ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 418 เฉินเสียน ท่านชนะแล้ว

ฉินหรูเหลียงไม่อนุญาตให้ผู้อื่นพูด ทันทีหลังจากนั้นพ่อบ้านได้พาคนมาจัดการเก็บกวาด

แม่นมซุยทอดถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา ต่อไปนางต้องจับตาดูตลอดเวลา ครึ่งของสิบห้านาทีก็ไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้เลย

เฉินเสียนนอนถึงเพียงช่วงเช้า ฉินหรูเหลียงนำโจ๊กในช้อนที่ต้มสี่ชั่วโมงเข้าไปในปากของเฉินเสียน แล้วกล่าวขึ้นว่า “กินโจ๊กเสร็จแล้ว อีกสักครู่ยังมียาที่ต้องดื่ม ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ”

แต่ทว่าเฉินเสียนกลับถามว่า “ท่านสอบถามหรือยัง?”

ฉินหรูเหลียงชะงักงัน แล้วกล่าวขึ้นว่า “ท่านวางใจ วันนี้ตอนเช้าเฮ่อฟั่งไปที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่ ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็ไป เฮ่อฟั่งน่าจะไม่ได้มีการเอาเปรียบดูถูกอะไร เดินจากไปด้วยความโมโห เฮ่อเซียงบอกว่า เฮ่อฟังไม่สามารถทำอย่างไรกับซูเจ๋อได้หรอก”

นี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เธอสูดลมหายใจอุ่นๆได้ชั่วคราว ไม่สามารถผ่อนคลายได้

เฉินเสียนกล่าวขึ้นว่า“นี่ไม่ใช่ความคิดวางแผนการที่ยาวนาน ประคองชีวิตได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก องค์จักรพรรดิกลัวว่าเวลายิ่งยามนานอุปสรรคยิ่งมาก จะต้องพยายามตัดสินคดีเขาอย่างรวดเร็ว ไม่มีหลักฐานก็ต้องการปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมา ข้าไม่สามารถให้พวกเขาทำแผนชั่วได้สำเร็จ”

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ได้ยินว่าเมื่อคืนนี้ท่านส่งจดหมายออกไป นึกวิธีออกแล้วหรือ?”

“ระยะนี้ก็ส่งไปเจียงหนาน ”จิตวิญญาณเฉินเสียนค่อยๆรวมตัวกัน กล่าวขึ้นว่า “เจียงหนานมาถึงเมืองหลวง เร่งเดินทางตลอดทั้งคืนต้องใช้เวลาเจ็ดแปดวัน ถ้าหากว่าการเดินทางล่าช้า สิบวันหรือสิบห้าวันขึ้นไปล้วนไม่ได้ต้องพูดถึง ถึงเวลานั้นยังทันหรือ?”

ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก

เฉินเสียนใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าผากคิดอย่างละเอียด กล่าวพึมพำอีกว่า “ข้าต้องยืดเวลาเหล่านี้ออกไป ไม่สามารถทำให้พวกเขาชิงตัดสินคดีซูเจ๋อก่อน เวลาหกเจ็ดวันนี้ สิบกว่าวัน…….”

เธอชะงักงัน แววตาปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา กล่าวอีกว่า “เฮ่อฟั่งเป็นประธานผู้พิพากษา ข้าไม่สามารถทำอะไรองค์จักรพรรดิได้ ก็น่าจะทำอะไรกับเขาได้บ้างนะ…….”

พอพูดออกมา เฉินเสียนราวกับเพิ่งตื่นจากฝันโดยฉับพลัน

เธอเงยหน้ามองฉินหรูเหลียง แล้วกล่าวว่า “เอายามาให้ข้าดื่ม ข้ายังมีธุระที่ต้องออกไปข้างนอก”

ฉินหรูเหลียงกล่าว “เมื่อคืนนี้ท่านเพิ่งรับปากเฮ่อเซียง เวลานี้เปลี่ยนใจ ในกรณีที่เฮ่อเซียงก็เปลี่ยนใจจะทำอย่างไร?”

“ท่านคิดจะไปจัดการเฮ่อฟั่งหรือ?”

เฉินเสียนกล่าวอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตว่า “เฮ่อฟั่งไปประธานผู้พิพากษา หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ดูแลตัวเองยังจะไม่รอดเลย ก็ไม่มีเวลาไปสนใจคดีของซูเจ๋อ และก็ไม่มีเวลาไปปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมาด้วย”

เฉินเสียนพบว่าช่องทางนี้พอที่จะทำได้ ในเวลานั้นเธอเปิดผ้าห่มออกต้องการลุก ช่วงเวลาสั้นๆก็ล่าช้าไม่ได้ อีกด้านกล่าวว่า “ข้าไม่ไปจัดการเฮ่อฟั่ง และข้าก็ไม่ได้ต้องการชีวิตเขา ข้าหาคนมาจัดการ เฮ่อโยวไม่ใช่ว่าเกลียดเขามากหรือ เวลานี้ให้เขาไปต่อต้านเป็นเวลาที่เหมาะสมนะ!เพียงแค่หาความผิดของเฮ่อฟั่งเจอ………..”

ยังพูดไม่ทันจบ เฉินเสียนรีบร้อนยังไม่ทันยืนให้นิ่ง ก็ถูกมือข้างหนึ่งของฉินหรูเหลียงผลักให้นั่งลง

ฉินหรูเหลียงเข้าประชิดเธอ กล่าวขึ้นว่า “เฉินเสียน ข้าจะทำให้ท่านมีสติสักหน่อยนะ”

เฉินเสียนเปิดเปลือกตามองเขา กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้ข้ามีสติดีมาก”

“เช่นนั้นท่านคิดให้ข้าดูหน่อย ซูเจ๋อเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนหน้าจนถึงตอนนี้ ประสบการณ์ที่ลำบากอะไรไม่เคยเจอ เขาละเอียดรอบคอบ แผนการแยบยล ตอนที่ติดต่อเป่ยเซี่ยช่วยชีวิตท่าน จะไม่คิดถึงวันนี้ได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อเขาคิดได้แล้ว ไม่ได้เตรียมตัวอย่างรอบคอบได้อย่างไรกันเล่า!เขามีทางหนีทีไล่แน่นอน ท่านแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง”

นี่เป็นสิ่งที่ฉินหรูเหลียงคิดในใจมาโดยตลอด แต่ว่าเขาไม่พูดออกมาเลย ตอนนี้เห็นเฉินเสียนเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนจนทนไม่ไหวระเบิดออกมา

นานมาก เฉินเสียนเพิ่งจะกล่าวออกมาว่า “ถ้าหาก ครั้งนี้เขาไม่มีวิธีการจริงๆล่ะ”

“ท่านอยากช่วยเขา อยากทำอะไรช่วยเขาสักหน่อย ข้าเข้าใจ เพราะฉะนั้นข้าเลยไม่ขวางท่านมาโดยตลอด ข้าสามารถเคียงข้างท่านได้ แต่ว่าก็ขอให้ท่านอย่าถูๆไถๆแก้ขัด ทำอะไรก็ตามที่ถึงระดับที่เหมาะสมแล้วก็หยุด!”.

ฉินหรูเหลียงกล่าวอีกว่า “ท่านดูตัวท่านตอนนี้ ไม่เพียงแต่ดูแลตัวเองไม่ดีนะ เป็นลมเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็ไม่หยุดพักอีกแล้ว จับกุมผู้ใดได้ก็กัดผู้นั้น ไม่ช้าก็เร็วตัวเองก็จะได้รับบาดเจ็บ”

เฉินเสียนก้มศีรษะ วิตกมึนงงเล็กน้อย หลังจากเงียบอยู่นาน เธอยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “จับกุมผู้ใดก็กัดผู้นั้น ท่านรู้สึกว่าข้าเหมือนหมาบ้าสินะ”

ฉินรู้เหลียงมีสีหน้าที่ใจไม่แกร่งพอ แต่ปากยังกล่าวว่า “หรือว่าไม่ใช่หรือ”

“ข้าคิดได้อย่างฉับพลันเมื่อก่อนท่านพูดว่า ตอนอำนาจการเมืองใหม่ต้าฉู่เพิ่งจะสถาปนา ครั้งนั้นซูเจ๋อเพื่อที่จะปกป้องชีวิตข้า เขาคล้ายดั่งหมาบ้าจับกุมผู้ใดก็กัดผู้นั้น”

เฉินเสียนก้มศีรษะ ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งอีกว่า “อย่าพูดว่าหมาบ้าเลย เพียงแค่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เป็นบุคคลที่โหดร้ายเป็นภัยต่อผู้อื่น เป็นภูตฝีปีศาจข้าล้วนยินยอมนะ”

นานมาก ฉินหรูเหลียงได้พยักหน้า เม้มริมฝีปากกล่าวว่า “เฉินเสียน ท่านชนะแล้ว”

เฉินเสียนยิ้ม แล้วกล่าวว่า“ท่านหลีกทางให้ถึงได้ชนะ”

เขายังทำอะไรได้อีกล่ะ?หากต้องการกีดขวางเธอ เธออาจจะบ้าอย่างรุนแรงได้

ต่อมายาต้มเสร็จแล้ว ฉินหรูเหลียงยกมาบนมือเธอ กล่าวว่า “ดื่มยาแล้ว พวกเราจะออกไปด้านนอกด้วยกัน”

เฉินเสียนรีบรับมา ร้อนจนลวกลิ้นแล้ว ก็ยังต้องรีบดื่มมันลงไป

เธอมองฉินหรูเหลียงขมวดคิ้ว แล้วกล่าวปลอบประโลมว่า “ข้ารู้สึกว่าดื่มยาดื่มโจ๊กแล้ว ร่างกายดีขึ้นมาก ไม่หนาวไม่ร้อนอีกทั้งมีแรง ออกไปเดินหน่อยก็ดีต่อร่างกายนะ”

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “อวี้เยี่ยน เข้ามาเปลี่ยนชุดให้องค์หญิง”

เดิมอวี้เยี่ยนคิดว่าเฉินเสียนเป็นเช่นนี้แล้ว ฉินหรูเหลียงจะยินยอมให้ออกไปด้านนอกได้อย่างไร ตอนนี้ฉินหรูเหลียงบอกให้เปลี่ยนชุดด้วยตัวเองเลย อวี้เยี่ยนก็กล่าวอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงไปจัดเตรียมเงียบๆ

ตามที่เฉินเสียนร้องขอ อวี้เยี่ยนเปลี่ยนชุดกระโปรงที่เรียบง่ายแต่ดูงาม ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดมหนาทึบ บนศีรษะปักด้วยปิ่นหยกสีขาว ผมม้วนเป็นมวย

แต่ทว่าฉินหรูเหลียงมองแล้วขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ปิ่นระย้าที่ซื้อครั้งก่อนล่ะ กลับมาเหตุใดไม่เห็นท่านใช้มัน?”

เฉินเสียนรู้ว่าฉินหรูเหลียงไม่สบายใจ จงใจหาจุดบกพร่อง

เธอยิ้มแล้วหันไปกล่าวกับอวี้เยี่ยนว่า “เอาปิ่นระย้านั่นออกมาสวมใส่ให้ข้าที”

ฉินหรูเหลียงเห็นปิ่นระย้าอยู่ระหว่างผมของเฉินเสียนแล้ว สีหน้าถึงได้พึงพอใจ ตอนที่ออกมาจากเรือน อวี้เยี่ยนกลัวเฉินเสียนได้รับความเย็น เลยยัดโถน้ำร้อนไปบนมือเฉินเสียนด้วย

วันธรรมดาๆเฉินเสียนไม่ได้ใช้สิ่งนี้เลย และก็ไม่ชอบนำสิ่งนี้มาไว้บนมือด้วยมันทำให้ดูเกะกะ เธอกำลังจะวาง ฉินหรูเหลียงก็จับยัดไปบนมือเธอ เฉินเสียนเลยยักคิ้วแล้วคล้อยตามเขา

ผู้สอดแนมบริเวณโดยรอบจวนฉินล้วนถูกฆ่าหมดแล้ว จนถึงตอนนี้คล้ายดั่งไม่มีคนพบ ด้วยเหตุนี้เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงเลยออกจากจวนอย่างสบายอกสบายใจ และเฉพาะกาลที่ยังไม่พบว่ามีผู้ติดตามและสอดแนมอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองคนเดินเที่ยวเตร่บนถนนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ออกนำขบวนมุ่งไปทางจวนแห่งหนึ่ง แต่ทว่ายังไม่ได้ไปถึงประตูใหญ่ของผู้นั้น ได้หาซองมุมหยุดเพื่อสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง

ฉินหรูเหลียงเห็นไม้วงกบที่อยู่ด้านบนประตูสีแดงเข้มนั้น ในที่สุดได้กล่าวถามว่า “ท่านมาเรือนของเฮ่อฟั่งทำสิ่งใดกัน หรือว่าท่านอยากจะเข้าไปในเรือนของเขาเพื่อหาความผิดบกพร่อง?”

เรือนของเฮ่อฟั่งเป็นเขาที่พาเฉินเสียนมา ที่จริงเขาไม่ได้อยากมาเลยสักนิดหนึ่ง

เฉินเสียนกล่าวว่า “ตอนนี้ เหมือนว่าเฮ่อฟั่งไม่ได้อยู่ที่เรือน ท่านบอกว่าซูเจ๋อได้มีการเตรียมตัวไว้นานแล้ว ข้าคิดได้ทันทีว่าเมื่อสมัยนั้นเฮ่อฟั่งได้พานางสนมสองคนออกมาจากเรือนของเขา อาจเป็นหนึ่งในนั้น ในเมื่อต้องการหาเรื่องสร้างความลำบากให้เฮ่อฟั่ง ก็สามารถที่จะลงมือนางสนมสองคนนั้นก่อน”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset