจากไป เวลานี้เธอและเขาคงจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแล้ว

ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายไปหน่อย แต่สามารถรั้งท่านไว้ข้างกายข้าเพียงเดี๋ยวเดียว มันก็คุ้มค่ามากแล้ว”

เฉินเสียนสามารถรับรู้ได้ ว่าทุกช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเหมือนในวันนี้ ก็เหมือนกับการขโมยเวลาจากวันข้างหน้าก็ไม่ปาน

และเมื่อครู่นี้ ที่ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรหรือควรทำอะไร ก็เหมือนกับกำลังสูญเสียเวลาอันมีค่าที่ได้มาอย่างยากลำบาก

ก็ในเมื่อคิดถึงเขามากขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่บอกให้เขาได้ยินล่ะ? ทำไมต้องเก็บไว้ในใจ ไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้คนเดียวล่ะ?

ความรู้สึกแบบนี้……ทั้งๆ ที่อยากให้เขารับรู้มาก พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันทุกวันคืนเหมือนเช่นตอนอยู่ที่นอกเมืองนั่น สำหรับพวกเขาแล้วเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แล้วทำไมเธอต้องทนอยู่แบบนี้ ต้องเก็บงำต้องซ่อนมันอยู่แบบนี้ด้วยล่ะ?

เฉินเสียนที่แนบกับประตู จ้องมองซูเจ๋อเงียบๆ ฟังเสียงที่ร้องพรรณนาโหยหาในใจ ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำตามเสียงของตัวเอง ได้ยินตัวเองพูดกับซูเจ๋อโดยทันทีว่า : “ข้าคิดถึงท่าน”

ซูเจ๋ออึ้งไปชั่วครู่

เมื่อได้บอกกับเขาแล้ว เฉินเสียนจึงรู้สึกว่าการพูดออกจากปากไม่ได้ยากอย่างที่คิด ก็เหมือนการเปิดช่องว่าง จากนั้นก็ตามมาด้วยคำพรรณนาคะนึงหาที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด

เธอยิ้มตาหยีให้เขา สูดลมหายใจเข้าด้วยอาการสั่นเทา จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นระรัว : “ซูเจ๋อ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านคงไม่รู้แน่ๆ ข้าคิดถึงแม้กระทั่งยามหลับฝัน”

นัยน์ตาของซูเจ๋อมืดสนิทลงในทันที

เขาก้มหน้าลงมา เฉียดกับปลายจมูกของเธอ ลมหายใจค่อยๆ พ่นลงมา อยู่ใกล้เธอเพียงชั่วอึดใจ ริมฝีปากของเขาประทับลงบนริมฝีปากของเธอ

เฉินเสียนวางมือลงบนไหล่ของเขา เธอกัดริมฝีปากของเขาเบาๆ พูดขึ้นระหว่างใบหูและขมับของเขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ : “ข้าบอกตัวเองเสมอ ขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าท่าน ถึงแม้จะได้เห็นแค่เดี๋ยวเดียวก็ยังดี แต่ข้ากลับโลภมาก เมื่อได้เห็นหน้าท่านแล้ว ก็อยากที่จะได้ยินเสียงท่าน อยากโอบกอดท่าน และอยากจะจูบท่าน……”

เธอหัวเราะตัวเองเบาๆ : “ข้าโกหกตัวเองเสมอว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ว่ามีเพียงข้าที่รู้ตัวเองดีที่สุด แค่มองท่าน มันไม่เคยพอจริงๆ

ท่านไม่เคยรู้ วันนั้นที่ข้ายืนอยู่นอกประตู ต้องใช้ความกล้าและความอดทนแค่ไหนเพื่อจะยับยั้งช่างใจควบคุมขาทั้งคู่ของข้า เพื่อไม่ให้เดินเข้าไปหาท่าน……ได้ยินเสียงท่านพูดคุย ได้ยินเสียงท่านไอ ข้าก็รู้สึกทรมานไปทั้งตัว

แต่ว่าตอนนี้ กว่าที่จะขโมยเวลามาได้ ข้าสามารถมองเห็นท่าน และแค่ยื่นมือออกไปก็สามารถสัมผัสโดนตัวท่าน เวลาที่มีค่าเช่นนี้ข้าไม่อาจจะให้สูญเปล่าโดยไร้ประโยชน์ ข้าคิดถึงท่านก็ควรจะบอกท่าน อยากจะจูบท่านก็ควรจะบอกท่าน ข้าไม่อยากจะสุขุมและเข้มขรึม…….”

คำพูดที่เหลือ ก็ถูกซูเจ๋อกลืนลงคอจนหมด

เขาเกรี้ยวกราดดุจหมาป่า อ้าปากของเธอแล้วทะลวงเข้ามาอย่างดุเดือด ชอนไชไปทั่ว

เขาจูบอย่างลึกซึ้ง ราวกับว่าจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว ลิ้นเรียวเล็กของเฉินเสียนถูกเขาดูดดื่มจนชา เธอเองก็ตอบกลับอย่างนัวเนียและเร่าร้อนด้วยเช่นกัน

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset