ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 442 ต่อไปนี้ท่านก็เป็นคนของข้าแล้ว

หลังจากนั้นซูเจ๋อก็ขยับบร่างกายเข้าไปชิดใกล้มากขึ้น มือที่ไม่ได้บาดเจ็บก็กอดเธอเอาไว้ในอ้อมอกของตัวเองอย่างแน่น

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เหมือนกับการที่ตอนคบหากัน ตอนนี้พวกเขาต่างคนก็สวมเสื้อผ้าบางๆ ไม่นานพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากระหว่างร่างกายของกันและกัน

ซูเจ๋อขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากเย็นเฉียบไปสัมผัสเข้ากับใบหูของเฉินเสียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อขึ้นมา แล้วได้ยินเสียงของเขาที่ทำให้จิตใจนั้นหวั่นไหว “ใบหูของท่านร้อนจนทำให้คนตกใจกลัว”

แขนขาของเฉินเสียนอ่อนระทวย พูดเสียงหอบเบาๆว่า “ซูเจ๋อ เจ้าบาดเจ็บแล้วยังไม่รู้จักทำตัวดีๆอีก เจ้าอยากจะนอนพักผ่อนดีๆหรือไม่!”

ซูเจ๋อยิ้มแล้วอุทานว่า “ทุกครั้งมักจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เห็นเป็นไร คืนนี้ท่านนอนบนเตียงข้า ถึงอย่างไรต่อไปก็เท่ากับว่าท่านเป็นคนของข้าแล้ว”

เฉินเสียนได้ฟังแล้วใจก็เต้นอย่างเร็วรัวขึ้นมา เธอเม้มปากแล้วพูดว่า “ใครเป็นคนของเจ้ากัน”

“ท่านเป็นมาตั้งนานแล้ว”

ด้านนอกมีหิมะที่ร่วงลงมาอย่างหนัก แต่ภายในห้องนั้นกลับอบอุ่นเหมือนวสันตฤดู

ซูเจ๋อเหยียดร่างกายออกแล้วพิงกับไหล่ของเฉินเสียน นอนหลับสนิทอย่างปลอดภัย

ทั้งร่างกายและจิตใจของเฉินเสียนนั้นนานแล้วที่ไม่ได้รับความอบอุ่นที่แท้จริงเช่นนี้ แต่เธอก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ได้รับ

ความรู้สึกที่มีคนนอนหมอนเดียวกัน นอนร่วมเตียงและห่มผ้าด้วยกันมันเป็นความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง

เธอหลับๆตื่นๆ ไม่กล้าที่จะเผลอหลับสนิท สักพักก็ลืมตาขึ้นเพื่อมาสังเกตอาการของซูเจ๋อ แล้วใช้นิ้วค่อยๆวาดไปตามรูปคิ้วของเขา

แต่ไม่ว่าช่วงเวลากลางคืนจะยาวนานแค่ไหน เมื่อมาอยู่กับซูเจ๋อที่นี้ เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

หิมะที่ตกลงมาตลอดเกือบทั้งคืน จนกระทั้งเมื่อรุ่งสางหิมะจึงหยุดตก โลกภายนอกนั้นดูสงบเงียบเป็นอย่างยิ่ง

ด้านข้างหน้าต่าง ความมืดที่ไม่ได้มืดมาก แต่ก็มีแสงสว่างขาวบางๆปะปนอยู่

ถ้าเธออยู่ต่อไปก็เกรงว่าฟ้าจะสว่างแล้ว

เฉินเสียนหันหน้าไปหาซูเจ๋อ ค่อยๆจับมือของเขา แล้วใช้นิ้วคลำไปที่ชีพจรบนข้อมือของเขา ชีพจรนั้นเต้นอย่างคงที่ เธอจึงหมดห่วง

เธอมองไปทางเขาอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่หลายครั้ง จูบลงไปที่ระหว่างคิ้วของเขาอย่างเบาๆ แล้วไปแตะกับหน้าผากของเขาโดยบังเอิญ จากนั้นก็ค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา ก้าวเท้าเดินลงมาอย่างเบาเพื่อไปสวมใส่เสื้อผ้าให้ดี

เฉินเสียนใช้มือรวบผมให้เข้าทรงแล้วใช้ปิ่นหยกขาวม้วนขึ้น เมื่อเห็นว่าซูเจ๋อยังไม่ตื่น ผ้าห่มก็ยังห่มดีอยู่ เธอจึงหายห่วงแล้วหันตัวเดินออกไป

คนที่อยู่ด้านหลังอย่างซูเจ๋อที่นอนปิดตาหลับสนิทมาตลอด เวลานี้ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างเงียบๆพอมีสติที่จะเห็นภาพด้านหลังของเธอ

ตอนที่เฉินเสียนลุกนั้น เขาได้ตื่นนอนแล้วเพียงแต่เขาไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาตื่น ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่วางใจและไม่อยากจะกลับไป

ทันทีที่เปิดประตูออก ลมเย็นด้านนอกก็พัดเข้ามาข้างในอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฉินเสียนหนาวตัวสั่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อมองออกไปข้างนอกทั้งหมดนั้นก็เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน

ไม่ได้รอให้เธอเดินออกมาจากจวนก่อน พ่อบ้านก็เข้ามาในจวนแต่เช้าตรู่ แต่เมื่อเห็นเธอมายืนอยู่ด้านนอกห้องแล้ว ก็แสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสอย่างอธิบายไม่ถูก แล้วเอ่ยว่า “องค์หญิงตื่นนอนแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนมองท้องฟ้า แล้วพยักหน้า“อือ ข้าจะไปแล้ว แม้ว่าอาการของเขาจะคงที่แล้ว แต่ว่าอาการบาดเจ็บนั้นต้องคอยระวัง จำเป็นต้องเปลี่ยนยาทุกๆสองวัน”

พ่อบ้านจดจำและพยักหน้า

“ส่วนยาต้มและยาทาภายนอก ในห้องไม่มีกระดาษข้าเลยไม่ได้เขียนตำหรับยาไว้ รอเขาตื่นแล้วค่อยถามไปเขา เขาปรุงยาได้เก่งกว่าข้า”

“อีกอย่าง ตอนนี้เขามีไข้เล็กน้อย ถ้าเกิดว่ามีไข้สูงก็ต้องทำให้เขาไข้ลดทันที โดยให้ใช้น้ำเย็นเช็ดไปที่หน้าผากของเขา แต่ห้ามใช้น้ำที่เย็นจัด ถ้าเกิดว่าไข้ยังไม่ลดก็ไปตามหมอมา”

“ช่วงเวลานี้ ให้เขาได้นอนพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องออกไปไหน เดี๋ยวข้ากลับไปจะซื้อยาบำรุงที่ร้านให้ แล้วเดี๋ยวให้คนที่ร้านมาส่งที่นี่ รบกวนพ่อบ้านเอายาบำรุงให้เขากินด้วย มื้ออาหารในแต่ละวันต้องเป็นอาหารที่อ่อนๆ ถ้าเกิดเขารู้สึกไม่อยากอาหารก็ให้พ่อครัวปรับรสชาติให้อร่อย เขากินได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องให้เขาได้กินหน่อย ”

ซูเจ๋อลืมตาเรียวยาวของเขาขึ้น ท่าทางสะลืมสะลือฟังเสียงที่พูดด้านนอก เฉินเสียนกำลังพูดอธิบายให้กับพ่อบ้านอย่างละเอียด

เขาได้รับความเป็นห่วงและห่วงใยจากเธอ เพียงแค่ประตูที่กั้นอยู่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากคำพูดของเธอเข้ามาสู่ในหัวใจของเขาได้

“หิมะตกหนักอากาศจะเย็น เจ้าต้องคอยเตือนให้เขาสวมเสื้อผ้าเยอะๆ ภายในห้องก็ต้องเตรียมเตาอุ่นให้เขาด้วย เพราะเกรงว่าเขาจะไม่อบอุ่น”

เฉินเสียนก็พบว่าตัวเองยิ่งพูดก็ไม่หมด อยากจะพูดกำชับอะไรออกมาก็คิดไม่ออก ก็เลยหยุดแล้วพูดว่า“เท่านี้ก่อน รบกวนพ่อบ้านด้วย ต้องดูแลเขาให้ดีๆ”

พ่อบ้านตอบ “องค์หญิงวางใจ บ่าวจะดูแลใต้เท้าให้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนเพิ่งคิดได้ว่าพ่อบ้านมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ต้องมีเรื่องอะไรเป็นแน่ จึงถามว่า“เจ้ามาแต่เช้าเลย มีเรื่องอะไรรึ? ตอนนี้เขายังนอนอยู่ ให้เขาได้นอนต่ออีกสักครู่เถิด”

เฉินเสียนพูดเตือน พ่อบ้านจึงตบไปที่หน้าผากแล้วพูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา บ่าวเกือบลืมไปเลย เมื่อเช้านี้ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ที่ประตูหลังจวนก็มีคนมายืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว คาดว่าจะมาหาองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

“มาหาข้ารึ?” เฉินเสียนเลิกคิ้ว “ใครกัน?”

“น่าจะเป็น……ท่านแม่ทัพใหญ่คนก่อน”พ่อบ้านไม่อยากจะรบกวนท่านใต้เท้าเขา แต่ถ้าเกิดว่าประตูหลังจวนมีคนตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อท้องฟ้าสว่างแล้วคนจะเดินผ่านไปมากันเยอะ มันจะดึงดูดความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นพ่อบ้านจึงใจกล้าที่เข้ามาในจวนเพื่อจะมารายงานกับเบื้องบนให้ทราบ

คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินเข้ามา ก็จะพบกับเฉินเสียนที่ออกมาพอดี

เฉินเสียนพูดเบาๆว่า “เช่นนั้น ข้าไปก่อนแล้วกัน”

เฉินเสียนเดินผ่านทางเล็กสีขาวอันเงียบสงบ สองข้างทางนั้นมีดอกเหมยบานต้อนรับความเย็น มีกลิ่นอายความสดใสในเหมันตฤดู

เมื่อบานประตูค่อยๆเปิดออก เฉินเสียนก็ก้าวเท้าออกไป

เวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ตรอกด้านนอกที่ผ่านหิมะตกหนักมาทั้งคืน ถูกปกคลุมอย่างหนาทึบจากหิมะ ที่ซึ่งแทบไม่มีร่องรอยอยู่บนพื้น ตอนนี้ก็ไม่มีใครก้าวเท้าเข้าไป

แน่นอน ว่ายกเว้นบางคนที่มายืนเฝ้าดูคนอื่นตั้งแต่เช้าตรู่

เวลานี้ฉินหรูเหลียงก็ยืนพิงกำแพงอยู่ ไม่รู้ว่าเขามารอรอยู่นานแค่ไหนแล้ว ความรู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วทั้งตัวผสมผสานกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะไว้ด้วยกัน

พ่อบ้านเชิญเขาเข้ามาแต่เขาก็ไม่เข้า และก็ไม่ยอมไปไหน ยืนหยัดที่จะรอให้เฉินเสียนออกมา

เมื่อเห็นเฉินเสียนออกมา ตาของฉินหรูเหลียงก็ขยับ ร่างกายก็เคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา แล้วเอ่ยว่า“นับว่าท่านยังเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ได้อาลัยอาวรณ์ผู้ชาย แล้วจะนอนตื่นสายจึงค่อยออกมา”

ฉินหรูเหลียงเอามือถูที่จมูกแล้วพูดว่า“ฉินหรูเหลียง เจ้าระวังคำพูดหน่อย อะไรที่เรียกว่าอาลัยอาวรณ์ผู้ชาย”

เธอยังมีความรอบคอบอยู่ ถึงแม้จะไม่เต็มใจ ก็จะไม่ออกจากบ้านของซูเจ๋อในเวลากลางวันเป็นแน่

ฉินหรูเหลียงยิ้มเย็น“แถมยังกล้ากระโดดลงจากรถม้าที่ขับอย่างรวดเร็ว คงไม่ใช่ว่าเพื่อผู้ชายแล้วแม้แต่ชีวิตตัวเองก็ไม่ห่วงหรอกนะ? ข้าไม่ได้ตั้งโทษกล่าวหาท่านแม้แต่น้อย”

เฉินเสียนก้าวเท้าเดินเล่นเข้าไปในตรอก ฉินหรูเหลียงก็เดินตามด้านหลัง

เมื่อก้าวเท้าลงไปในหิมะความลึกนั้นลึกถึงข้อเท้า การเดินทางนั้นช้าและยากลำบาก ความเย็นยะเยือกแทรกเข้าในเท้า

เฉินเสียนขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า“ท้องฟ้ายังเช้าอยู่เลย เจ้าไม่นอนหลับพักผ่อนอย่างขี้เกียจของเจ้าต่อไปรึ มาทำอะไรที่นี่?”

“มาจับชู้”

เฉินเสียนยิ้มอย่างโกรธ กัดริมฝีปากแล้วเอ่ยว่า“จับชู้แม้แต่ประตูยังไม่ยอมเข้า จะไปจับชู้ได้ที่ไหนกัน? สมองของเจ้าเป็นโพรงหรืออย่างไร? กลัวว่าข้าจะไม่กลับไปรึ?”

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นกังวลกลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องไม่ดี

ฉินหรูเหลียงเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า“เมื่อคืนองครักษ์วังหลวงเข้ามาค้นหาที่จวน”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset