ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 397 ตัดสินความเป็นความตายของเฉินเสียนไม่ได้

เด็กสาวผู้นั้นพูดถูก หลังจากเฉินเสียนฟื้นคืนสติเพียงแค่วันสองวัน อาการของเธอก็ทรุดลงก่อนจะสลบไสลไปอีก

จมูกและปากของเธอเริ่มมีเลือดออก และเธอก็อ่อนแอลงทุกวันๆ

ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในราชสำนัก

มีพระราชสาสน์มาจากจักรพรรดิแห่งเป่ยเซี่ยฉบับหนึ่ง โดยมีม้าเร็วนำมามอบให้ถึงมือของจักรพรรดิ

หลังจากทอดพระเนตรเนื้อความต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จักรพรรดิก็ทรงกริ้วขึ้นมาทันที

ฉับพลันนั้นก็มีรายงานที่น่าตื่นตระหนกจากชายแดนส่งมาว่า… เป่ยเซี่ยยกทัพออกมาอย่างกะทันหัน และกำลังเคลื่อนพลเข้ามาประชิดชายแดนระหว่างทั้งสองอาณาจักร สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียดและเป่ยเซี่ยอาจจะบุกโจมตีต้าฉู่เมื่อไรก็ได้

ทว่าต้าฉู่เพิ่งผ่านพ้นความวุ่นวายหลังสงคราม และเห็นได้ชัดว่าอาณาเขตทางตอนเหนือมีกองกำลังทหารไม่มากพอ

ถ้าเป่ยเซี่ยเริ่มเปิดฉากสงครามจริงๆ ต้าฉู่จะต้องป้องกันไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้แค่เป่ยเซี่ยยกกองกำลังออกมาตั้งแนวรบ การป้องกันแนวหน้าที่เขตชายแดนของต้าฉู่ก็วุ่นวายเสียแล้ว

จักรพรรดิทรงพิโรธอย่างหนักและตรัสว่า “ข้าได้รับสาสน์จากเป่ยเซี่ยก่อนจะเห็นเจ้าเข้ามารายงาน ในเมื่อทำอะไรเชื่องช้าอืดอาดเช่นนี้ ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำไม! เข้ามา! ลากมันออกไปตัดหัว!”

คนส่งสาสน์ยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกลากออกไปตัดหัวเพราะความพิโรธอย่างไม่มีสาเหตุขององค์จักรพรรดิ เขาตะโกนออกมาว่า “องค์จักรพรรดิโปรดไว้ชีวิต! โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”

แต่น่าเสียดายที่เขามีโอกาสตะโกนได้เพียงเท่านั้น เพราะทันทีที่ออกมาด้านนอกราชสำนัก คมมีดก็บั่นลงมาจนเลือดสาดกระเซ็น สร้างความหวาดกลัวให้เหล่าขุนนาง

เฮ่อเซียงก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิโปรดทรงสงบพระทัย ตลอดหลายปีมานี้แม้ว่าเป่ยเซี่ยกับต้าฉู่จะมิได้ไปมาหาสู่กัน ทว่าก็มิได้ขัดแย้ง ไม่รู้ว่าเหตุใดคราวนี้จึงมาตั้งทัพล้อมที่ชายแดนไว้”

เรื่องนี้จำเป็นต้องบอกให้ทุกคนรู้จึงจะคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาได้

ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิจึงโยนพระราชสาสน์ในมือลงไปบนพื้นและตรัสว่า “ลองดูเอาเอง!”

เฮ่อเซียงหยิบขึ้นมาและกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “นี่มัน…”

เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงส่งต่อให้ขุนนางที่อยู่ข้างๆ ในไม่ช้าเหล่าขุนนางก็หมุนเวียนกันอ่าน และในราชสำนักก็ตกอยู่ในความไม่สงบ

เมื่อมองไปที่เฮ่อเซียง ขุนนางผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยอย่างโกรธแค้นว่า “มีอย่างที่ไหนกัน! เป่ยเซี่ยทำแบบนี้มันมากเกินไป! องค์หญิงจิ้งเสียนเป็นองค์หญิงแห่งต้าฉู่ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เป่ยเซี่ยมีสิทธิ์อะไรเข้ามาก้าวก่าย! องค์จักรพรรดิ ตอนนี้ยังพอมีเวลา จะเป็นการดีกว่าไหมพ่ะย่ะค่ะถ้าเราจะส่งกองกำลังออกไป ไม่เช่นนั้นเป่ยเซี่ยจะคิดว่าเรากลัวพวกมัน และต่อไปจะยิ่งเหิมเกริมหนักกว่านี้!”

เมื่อมีคนลุกขึ้นยืนและเอ่ยออกมาอย่างกล้าหาญ สีหน้าของจักรพรรดิก็ยิ่งแสดงให้เห็นความไม่พอใจมากขึ้น ทว่าพระองค์ต้องทำใจให้สงบลงก่อนและพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสีย

ในเวลานี้ต้าฉู่ยังก่อสงครามกับใครไม่ได้ การต่อสู้กับเย่เหลียงในคราวนั้นทำให้ต้าฉู่สูญเสียกองกำลังกับเสบียงอาหารไปจำนวนมาก หากต้องรบอีกครั้งก็มีแต่จะพาตนเองไปแพ้

จักรพรรดิรู้ว่าในราชสำนักมีกลุ่มขุนนางที่หัวรุนแรงซึ่งไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาและราคาที่ต้องจ่าย ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่ไปออกรบ เมื่อบอกว่าจะมีสงครามก็แค่ยกมือขึ้นสนับสนุนเท่านั้น

แน่นอนว่ายังมีขุนนางอีกกลุ่มหนึ่งที่มุ่งมั่นในทางสันติและต้องการสร้างความปรองดอง

ด้วยเหตุนี้เมื่อฝ่ายหนึ่งพูดจบ อีกฝ่ายหนึ่งจึงลุกขึ้นมาบ้าง

ขุนนางอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ขอองค์จักรพรรดิโปรดทรงทบทวนพ่ะย่ะค่ะ ต้าฉู่ของเราเพิ่งเจรจาสงบศึกกับเย่เหลียง กำลังทหารมีไม่เพียงพอ ท้องพระคลังก็ยากจะฟื้นตัว ทั้งยังไม่มีแม่ทัพที่พร้อมรบ การเปิดสงครามกับเป่ยเซี่ยในเวลานี้ย่อมไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ผลก็คือทั้งสองฝ่ายต่างมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง องค์จักรพรรดิปวดพระเศียรจนพระเศียรแทบระเบิด สุดท้ายก็ต้องยกศาลและจบการว่าความด้วยเหตุฉะนี้

ในเวลานี้ องค์หญิงจิ้งเสียนกลายเป็นบุคคลสำคัญของเรื่องนี้

จนถึงตอนนี้จักรพรรดิยังคงไม่ได้ตัดสินชี้ขาด แต่ไม่รู้ว่าใครปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลจนเกิดข่าวลือมากมายในสังคมภายนอก

พระราชมารดาขององค์หญิงจิ้งเสียนเดิมเป็นพระธิดาบุญธรรมในราชวงศ์เป่ยเซี่ย ในตอนที่พระธิดาบุญธรรมแห่งเป่ยเซี่ยสิ้นพระชนม์ เป่ยเซี่ยเองยังเอาตัวเองไม่รอด จึงไม่ได้มาติดตามเรื่องนี้

แต่ตอนนี้หลังจากที่รู้ว่าองค์หญิงจิ้งเสียนซึ่งเป็นธิดาของธิดาบุญธรรมกำลังจะสิ้นชีวิต จักรพรรดิเป่ยเซี่ยจึงทรงพิโรธและรับสั่งให้จัดกองกำลังทหารเดินทางนับพันลี้เพื่อเตรียมการสู้รบทันที

เป่ยเซี่ยส่งข้อความมาถึงต้าฉู่โดยบอกว่า หากต้าฉู่รับประกันความปลอดภัยขององค์หญิงจิ้งเสียนและรักษาอาการเจ็บป่วยของเธอไม่ได้ เป่ยเซี่ยยินดีให้ต้าฉู่ส่งจิ้งเสียนไปพักฟื้นที่เป่ยเซี่ย

หากต้าฉู่ไม่เต็มใจส่งตัวจิ้งเสียนไปยังเป่ยเซี่ย ต้าฉู่จะต้องรับประกันสุขภาพและความปลอดภัยของเธอ มิฉะนั้นอย่าโทษหากเป่ยเซี่ยส่งกองกำลังมาโจมตีต้าฉู่อย่างไร้ความปรานี

องค์หญิงจิ้งเสียนเป็นพระราชนัดดาบุญธรรมของจักรพรรดิแห่งเป่ยเซี่ย ผู้คนต่างเล่าลือกันไปว่าพระธิดาบุญธรรมของจักรพรรดิแห่งเป่ยเซี่ยสิ้นพระชนม์ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง ตอนนี้จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากจะรับจิ้งเสียนซึ่งเป็นพระราชนัดดาบุญธรรมกลับไป

ว่ากันว่าจักรพรรดิเป่ยเซี่ยมีพระราชบุตรมากมายทว่าไม่มีพระราชธิดา ดังนั้นพระองค์จึงมีเพียงพระธิดาบุญธรรมเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

เมื่อยังมีชีวิตอยู่พระธิดาบุญธรรมเป็นที่รักของจักรพรรดิแห่งเป่ยเซี่ย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้พระองค์จะอยากได้ตัวธิดาเพียงคนเดียวของพระธิดาบุญธรรมกลับไป

ผู้คนไม่คิดว่านี่เป็นกิจของราชสำนัก ทว่าเป็นเพียงเรื่องของความรู้สึก

เพียงแต่ใครที่พอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้างย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าจักรพรรดิจะไม่ส่งจิ้งเสียนไปที่เป่ยเซี่ยอย่างแน่นอน เพราะนั่นไม่ต่างอะไรจากการปล่อยเสือเข้าป่า

ไม่สิ… ผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่าการปล่อยเสือเข้าป่าเสียอีก

หากในกาลข้างหน้าเป่ยเซี่ยสนับสนุนให้องค์หญิงจิ้งเสียนกลับมายึดอำนาจ ผลที่ตามมาจะกลายเป็นหายนะ

จักรพรรดิทรงกริ้วเป็นอย่างมากกับข่าวลือหนาหูที่เกิดขึ้นภายนอก พระองค์ทรงเรียกสายลับหลวงเข้ามาและรับสั่งว่า “ไปสืบมาให้ข้าว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป!”

แม้ว่าขุนนางในราชสำนักจะบอกเล่ากันปากต่อปาก ก็ไม่อาจทำให้ทุกคนรู้กันทั่วภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้

จะต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทำให้พระองค์ลงจากหลังเสือไม่ได้จนต้องยอมจำนน!

ในเวลานี้ทูตจากเป่ยเซี่ยออกเดินทางเพื่อมายังเมืองหลวงของต้าฉู่แล้ว จักรพรรดิไม่ต้องการสู้รบและไม่เต็มใจมอบองค์หญิงจิ้งเสียนให้กับเป่ยเซี่ยด้วยมือของพระองค์เอง ดังนั้นจึงรับสั่งให้หมอหลวงไปที่จวนของฉินหรูเหลียงเพื่อรักษาองค์หญิงจิ้งเสียน

เรื่องที่ทางวังยังไม่ส่งหมอหลวงมาเลยตั้งแต่องค์หญิงจิ้งเสียนประชวรหนักกลายเป็นเรื่องราวซุบซิบนินทาในหมู่ผู้คน

เดิมทีเหลือเวลาอย่างมากที่สุดไม่เกินสามวัน องค์จักรพรรดิก็จะได้นั่งมองวิญญาณของเฉินเสียนล่วงลับไป ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าภายในช่วงสองสามวันสุดท้ายจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้

เป่ยเซี่ยกล่าวว่านี่คือการคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของเฉินเสียนซึ่งเป็นพระราชนัดดาบุญธรรม แต่ในความเป็นจริงอาจจะใช้ข้ออ้างนี้ฉวยโอกาสที่ต้าฉู่กำลังอ่อนแอโจมตีต้าฉู่ราวกับเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ หากเฉินเสียนเสียชีวิตที่ต้าฉู่จริงๆ เป่ยเซี่ยจะมีเหตุผลที่ชอบธรรมในการส่งกองกำลังออกมา

ทันทีที่เป่ยเซี่ยเข้ามายุ่ง สถานการณ์ทั้งหมดก็บีบบังคับให้พระองค์ตัดสินความเป็นความตายของเฉินเสียนตอนนี้ไม่ได้

สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิทรงอึดอัดคับข้องและทรงกริ้วเป็นอย่างมาก

หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จักรพรรดิจึงระงับโทสะเอาไว้และตัดสินพระทัยส่งหมอหลวงไปรักษาชีวิตเฉินเสียน

หมอหลวงเข้าๆ ออกๆ สวนสระวสันตฤดูอยู่หลายรอบ ในตอนแรกนั้นผลการรักษาเป็นไปอย่างเชื่องช้าและดูไม่มีหนทางทำอะไรได้เลย

ต่อมาเมื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงจึงเริ่มลงมือขับสารพิษออกจากปอดของเฉินเสียน แม้ว่าเฉินเสียนจะฟื้นขึ้นมาแต่ก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนาน

เมื่อเฉินเสียนฟื้นขึ้นมาครั้งแรก เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหมอหลวงอยู่ในห้อง

หลังจากหมอหลวงกำชับข้อควรระวังและกลับไป แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนจึงรวมหัวคุยกัน เธอได้ยินทั้งสองคนคุยกันแว่วๆ

อวี้เยี่ยนร้องไห้อย่างสุขใจพลางบอกว่า “เช่นนี้ก็ดีสิ จะไม่มีใครกล้าลอบทำร้ายองค์หญิงอีกแล้ว”

เฉินเสียนตกใจเล็กน้อย

เธอยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าจักรพรรดิเป่ยเซี่ยซึ่งเธอไม่เคยพบหน้าจะยอมเผชิญหน้ากับต้าฉู่เพื่อปกป้องเธอ

จะต้องเป็นการรับมือของใครสักคนแน่ๆ

เมื่อดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเป่ยเซี่ย มันจึงกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งหมดของต้าฉู่ และจักรพรรดิจะลงมือกับเธอไม่ได้ง่ายๆ อีกต่อไป

ควบคุมทุกอย่างได้อยู่หมัดด้วยเดินการหมากเพียงครั้งเดียว ผู้ที่ควบคุมหมากนี้อยู่จะต้องมีฝีมือมากๆ

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset