ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 401 เพราะท่านข้าจึงทำสำเร็จและบรรลุผลดังปรารถนา

เฉินเสียนกะพริบตาเบาๆ น้ำตาไหลพรากลงมาทันที

ซูเจ๋อเอื้อมมือไปช่วยเธอเช็ดน้ำตา เขาพูดต่อไปว่า : “ท่านบอกว่าท่านเป็นคนประมาท ท่านไม่เอาไหน แต่เพราะความประมาทและความเฉียบขาดของท่านที่คอยรบกวนข้า จึงทำให้ข้าประสบความสำเร็จ และทำให้ข้าบรรลุผลสมดังปรารถนา”

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า : “หากไม่ใช่ท่านที่คอยอยู่ดูแลมาโดยตลอด และหนีกลับมาตามอำเภอใจแบบนี้ ข้าก็คงจะยอมแพ้และยอมปล่อยมือจากเจ้าน่องน้อยไปแล้ว นั่นไม่ใช่แค่ความเสียใจทั้งชีวิตของท่าน แต่อาจเป็นความเสียใจทั้งชีวิตของข้าด้วย”

“อาเสียน ข้าควรขอบคุณท่านถึงจะถูก ที่ทำให้ข้ารับรู้ว่ารักแท้นั้นมีค่าแค่ไหน วันข้างหน้า ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้อีก ข้าถูกเหตุผลเหล่านี้กักขังหน่วงเหนี่ยวมานานหลายปี ใช้ความรู้สึกบ้างเป็นครั้งคราว ก็คงไม่เป็นไรกระมัง”

เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็ไม่อาจควบคุมเสียงสะอื้นในลำคอได้

“ท่านมีความจริงใจมั่นคงและเลือดที่ร้อนระอุ นั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่มี เวลาที่ไม่มีท่านอยู่ด้วย หัวใจของข้าก็เหมือนผิวน้ำที่ไร้ซึ่งชีวิต ไร้ซึ่งความหวังและความต้องการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าใครก็ถูกข้านับเข้าบัญชีไปเสียหมด ข้าที่มีชีวิตอยู่แบบนั้น ไม่สู้อยู่บนความจริงเหมือนเช่นตอนนี้หรอกหรือ”

น้ำเสียงของเขาเหมือนสามารถสะกดใจคนได้ : “ท่านในแบบที่ข้าคาดหวัง หากท่านไม่ใช่แบบที่ข้าชอบที่สุด ไยข้าจึงจมปลักลุ่มลึกจนไม่อาจถอนตัวแบบนี้ได้เล่า”

แววตาของเขาเปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย : “ท่านมีช่วงเวลาที่เหี้ยมโหดและเด็ดขาด และมีช่วงเวลาที่อ่อนโยนดุจสายน้ำ ท่านไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเกินไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าที่ถูกท่านพูดออกจากปากเสมอ ว่าเป็นคนที่ดีที่สุด บุรุษที่หมื่นลี้เลือกเพียงหนึ่ง ยังมีที่ใช้ประโยชน์อื่นใดอีกล่ะ?”

เฉินเสียนยิ้มทั้งน้ำตา : “พูดจนจบ ท่านก็ยังไม่ลืมที่จะชมตัวเอง”

“ข้าเพียงแค่หยิบยกคำพูดของท่านมาใช้” ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา : “พูดมามากมายขนาดนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วท่านต้องการจะสื่ออะไร”

เฉินเสียนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เธอมุดหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก็ไม่มีอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าท่านเป็นคนที่ดีมาก ดีจนไม่ควรเพียงแค่ชื่นชม ควรจะสักการะเคารพบูชาด้วยซ้ำ มันจึงทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างท่านกับข้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งไกลห่างออกไป ไม่คู่ควรกับท่านเลย”

แววตาของซูเจ๋อมืดมนลงในทันที เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หากข้าปล่อยให้ท่านพูดต่อไป ไม่รีบเปลี่ยนเป็นฝ่ายได้เปรียบ สุดท้ายแล้วข้าก็คงถูกท่านปล่อยมือจากไปหรืออย่างไร?”

เฉินเสียน : “……”

ซูเจ๋อพูดขึ้นต่อว่า : “พูดอยู่กับปากว่าข้าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ แต่ท่านยังทำเรื่องที่ดีแต่ต้นแล้วปล่อยปลายทิ้ง มันแตกต่างจากคนที่ไร้หัวใจตรงไหนกัน?”

เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หดหู่ : “นี่……ท่านอย่าพูดให้มันดูแย่ขนาดนั้นได้หรือเปล่า ข้าเพียงแค่คิดไม่ตกอยู่ช่วงหนึ่งก็เท่านั้นเอง”

ซูเจ๋อลูบผมให้เธอ พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ว่า : “อาเสียน คนดีแค่ไหน ก็ไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายหรอก นับประสาอะไรกับคนที่เคยลิ้มรสการเคียงคู่ครองรักมาแล้วล่ะ”

เฉินเสียนหลุบตาลงต่ำ จ้องมองมือของเขา

“วันข้างหน้าหากพูดคำพูดเหล่านี้อีก ข้าควรจะลงโทษท่านทันที”

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “แต่เรื่องที่ข้ายังห่างจากท่านมาก นี่คือเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้”

“ยังห่างมาก ไม่ได้แน่นอนเสมอไป ตรงไหนที่ยังไม่ดีพอ หมั่นขยันเพียรเรียนรู้ก็ยังได้ แต่ไม่ใช่ว่ารู้สึกตัวเองไม่ดีพอ กลับซึมเศร้าและประมาทเลินเล่อต่อไป ประสบการณ์และความรู้ของใครบ้างที่ได้มาโดยไม่ต้องสั่งสมและแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ข้าเองก็เหมือนกัน”

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูเจ๋อ เธอมองเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่บนดวงตาของเขาอย่างชัดเจน อ่อนโยนและมั่นคง

ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “ข้ายังเชื่อเสมอ ว่าท่านสามารถดีขึ้นกว่านี้ได้ แม้ว่าในตอนนี้ท่านจะดีมากอยู่แล้ว”

เพราะความเชื่อมั่นของเขา จึงทำให้ม่านหมอกแห่งความคิดในแง่ลบของเฉินเสียนค่อยๆ คลายตัวเปิดออกและจางหายไป ความรู้สึกเหมือนเธอได้ตื่นขึ้นและรู้แจ้ง

เธอจึงพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ว่า : “ท่านพูดถูก เมื่อรู้ว่าตรงไหนในตัวข้าไม่ดีพอ แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดมาเศร้าโศกเสียใจและผัดวันประกันพรุ่งแบบนี้ เอามาพยายามปรับปรุงตัวเองให้ก้าวหน้ายังดีเสียกว่า ในเมื่อข้ารู้ตัวว่าข้าไม่คู่ควรกับท่าน งั้นข้าก็ยิ่งไม่ควรจะปล่อยมือยอมแพ้ไปง่ายๆ แบบนี้ ข้าจะต้องพยายามเพื่อที่จะคู่ควรกับท่านให้ได้”

ซูเจ๋อแอบยิ้มเบาๆ : “ดีเลยอาเสียน ท่านไม่มีตรงไหนที่ไม่คู่ควรกับข้าเลย”

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก ข้าเองรู้ตัวข้าดี”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วเบาๆ : “ในเมื่อท่านจะเปลี่ยนแปลง งั้นก็ควรเริ่มต้นจากการเรียนรู้ ใช้โอกาสระหว่างที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย อ่านตำราให้มาก ส่วนตำราข้าจะหาวิธีส่งมาที่สวนให้เจ้าในวันพรุ่งนี้”

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “งั้นข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

ซูเจ๋อเข้าใกล้เธอ ลูบไล้ใบหน้าของเธอด้วยนิ้วมือ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า : “ยุทธศาสตร์ทางทหารสำหรับการเดินทัพและการต่อสู้ หากมีตรงไหนที่ท่านไม่เข้าใจ สามารถถามฉินหรูเหลียงได้ แต่ก็อย่าใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากเกินไปล่ะ”

จู่ๆ เฉินเสียนก็นึกถึงตอนที่จูบกับฉินหรูเหลียงขึ้นมา ซูเจ๋อคงจะไม่รู้หรอกมั้ง เธอที่อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นความตั้งใจของเธอเอง แต่ก็ถือว่าได้ใกล้ชิดกัน

เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยความลังเลว่า : “งั้นถ้าหากว่า……”

“ถ้าหากอะไร”

เฉินเสียนมองสีหน้าที่จริงจังของเขา ไม่อยากจะทำลายบรรยากาศ หรืออาจจะเห็นแก่ตัวไม่อยากให้เขารับรู้ เธอจึงพูดขึ้นว่า : “ไม่มีอะไร”

ซูเจ๋อหรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เฉินเสียนไม่อยากจะพูดออกมา เขาเองก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามให้มากความ

เธอกุมมือของซูเจ๋อวางแนบกับใบหน้าของตัวเอง รับรู้ความอุ่นของฝ่ามือ ไม่อยากที่จะปล่อยเลย

เมื่อครู่ก่อนหน้านี้มือไม้ของเธอยังรู้สึกหนาวสะท้านอยู่เลย แต่ตอนนี้มีซูเจ๋ออยู่ด้วย เธอจึงไม่รู้สึกหนาวอีก

ราวกับว่าเรี่ยวแรงและชีวิตชีวาของร่างกายกำลังฟื้นฟู เพียงพอที่จะหนุนนำทั้งเธอและซูเจ๋ออยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ แบบนี้

เวลานี้เอง แม่นมซุยที่จู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาจากด้านนอก

พอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นฉากตรงหน้าเข้า ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เฉินเสียนรีบปล่อยมือของซูเจ๋อ ประหนึ่งว่ากำลังถูกจับได้ยังไงอย่างงั้น ใบหูของเธอแดงก่ำอย่างมิอาจปกปิด

แม่นมซุยเองก็ทำตัวไม่ถูก นางจึงพูดขึ้นว่า : “หม่อมฉันนึกว่าใต้เท้ากำลังรักษาอาการป่วยให้กับองค์หญิง จึงได้เข้ามาโดยพลการ หม่อมฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้เพคะ”

แต่เพิ่งจะหมุนตัว จู่ๆ นางก็หยุดชะงักไป แล้วจึงหันกลับมาพูดขึ้นว่า : “ใต้เท้าสั่งข้าน้อยให้ไปต้มยา งั้นก่อนออกไปหม่อมฉันวางยาไว้ตรงนี้นะเจ้าคะ”

ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “เจ้าเฝ้าต่อเถอะ ข้าอยู่ต่ออีกไม่นาน ประเดี๋ยวหากข้าออกไปแล้ว เจ้าก็ดูแลนางดีๆ”

“เจ้าค่ะ” แม่นมซุยขานรับ นางยกถ้วยยาเข้าไป แล้วจึงถอยมายืนอยู่ด้านข้าง

ที่แท้แล้วซูเจ๋อได้สั่งให้แม่นมซุยไปต้มยาตั้งแต่เขาเพิ่งเข้ามาที่สวนสระวสันตฤดูแล้ว

เขาได้ทำความเข้าใจกับอาการของเฉินเสียนอย่างละเอียดถ่องแท้ จึงรู้ดีว่าควรต้องใช้ยาอะไรบ้าง

ยาหม้อขนานนี้ไม่เหมือนกับยาที่หมอหลวงจัดให้ สีออกดำ ดมกลิ่นแล้วไม่ค่อยรู้สึกขมมากนัก

ซูเจ๋อยื่นถ้วยยาให้กับเธอ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “รีบดื่มตอนยังร้อนๆ”

เฉินเสียนรับถ้วยยาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เมื่อครั้นจะยกดื่ม ซูเจ๋อก็เตือนขึ้นด้วยความหวังดีว่า : “รสชาติยาอาจจะขมกว่าที่ท่านคิดไว้”

เฉินเสียนเหลือบมองเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก็แค่ยาหม้อ จะขมแค่ไหนกันเชียว”

แต่แล้วเมื่อเธอดื่มเข้าไปคำแรก ยังไม่ทันจะกลืนลงไปด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเองกลิ่นยาขมแปลกๆ ก็หายไปจากต่อมรับรสของเธอ ขมลามไปทั่วทั้งปาก

เฉินเสียนขมวดคิ้วหลับตาปี๋ เกือบจะอาเจียนออกมาด้วยซ้ำไป

ยาก็ขมมากอยู่หรอก ขมจนลิ้นของเธอชาไปหมด และที่สำคัญกลิ่นและรสชาติแปลกมาก ทั้งคาวทั้งเหม็น เวลาดมกลับไม่ได้กลิ่น แต่เมื่อกลืนลงคอไปแล้วจึงได้รู้ว่ารสชาติมันน่าขนลุกแค่ไหน

เห็นสีหน้าท่าทางพี่พูดไม่ออกของเธอ แม่นมซุยเองก็พลอยรู้สึกขมตามไปด้วย นางจึงพูดโน้มน้าวเธอว่า : “องค์หญิง ยาที่ดีคือยาที่มีรสขม อดทนดื่มรวดเดียวให้หมดเถอะเพคะ”

เฉินเสียนฝืนกลืนลงคออย่างยากลำบาก เธอกระตุกตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เรื่องหลักการนั้นข้ารู้ดี เจ้าลองมาชิมยานี่ดูหน่อย เกิดมาข้าไม่เคยดื่มยาที่รสชาติแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset