ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 447 เป็นเช่นนั้นจริงใช้การได้ดีกว่าหมาที่ให้ดูเรือนนะ

บนใบหน้าแม่นมซุยไร้การแสดงออก ในใจนั้นโล่งอก เลิกความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต่อไปไม่มีคนสามารถสอดแทรกความสัมพันธ์องค์หญิงกับใต้เท้าของนางได้แล้ว

แม่นมซุยปลอบใจอวี้เยี่ยนว่า “ปล่อยวางบ้าง นี่ล้วนเป็นนี่ล้วนเป็นความคิดเห็นขององค์จักรพรรดิ”

ไม่รู้ว่าใช่เพราะว่ามีเฉินเสียนอยู่ด้วยหรือไม่ ความกล้าของเจ้าน่องน้อยกล้ามากขึ้น ดึงเฉินเสียนเดินไปบริเวณระเบียงทางเดินอยู่เป็นประจำ นั่งยองๆอยู่ที่หน้าราวจับมองจระเข้ที่แหวกว่ายในน้ำ

จระเข้นั้นทั่วทั้งตัวแห้งย่นเต็มไปหมด ทั้งอัปลักษณ์ทั้งโหดร้าย ผู้ใหญ่เห็นใจล้วนกลัว เขามองอย่างสีหน้าแวววาว

เฉินเสียนหรี่ตามอง นั่งยองๆชื่นชมเหมือนกับเขา

เสี่ยวเฮอไม่กล้าประมาทเลินเล่อทันที อยู่ด้านข้างเกลี้ยกล่อมปากเปียกปากแฉะกล่าวว่า “องค์หญิงอุ้มท่านชายน้อยเข้ามาหน่อยเถิดเพคะ จระเข้ในน้ำโหดเหี้ยมมาก อีกสักครู่กระโดดมาจากน้ำจะทำอย่างไรเพคะ”

ในระหว่างนั้น จระเข้นั้นโดดมาจากน้ำสองครั้ง น่าเสียดายน้ำห่างจากเวทีมีความสูงที่แน่นอน เจ้าน่องน้อยเปลี่ยนตำแหน่งนั่งยองๆ ขาสั้นสองข้างห้อยที่ชายขอบ อย่างไรจระเข้ก็สัมผัสไม่ได้

แต่ฉากนี้ได้ทำให้คนกลัวมากเพียงพอแล้ว

อวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยมองจนหัวใจกับตับสั่นเทา และก็มุ่งเข้าตักเตือน

เฉินเสียนชำเลืองมองเจ้าน่องน้อย ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มกล่าวว่า “ความกล้าไม่น้อยเลยหรือนี่”

เจ้าน่องน้อยก้มศีรษะ จ้องมองจระเข้ที่วนรอบเขาอยู่ด้านล่าง มักจะแกว่งเท้าอยู่เป็นนิจ ราวกับกำลังหยอกพวกมัน ลักษณะท่าทางตั้งใจจนไม่สามารถมีอะไรมาเทียบได้

เฉินเสียนหันกลับมองเห็นทั้งสามคนสีหน้าตื่นตะลึง กระตุกยิ้มหัวเราะที่มุมปาก และก็ไม่ทำสิ่งที่ทำให้พวกนางลำบากใจ ปัดชุดแล้วลุกขึ้น แขนข้างหนึ่งฉวยดึงเจ้าน่องน้อยขึ้นมา และออกจากชายขอบไป

จระเข้ในทะเลสาบไม่ยินยอม ตีพลิกอยู่ในทะเลสาบราวกับโกรธแค้น

เฉินเสียนกล่าวกับเสี่ยวเฮอว่า “จระเข้นี้เหมาะที่จะอยู่สถานที่ที่อบอุ่นและชื้น หากโอกาสหนาวมาบ้าง พวกมันยังต้องจำศีล ตอนนี้หิมะตกหนักทอดยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา แม่น้ำหยางชุนที่อยู่ด้านนอกพระราชวังมีน้ำแข็งเป็นชั้นบางเบา พวกมันยังดูมีชีวิตชีวา”

เสี่ยวเฮอกล่าวว่า “จระเข้ต้องจำศีลหรือไม่บ่าวไม่รู้เพคะ บ่าวรู้เพียงว่าน้ำทะเลสาบอบอุ่นอยู่ ถึงช่วงเหมันตฤดูหนาวแค่ไหนก็ไม่มีทางแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง”

“เหตุใดเล่า?”

เสี่ยวเฮอกล่าวว่า “บ่าวได้ยินมาว่าเพื่อที่จะเลี้ยงจระเข้มุทะลุดุดันและโหดร้ายเหล่านี้ องค์จักรพรรดิรับสั่งช่างนำบ่อน้ำร้อนมาไว้ในทะเลสาบแล้วเพคะ ดังนั้นน้ำทะเลสาบนี้เลยอบอุ่นกว่าสถานที่อื่น ตรงใต้พื้นมีบ่อน้ำร้อนไหลย้อย นำจระเข้ที่พักพิงอยู่บริเวณรอบๆอุ่นจนอบอุ่นเลยเพคะ”

เสี่ยวเฮอยังกล่าวว่า “อีกทั้งในพระราชวังยังมีผู้มาให้อาหารดูแลฝึกสอนโดยเฉพาะ จระเข้เหล่านี้มุทะลุดุดันและโหดร้าย แต่พอผู้ที่เลี้ยงดูให้อาหารมาที่นั่น ก็เปลี่ยนเป็นเชื่องทั้งว่านอนสอนง่าย”

“ยังมีเช่นนี้ด้วยหรือ?”เฉินเสียนเห็นเจ้าน่องน้อยฟังอย่างตั้งใจ ก็หัวเราะกล่าวขึ้นว่า “เจ้ารู้เยอะมาก”

เสี่ยวเฮอกล่าวว่า “ห่างไม่กี่วันผู้เลี้ยงจะมาป้อนอาหารหนึ่งครั้ง บ่าวยังได้ยินอีกว่า มีเพียงผู้เลี้ยงที่เข้าใจความหมายของพวกมัน เป็นเหตุผลเดียวกันกับที่เลี้ยงหมาดูแลเรือนเพคะ”

เสี่ยวเฮอนับว่าเป็นนางกำนัลที่ค่อนข้างกล้าหาญของพระตำหนักไท่เหอ คนอื่นล้วนหลบเลี่ยงและห่างไกลไว้ แต่ทว่านางยังสืบถามเรื่องเหล่านี้

เสี่ยวเฮอกับอวี้เยี่ยนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อยากรู้อยากเห็น เมื่อก่อนไม่ให้เจ้าน่องน้อยเข้าใกล้ชายขอบ แต่เห็นเจ้าน่องน้อยมักจะมองไปในน้ำอยู่เสมอ อาจจะอยากรู้อยากเห็นประหลาดใจ บางเวลาเห็นคนฝั่งตรงข้ามมีคนมาป้อนอาหาร เสี่ยวเฮอก็เดินไปติดต่อพูดไม่กี่ประโยค รู้เรื่องราวมากมายก็สามารถเล่าให้เจ้าน่องน้อยฟัง

เฉินเสียนไตร่ตรอง เด็กสาวนี่ฉลาดหลักแหลม ก็เลยกล่าวถามว่า “เจ้ายังรู้สิ่งใด?”

เสี่ยวเฮอคิดแล้วคิดอีก กล่าวอย่างลับลมคมในว่า “ไม่กี่วันมานี้พระตำหนักไท่เหอประสบเคราะห์ร้ายพบนักฆ่า นักฆ่าเหล่านั้นอยากจับท่านชายน้อยไป องค์หญิงน่าจะไม่รู้ เหมือนกับว่ากลุ่มจระเข้นั้นพบเจอ จระเข้ไม่มั่นคงกระสับกระส่าย พอคนป้อนอาหารมาดูก็บอกว่ามีคนถลันเข้ามา ทหารอารักขารีบเข้ามาที่พระตำหนักไท่เหอ สรุปแล้วพบว่ามีนักฆ่าจริงๆ”

เป็นผลให้เสี่ยวเฮอกลัวจระเข้ในทะเลสาบนั้นแต่ก็ไม่ได้เกลียดชัง ภายในความคิดเห็น หากไม่ใช่จระเข้ส่งต่อข้อความได้ทันเวลา นักฆ่าลักพาตัวเจ้าน่องน้อยไปแล้ว เกรงว่ารายหัวเบื้องบนเบื้องล่างของพระตำหนักไท่เหอ ล้วนไม่สามารถรักษาได้แล้ว

ก่อนหน้าเฉินเสียนไม่ใช่ว่าไม่มีความงงงวย วิชาตัวเบาซูเจ๋อดีมาก เขาล้วนสามารถเข้ามาในพระราชวังอย่างราบรื่น เหตุใดตอนที่เคลื่อนไหวถึงได้ถูกทหารอารักขาพบเจอได้

ที่แท้ กลับพ่ายแพ้ให้จระเข้กลุ่มนี้

เฉินเสียนกล่าวแฝงไปด้วยความไม่เข้าใจว่า “เป็นเช่นนั้นจริงใช้การได้ดีกว่าหมาที่ให้ดูเรือนนะ”

อากาศหนาวเหน็บ แต่เจ้าน่องน้อยไม่กลัวหนาว มักอยากจะลากเฉินเสียนออกไปเดินเล่นด้านนอก แต่พระตำหนักไท่เหอทั้งข้างหน้าข้างหลังก็ใหญ่เท่านี้ ไม่นานก็เดินตามสถานที่เสร็จ ทุกวันเดินเส้นทางเดิมที่เหมือนกัน ก็ชัดเจนว่าก็พื้นๆธรรมดา

เจ้าน่องน้อยยืนอยู่หน้าพระตำหนัก แววตาขาวดำคู่นั้นมักมองไปฝั่งตรงข้ามเสมอ

ภายหลังเทศกาลตังโจ่ย หิมะตกลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หิมะที่มีเนิ่นนานยังไม่ได้ละลาย หิมะใหม่ก็โผลงมา แต่นี่ล้วนเป็นขอบเขตที่อยู่นอกเหนือพระตำหนักไท่เหอ

เพราะพระตำหนักไท่เหอโดยรอบมีน้ำทะเลสาบที่อบอุ่นมากกว่าสถานที่อื่น ไม่มีทางแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง พอหิมะตกลงมา ยังไม่ได้รอกองสุมกันขึ้นมา ก็ละลายก่อนแล้ว

ด้วยเหตุนี้ในพระตำหนักอยากดูทิศทัศน์หิมะ เป็นสิ่งที่ยากมาก เช่นนี้เจ้าน่องน้อยเลยอยากไปฝั่งตรงข้าม

วันนี้เฉินเสียนพันรอบเขาแน่นสนิทมิดชิด แล้วจูงมือของเขา สองแม่ลูกเดินขึ้นไปบนสะพานไม้ มุ่งตรงไปที่ฝั่งตรงข้าม

เสี่ยวเฮอเกลี้ยกล่อมอย่างอิดโรย กล่าวว่า “องค์หญิงกับท่านชายน้อยอยู่ในพระตำหนักไท่เหอค่อนข้างดีแล้วนะเพคะ…….ด้านนอกมีทหารอารักขาเฝ้าดูอยู่นะเพคะ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ถึงแม้พวกข้าพักที่พระตำหนักไท่เหอ แต่องค์จักรพรรดิพูดออกมาอย่างชัดเจนหรือว่าไม่ให้พวกข้าออกไปเดินเล่น?”

เสี่ยวเฮอคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “ไม่เพคะ”

พอเดินตรงสะพานไม้เสร็จ ไปที่ฝั่งตรงข้าม ก็มีทหารอารักขามาขวางทางไว้

เฉินเสียนกล่าวว่า “เด็กน้อยอยากไปเล่นหิมะ ข้าอยากพาเขาไปเที่ยวชมเล่นในสวนดอกไม้”

“ไม่มีรับสั่งขององค์จักรพรรดิ กระหม่อมไม่สามารถเปิดทางได้พ่ะย่ะค่ะ”

“องค์จักรพรรดิให้ข้าพักที่พระราชวังยาวเลยนะ แต่ทว่าที่แท้คือต้องการที่จะกักบริเวณข้าหรือ?”เฉินเสียนขมวดคิ้ว “ขนาดออกมาเดินเล่นกับลูกยังไม่ได้เลยหรือ?”

องค์จักรพรรดิไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่ากักบริเวณ แต่รับสั่งให้องค์หญิงสองแม่ลูกอาศัยอยู่ที่นี่ รับสั่งเหล่านี้ทหารอารักขาเลยหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเฝ้าที่ฝั่งตรงข้าม ไม่มีคำพูดอย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้สองแม่ลูกคู่นี้ออกนอกพระตำหนักไท่เหอ

แต่ความหมายของทหารอารักขาเข้าใจว่า ไม่อนุญาตให้เฉินเสียนกับเจ้าน่องน้อยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว

เฉินเสียนเห็นทหารอารักขาไม่ถอย จึงกล่าวอีกว่า “พวกเจ้าสามารถไปกราบทูลองค์จักรพรรดิ ถามดูสิว่าอนุญาตข้าพาลูกไปเล่นหิมะในสวนดอกไม้หรือไม่”

วันนี้เฉินเสียนพาเจ้าน่องน้อยออกมาหาเรื่องเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นหากถูกขังอยู่ในพระตำหนักไท่เหอ จักต้องเป็นบ้าให้ได้แน่

พระราชวังใหญ่เช่นนี้ ออกมาจากพระตำหนักไท่เหอก่อน และยังสามารถคุ้นเคยกับสถานที่อื่นได้ด้วย

ดังนั้นสิ่งที่สองแม่ลูกมีคือความอดทน แต่ทหารอารักขาไม่เปิดทางให้ สองแม่ลูกก็อยู่ที่นี่ถ่วง พวกเขายืนอย่างไม่เหนื่อย ก็ไม่รู้ว่าทหารอารักขายกมือรั้งขวางทางไว้อย่างนี้ เมื่อยมือบ้างหรือไม่

เป็นเช่นนั้นจริง หลังถ่วงฝีมืออยู่สามสิบนาที ทหารอารักขาเลยประนีประนอมก่อน แล้วกล่าวว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปกราบทูลองค์จักรพรรดิ หากองค์จักรพรรดิไม่ยินยอม กระหม่อมก็ไร้วิธีการ ขอความกรุณาองค์หญิงไม่ทำให้กระหม่อมลำบากใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนหรี่ตามองแล้วพยักหน้า กล่าวขึ้นว่า “รีบไปเถิด”

ดังนั้นจึงมีทหารอารักขาคนหนึ่งหันกลับแล้ววิ่งไปทันที

เฉินเสียนก้มศีรษะสบตากับเจ้าน่องน้อย เจ้าน่องน้อยสีหน้าเรียบเฉย สงบเป็นอย่างมาก

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset