ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 404 ความทุ่มเททั้งกายใจของอาจารย์ผู้นี้

อวี้เยี่ยนเองก็พลอยดีอกดีใจไปด้วย นางพูดขึ้นว่า : “วันนี้องค์หญิงยอมทานอาหารแล้ว ราวกับว่าเรื่องที่กังวลใจถูกยกออกจากอกไปจนหมดยังไงอย่างงั้น เห็นอาการของพระองค์ดีขึ้นมาแบบนี้ ข้าเองก็พลอยรู้สึกดีใจไปด้วย”

นางติดตามเฉินเสียนมานานพอควร จึงไวต่อกลิ่นสัมผัสของยาสมุนไพร เมื่อได้กลิ่นของยาหม้อที่ต้มอยู่ นางจึงดมกลิ่นฟุดฟิดพลางพูดขึ้นว่า : “เอ๊ะ กลิ่นยาตัวนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวานนี่นา”

แม่นมซุยจึงพูดขึ้นว่า : “ก็ต้องไม่เหมือนเป็นธรรมดา ยาตัวนี้ดีกับร่างกายขององค์หญิงเป็นอย่างมาก”

อวี้เยี่ยนมองแม่นมซุยด้วยความสงสัย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เมื่อคืนนี้คนคนนั้นเขามาหรือ”

แม่นมซุยไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

อวี้เยี่ยนดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาในทันใด มิน่าล่ะองค์หญิงถึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ที่แท้แล้วก็มีคนมาเยี่ยมไข้องค์หญิงนี่เอง

อวี้เยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เอ้อเหนียง วันข้างหน้าอย่าเปิดทางให้คนผู้นั้นเข้ามาอีก”

แม่นมซุยจึงพูดขึ้นว่า : “บนพิภพนี้ หากมีผู้ใดสามารถรักษาอาการป่วยใจขององค์หญิงได้ ข้าเองก็ไม่อาจทนดูองค์หญิงป่วยและตรอมใจเยี่ยงนี้ต่อไป ตอนนี้อาการขององค์หญิงดีขึ้นแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือ?”

ยังไม่ทันเลยเวลาเที่ยง ก็มีคนลากตำรามายังหน้าประตูจวนสกุลฉิน และได้แจ้งว่านายหญิงสกุลฉินเป็นคนสั่งตำราจากร้านขายตำราเอง จึงได้ส่งตำราเหล่านี้มา

นายหญิงสกุลฉินจะเป็นใครไปได้อีกเล่า? เป็นเฉินเสียนอย่างไม่ต้องสงสัย

พ่อบ้านจำไม่ได้ว่าเฉินเสียนเคยรับสั่งว่าพระองค์ได้สั่งตำราอะไรไว้ แต่เมื่อเห็นว่าตำราถูกส่งมาหน้าจวนแล้ว ดูจากปกตำราและชื่อตำราแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่ตำราทางการอะไร เป็นเพียงตำราจำพวกนวนิยายและนิทานวายุ บุปผา เหมันต์ และจันทรา ที่พระองค์ชอบอ่านในห้องตำราอยู่เป็นประจำ

ในเมื่อส่งมาจนถึงหน้าประตูแล้ว เฉินเสียนเองก็อยู่ในอาการป่วยที่ต้องการฆ่าเวลาพ่อบ้านเป็นคนจำพวกค่อนข้างรอบคอบและระมัดระวังเสมอ จึงเข้าไปแจ้งกับเฉินเสียนที่สวนสระวสันตฤดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ

เมื่อเฉินเสียนได้ยินแล้ว จึงตอบกลับไปว่า : “เป็นตำราที่ข้าสั่งไว้เอง ก่อนหน้านี้รู้สึกทั้งเบื่อและหดหู่ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย ข้าจึงคิดว่าควรอ่านตำรานิทานเรื่อยเปื่อยเสียหน่อยก็คงจะดี ไปเอาตำราเหล่านั้นมาไว้ที่สวนของข้าก็แล้วกัน”

“ขอรับ”

ตำราเหล่านั้นก็ไม่ได้ทางการอะไร คนส่งหนังสือก็คุยไว้ซะเยอะ ว่าเป็นตำรานิทานและนวนิยายใหม่ล่าสุดจากทางร้านของพวกเขา รับประกันว่าเป็นนวนิยายใหม่ที่เนื้อเรื่องสนุกเข้มข้นอย่างแน่นอน

เมื่อตำราถูกส่งมายังสวนสระวสันตฤดูแล้ว เห็นแก่คนขายตำราที่แนะนำเสียเยอะเธอจึงรับมันไว้ทั้งหมด แล้วให้เขาตามไปเก็บเงินกับพ่อบ้านที่ห้องบัญชี

เมื่อคนจากร้านขายตำรากลับไปแล้ว อวี้เยี่ยนจึงจัดระเบียบตำราเหล่านั้นใหม่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงไปสั่งตำราไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมหม่อมฉันไม่รู้เลยเพคะ?”

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เพิ่งสั่งใหม่เมื่อคืนนี้เอง”

เมื่ออวี้เยี่ยนเห็นชื่อตำราแล้ว ใบหูของอวี้เยี่ยนก็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า : “องค์หญิงนี่มันตำราอะไรเพคะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้……ทั้งเสื่อมเสียและอุกอาจอย่างที่สุด”

เฉินเสียนรับมาดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอเลิกคิ้วเบาๆ แต่เมื่อเปิดตำราออกมาแล้ว ก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาฟุ้งกระจายออกมา

เนื้อหาด้านในทางการเสียยิ่งกว่าทางการอีก

เฉินเสียนพลิกอ่านผ่านๆ ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ทางการทหารสู่การบริหารราชการแผ่นดิน สัจธรรมทั้งสามและหลักธรรมทั้งห้า ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว

ซูเจ๋อปลอมหนังสือตำรามากมายขนาดนี้ แล้วยังให้ทางร้านขายหนังสือตำราเป็นผู้ส่งมาอีก เขาคงจะทุ่มเทและลำบากไม่น้อย

แต่เขาเองก็เป็นห่วงว่าเฉินเสียนที่อ่านตำราทางการเหล่านี้มากจนเกินไป ก็อาจจะมีเบื่อหน่ายบ้างตามอุปนิสัยของเธอ ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ปลอมแปลงตำราในส่วนที่ผู้ขายนั้นได้แนะนำต่างหาก มันจึงเป็นหนังสือตำรานิทานและนวนิยายจริงๆ เพื่อเอาไว้ให้เฉินเสียนได้ปรับเปลี่ยนและลดความตึงเครียดไปบ้าง

เฉินเสียนจึงได้โยนหนังสือตำรานวนิยายให้กับอวี้เยี่ยน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หนังสือตำราพวกนี้เจ้าเอาไปอ่านเสีย อ่านจบแล้วก็เอาไปแบ่งสาวใช้ในจวนอ่านด้วย ท่านประธานหลงรักข้าฉบับโบราณ ไหนๆ ทุกคนก็ชอบอ่านกันอยู่แล้ว”

แน่นอนว่าเธอต้องให้คนอื่นรับรู้ ว่าเธอได้เตรียมพร้อมสำหรับการละทิ้งทุกสิ่งและไม่เรียนรู้อะไรอีกแล้ว

และแล้วข่าวคราวเรื่องหนังสือตำรานวนิยายก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งจวนอย่างรวดเร็ว และก็ถูกฉินหรูเหลียงเห็นเข้าด้วย จึงรู้สึกว่าเนื้อหาในหนังสือไม่เป็นที่พึงใจ

อาการบาดเจ็บของฉินหรูเหลียงก็ดีขึ้นไม่น้อย เขาได้ตรงมาที่สวนสระวสันตฤดูในทันที กำลังเตรียมจะพูดบางอย่างกับเฉินเสียน แต่เมื่อเฉินเสียนเห็นว่าเขามา ก็รีบโบกไม้โบกมือพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านมาได้จังหวะพอดี มาอธิบายนี่ให้ข้าฟังหน่อย”

เมื่อฉินหรูเหลียงหย่อนตัวนั่งลง จึงเพิ่งรู้ว่าหนังสือที่เฉินเสียนอ่านเป็นตำราเกี่ยวกับการทหารทั้งนั้น

ตำราเหล่านี้ซูเจ๋อเป็นคนส่งมาทั้งหมด เฉินเสียนจะใช้เวลาในระหว่างที่กำลังรักษาตัวอ่านตำราเหล่านี้ให้หมด และท่องจำมันให้ได้

เฉินเสียนเองรู้สึกว่าหนังสือเหล่านี้ค่อนข้างคลุมเครือมาก นอกจากส่วนที่จะต้องให้ฉินหรูเหลียงช่วยอธิบายแล้ว ส่วนที่ยากทั้งหมดซูเจ๋อเองได้ทำการอธิบายประกอบไว้จนหมดแล้ว

ราวกับว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าสักวันหนึ่งเฉินเสียนจะมาอ่านหนังสือเหล่านี้

เวลานี้เธอเหมือนกับนักศึกษาไม่มีผิด เป็นนักศึกษาที่กำลังตั้งใจทำการบ้านที่อาจารย์เคยให้ไว้เมื่อหลายปีที่แล้วอย่างตั้งอกตั้งใจ

เพียงแต่ว่าล่าช้ามาเนิ่นนานขนาดนี้ จึงเพิ่งจะหยิบยกออกมาฝึกฝนเรียนรู้ใหม่

ตัวหนังสืออธิบายกำกับของซูเจ๋อถึงแม้จะค่อนข้างเล็ก แต่ดูมั่นคงและเป็นระเบียบอย่างมาก เป็นดังคำที่ว่าตัวหนังสือมักเหมือนกับเจ้าของไม่มีผิด ทุกครั้งที่เฉินเสียนเห็นตัวหนังสือของเขานั้น เธอมักจะคะนึงหาถึงเขาเสมอ

ทางฝั่งองค์จักรพรรดิ ได้ตามสืบทั้งคู่อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว สายลับวังหลวงได้รายงานอย่างลับๆ ในราชวังว่า : “กระหม่อมได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วข่าวนั่นถูกพูดขึ้นจากหอหมิงเย่ว์ก่อน และในวันนั้นใต้เท้าเฮ่อเองก็ได้เชิญข้าราชการหลายคนของเมืองหลวงที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมในสมัยราชวงศ์ต้นมาคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิทรงตรัสขึ้นด้วยความพิโรธว่า : “นี่แค่กี่วันเอง เฮ่อโยวก็ได้ใจจนลืมตัวถึงเพียงนี้! ไม่เพียงแค่ระดมพลเป็นกลุ่มก้อน แต่ยังพาเหล่าข้าราชการไปยังซ่องโสเภณีอีกด้วย!”

ก่อนหน้านี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับซ่องโสเภณี องค์จักรพรรดิมักทรงปิดพระเนตรข้างหนึ่งไม่เอาเรื่องให้มากความเสมอมา แต่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อหน้าสิวหน้าขวัญแบบนี้ จึงถือเป็นความผิดมหันต์

สายลับวังหลวงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ทูลฝ่าบาท ไม่ใช่ใต้เท้าเฮ่อโยวแต่เป็นใต้เท้าเฮ่อฟั่งพ่ะย่ะค่ะ”

ในตอนแรกองค์จักรพรรดินึกว่าเป็นเฮ่อโยว แต่นึกไม่ถึงเลยว่ากลับเป็นเฮ่อฟั่งเฮ่อฟั่งที่เป็นคนระมัดระวังและละเอียดรอบคอบเสมอมา องค์จักรพรรดิจะไม่แปลกพระทัยได้อย่างไรกัน

องค์จักรพรรดิทรงถามขึ้นว่า : “ข่าวนี้ถูกต้องและชัดเจนหรือไม่?”

สายลับวังหลวงจึงตอบกลับไปว่า : “กระหม่อมตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นจริงตามที่กระหม่อมรายงาน เฮ่อฟั่งดื่มสุราจนเมามาย จึงได้หลุดปากพูดออกมาจากนั้นข่าวก็ถูกแพร่กระจายไปยังร้านน้ำชาต่างๆ ในเมือง เพียงไม่นานข่าวก็กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิทรงเงียบงันอยู่พักใหญ่ แต่ในความรู้สึกขององค์จักรพรรดินั้นพระองค์ยังทรงรู้สึกว่าเฮ่อฟั่งเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมีระเบียบวินัย ชาญฉลาดและรู้ฐานะตัวเองเสมอ จึงทรงตรัสขึ้นว่า : “แต่ข้ารู้ดี ว่าคนอย่างเฮ่อฟั่งไม่เที่ยวหอนางโลม แล้วไยถึงไปซ่องโสเภณีได้?”

“ยังมีอีกเรื่อง กระหม่อมไม่รู้ว่าสมควรทูลหรือไม่”

“ว่ามา!”

“กระหม่อมได้ตรวจสอบมาว่าอนุทั้งสามในเรือนของเฮ่อฟั่งนั้น สองในสามเป็นอนุที่รับกลับมาจากเรือนของใต้เท้าซูเจ๋อ เป็นอนุที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้กับใต้เท้าซูเจ๋อพ่ะย่ะค่ะ”

สีพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิเปลี่ยนไปในทันที

สายลับวังหลวงได้พูดขึ้นต่อว่า : “อันที่จริงแล้วใต้เท้าเฮ่อฟั่งลุ่มหลงในหญิงงามพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อสายลับวังหลวงถอยออกไปแล้ว องค์จักรพรรดิก็ทรงเรียกเฮ่อฟั่งเข้าเฝ้าในทันที

เพียงแต่ว่าก่อนที่เฮ่อฟั่งจะเข้าไปเข้าเฝ้านั้น องค์จักรพรรดิได้ทรงข่มความพิโรธทั้งหมดไว้ภายใต้พระพักตร์ที่เรียบเฉย

ขุนนางที่ซื่อสัตย์ข้างกายพระองค์นั้นมีไม่มาก ด้วยเหตุจากเฮ่อฟั่ง พระองค์ได้ให้ความสำคัญกับเฮ่อฟั่งเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีเฮ่อโยวมารับใช้แทนเขาแล้ว แต่การให้เฮ่อฟั่งอยู่เคียงข้างพระองค์เป็นแผนที่องค์จักรพรรดิทรงวางไว้ตั้งแต่ต้นมาช้านาน ก็ไม่ควรจะให้เรื่องเพียงไม่กี่เรื่องนี้ข่มเขาจนตายไป

ขณะนี้โถงพระโรงกำลังถูกใช้งาน และเฮ่อฟั่งเองก็กำลังรอเข้าเฝ้าอยู่

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset