ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 475 มีใครจะโหดร้ายต่อตัวเองเช่นนี้

เมื่อก่อนที่ซูเจ๋อจงใจปิดบังความจริงไม่ให้เธอกลับเมืองหลวง ให้เธอนึกถึงสถานการณ์โดยรวม ณ ตอนนั้นก่อน เฉินเสียนก็สามารถจะเข้าใจได้

เพราะว่าเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าเจ้าน่องน้อยเป็นลูกของซูเจ๋อ ก็คิดว่าเขาคงไม่มีทางที่จะเข้าใจความรู้สึกในการสูญเสียลูกอย่างแน่นอน

และเธอก็ยิ่งไม่รู้ว่าเจ้าน่องน้อยถูกพาเข้าไปในพระราชวังนั้นก็เพราะว่าเขาจงใจวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว เธอคิดว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่ถูกบีบบังคับอย่างช่วยไม่ได้มาตลอด ดังนั้นเธอจึงมีสติและสามารถพอที่จะเข้าใจในเหตุผลของซูเจ๋อได้

แต่มาวันนี้ ความจริงมาปรากฏต่อหน้าเธออีกครั้ง เธอกลับรู้สึกไม่สามารถจะเข้าใจได้ ซูเจ๋อจะตัดขาดเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้อย่างไร

เฉินเสียนคิดไม่ถึงว่าในค่ำคืนที่ยาวไกล สุดท้ายคนที่ไม่มีจิตใจนอนหลับให้สงบลงได้นั้นก็คือตัวเธอเอง

เธอคิดว่าขอเพียงแค่ซูเจ๋อพูดชี้แจงออกมาให้ชัดเจน เธอก็จะสามารถไม่คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เขาปิดบังเธอมาตลอดสองปี แล้วเธอก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยที่เขาปฏิเสธเรื่องเจ้าน่องน้อย

แต่ในเมื่อหัวใจของเขา ไม่เคยถือว่าเจ้าน่องน้อยนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเลย สำหรับเขาแล้ว เจ้าน่องน้อยอาจเป็นเพียงแค่กลอุบายอย่างหนึ่ง เป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

เฉินเสียนหันกลับไปมองใบหน้าเล็กของเจ้าน่องน้อยที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเกิดซูเจ๋อไม่ใช่พ่อของเขาจริงๆ ก็บอกไม่ได้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี

ความจริงที่ซูเจ๋อเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเจ้าน่องน้อย มันทำให้จิตใจของเฉินเสียนนั้นสับสนวุ่นวาย เมื่อรู้ถึงรายละเอียดของเรื่องนี้ ตอนที่เธอดึงสติกลับมาได้แล้วนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งมาจนถึงฟ้าสว่างได้อย่างไร

วันที่สอง แม่นมซุยเข้ามาภายในห้อง เมื่อเห็นเฉินเสียนนั่งอยู่ด้านนนอก จึงพูดด้วยความตกใจว่า “ทำไมองค์หญิงถึงเอาเสื้อพาดไว้ที่บ่าแล้วไปนั่งอยู่ตรงนั้น ทำไมไม่เรียกบ่าวหล่ะเพคะ?”

เฉินเสียนมองที่แม่นมซุยเป็นเวลานาน ดวงตาก็เริ่มแดง จึงถามขึ้นว่า “เอ้อร์เหนียง สิ่งที่อวี้เยี่ยนพูดมานั้นมันเป็นความจริงหรือไม่?”

แม่นมซุยเงียบไป แล้วถามว่า“อวี้เยี่ยนพูดอะไรกับองค์หญิงหรือเพคะ?”

อวี้เยี่ยนที่ไม่ได้นอนทั้งคืน พูดขึ้นว่า“เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน ข้าพูดกับองค์หญิงไปหมดแล้ว องค์หญิงไม่สามารถเลอะเลือนในการเลือกใช้ชีวิตกับคนคนหนึ่งได้”

แม่นมซุยถอนหายใจแล้วพูดว่า“อวี้เยี่ยน เรื่องของใต้เท้าเป็นเรื่องที่เขาจะมาจัดการด้วยตัวเอง เจ้าปากมากไปแล้วนะ!”

อวี้เยี่ยนพูด “มันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเขาจะเข้ามาพูดกับองค์หญิงตรงๆเลย ถ้าข้าไม่พูดข้าเกรงก็ว่าเขาคงจะปิดบังไปตลอดชีวิตเลยสินะ”

เฉินเสียนถามอีกครั้งว่า“เอ้อร์เหนียง ทั้งหมดมันเป็นความจริงหรือไม่?”

แม่นมซุยนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเฉินเสียน

เฉินเสียนพูดอย่างเฉยชาว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าน่องน้อยก็จะตื่นแล้ว อวี้เยี่ยน ไปตามเสี่ยวเฮอมาเปลี่ยนชุดให้เจ้าน่องน้อย พาไปกินข้าวเช้า แล้วพาเขาออกไปเล่นที่ห้องตำราก่อนไป”

“เพคะ”

เจ้าน่องน้อยตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง แล้วนำมือขึ้นมาขยี้ดวงตา เฉินเสียนนั่งอยู่อีกที่หนึ่ง ร่างกายของเธอเย็นยะเยือก จึงไม่อยากจะไปทำให้เขารู้สึกอึดอัด เสี่ยวเฮอเปลี่ยนชุดให้เขาเสร็จ เฉินเสียนก็ยังไม่เข้าไปในห้อง

ตอนที่เสี่ยวเฮอจูงมือเจ้าน่องน้อยเดินออกไป เฉินเสียนจึงพูดว่า “เจ้าน่องน้อยเป็นเด็กนะ ไปกินข้าวเช้ากับเสี่ยวเฮอก่อน แม่มีเรื่องที่จะคุยกับพวกเธอก่อน”

เจ้าน่องน้อยเดินออกไปกับเสี่ยวเฮออย่างว่าง่าย

เมื่อครู่เฉินเสียนมองไปยังแม่นมซุย แม่นมซุยจึงพูดว่า “แม้ว่าบ่าวจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วอวี้เยี่ยนนั้นพูดอะไรกับพระองค์ไปบ้าง แต่บ่าวเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามความคิดโดยพลการของบ่าวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใต้เท้าเลยนะเพคะ”

“ไม่เกี่ยวข้องกับเขา”เฉินเสียนเดินตรงไปที่ด้านหน้าของนาง แล้วพูดชัดๆทีละคำ “ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ แล้วใครกันที่ทำให้เจ้าช่างกล้าทำเช่นนี้?เจ้าควรรู้ไว้ ว่าที่สถานการณ์ของพวกข้าสองแม่ลูกเป็นอยู่ในทุกวันนี้ มันก็เป็นผลมาจากการกระทำที่เจ้าคิดในเวลานั้น”

แม่นมซุยหมอบลงไปกับพื้น พูดทั้งน้ำตาว่า “บ่าวก็ไม่เคยคิด แต่ว่าถ้าตอนนั้นไม่ทำเช่นนั้น มันอาจจะมีผลกระทบมาถึงองค์หญิงอย่างแน่นอน องค์หญิง เดิมทีคำพูดเหล่านี้ควรเป็นใต้เท้ามาพูดกับองค์หญิงด้วยตัวเอง ใต้เท้าปฏิบัติกับองค์หญิงอย่างทุ่มเทสุดชีวิตแน่นอนเพคะ!”

เฉินเสียนก้มหน้าลง แล้วนำมือขึ้นมาปิดที่ใบหน้า น้ำตาไหลออกมาตามซอกนิ้ว “ทุ่มเทกับข้าอย่างสุดชีวิต นั้นก็คือส่งเจ้าน่องน้อยให้ไปตายใช่หรือไม่ เจ้าน่องน้อยเป็นลูกชายของเขา เอ้อร์เหนียง บนโลกใบนี้จะมีใครที่จะโหดร้ายกับลูกเช่นนี้บ้าง และจะมีใครโหดร้ายต่อตัวเองเช่นนี้กัน ”

แม่นมซุยปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “องค์หญิง ถ้าเกิดมีสองทางให้เลือก เขาก็จะเลือกองค์หญิงมาโดยตลอด แม้แต่ชีวิตของเขาเองก็ยังไม่ต้องการ ใต้เท้าทุ่มเทในการวางแผนอย่างที่สุด เขาไม่ยอมแพ้กับความล้มเหลว เขาต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับองค์หญิงเขาถึงจะวางใจได้ เพียงเพื่อสิ่งนี้ อะไรเขาก็สามารถจะสละได้……”

เฉินเสียนก้มลงมองนาง“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากฟัง เจ้าออกไป”

จากนั้นการใช้ชีวิตประจำวันของเจ้าน่องน้อย เฉินเสียนก็ไม่อนุญาตให้แม่นมซุยเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก

พระตำหนักไท่เหอนั้นเงียบเหงากว่าแต่ก่อนมาก

เรื่องราวของพระสนมฉีนั้นถูกกระจายอย่างดุเดือดในพระราชวัง เสี่ยวเฮอที่ไปสืบถามข่าวคราวมาอย่างถี่ถ้วน จึงอยากจะกลับมาเล่าให้เฉินเสียนฟัง แต่ว่าเฉินเสียนนั้นกลับไม่ได้สนใจ

ดังนั้นเสี่ยวเฮอจึงได้แต่เพียงไปพูดกับบ่าวใช้อย่างอวี้เยี่ยนเป็นการส่วนตัวว่า “พระสนมฉีสิ้นพระชนม์แล้ว”

อวี้เยี่ยนตกใจ “เมื่อก่อนก็ยังเห็นว่าดีๆอยู่เลยไม่ใช่รึ ทำไมถึงสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน?”

เสี่ยวเฮอพูด“หลังจากงานเลี้ยงพระราชวังเมื่อคืน ได้ยินว่าถูกองค์จักรพรรดิใช้ดาบฟันให้สิ้นพระชนม์ ทั้งนางและชายชู้ของเขา องค์จักรพรรดิทรงกริ้วมากจนกระอักเลือด”

อวี้เยี่ยนถามรายละเอียดจึงรู้ว่า ที่แท้เมื่อคืนพระสนมฉีใช้ช่วงเวลาที่องค์จักรพรรดิไม่อยู่จึงแอบไปที่ห้องตำราหลวง ผลสุดท้ายก็มีอีกหนึ่งคนที่เข้าไปในห้องตำราหลวง

คนคนนั้นก็คือคนที่เพิ่งออกมาจากคุก แต่ก่อนเป็นขุนนางทรงโปรดข้างกายขององค์จักรพรรดิ ใครจะไปคิดว่าทั้งสองคนใช้ช่วงเวลาที่องค์จักรพรรดิไม่อยู่ ร่วมรักอย่างดุเดือดกันในห้องตำราหลวง

เสียงนั้นดังรบกวนออกไปถึงด้านนอกทำให้องครักษ์เฝ้ายามได้ยินเสียง จึงไปรายงานให้กับองค์จักรพรรดิ สุดท้ายองค์จักรพรรดินำคนมาที่ห้องตำราหลวง และจับได้คาหนังคาเขา

เสี่ยวเฮอพูดกับอวี้เยี่ยนอย่างเบาๆว่า “พระสนมฉีเป็นที่โปรดปรานมาก ถ้านางไม่ละเมิดขอบเขตขององค์จักรพรรดิ ก็คงไม่มีจุดจบชีวิตเช่นนี้”

อวี้เยี่ยนก็เห็นด้วยจึงพูดว่า“ห้องตำราหลวงเป็นสถานที่อะไร ทั้งสองคนทำเช่นนั้นให้ห้องตำราหลวง สงสัยคงไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วสินะ”

เสี่ยวเฮอชำเลืองมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใคร จึงกระซิบพูดว่า“ทั้งสองไม่เพียงแต่ทำให้ห้องตำราหลวงยุ่งเหยิง แต่ทั้งคู่ยังขึ้นไปบนบัลลังก์มังกรอีกด้วย ได้ยินว่าตอนที่องค์จักรพรรดิเสด็จไปถึง เห็นทั้งสองคนกำลังนั่งซ้อนทับกันอย่างเร้าร้อนอยู่บนบัลลังก์มังกร องค์จักรพรรดิทรงกริ้วมาก จึงชักดาบขององครักษ์ออกมา แล้วใช้ดาบเล่มเดียวแทงเข้าไปทั้งคู่ ทั้งสองคนเสียชีวิตลงตรงนั้น องค์จักรพรรดิยังมีรับสั่งให้นำร่างทั้งสองคนไปสับให้ละเอียดแล้วไปโยนให้หมาป่ากิน”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ห้ามพูดในพระราชวังโดยเด็ดขาด แต่ถึงอย่างไรก็เล็ดลอดออกมาได้อยู่ดี ไม่ใช่เพียงแต่คนในพระราชวังที่รู้ แม้แต่เหล่าขุนนางและเหล่าคณะทูตที่มาร่วมงานเลี้ยงพระราชวังเมื่อคืนต่างก็รู้กันหมด

เฉินเสียนพาเจ้าน่องน้อยไปเดินเล่นกลับมา มายืนอยู่ด้านหลังโดยที่พวกนางทั้งสองไม่รู้ตัว แล้วจึงพูดว่า“มานั่งนินทาอะไรกันอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวถูกตัดลิ้นหรืออย่างไร?”

อวี้เยี่ยนตกใจ รู้ว่าเฉินเสียนนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ จึงรีบลุกขึ้นแล้วไปลากเฉินเสียนเพื่อจะกระซิบว่า“องค์หญิง ท่านรู้ไม่เพคะ……”

การนินทาของผู้หญิงมักจะทำให้อารมณ์นั้นดีขึ้นมาได้ เพียงแต่อวี้เยี่ยนยังพูดไม่ทันจบ เฉินเสียนก็พูดขึ้นว่า “พูดเสียงดังขนาดนี้ ไม่ต้องกังวลว่าทั้งพระตำหนักไท่เหอจะไม่ได้ยินหรอก”

เฉินเสียนเก็บความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดไว้ในใจ สีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี

หลังจากที่องค์จักรพรรดิรับสั่งให้องครักษ์นำร่างพระสนมฉีและเฮ่อฟั่งไปโยนให้หมาป่ากินแล้วนั้น ก็หมดเรี่ยวแรงใจและความคิดต้องนอนพักอยู่ในห้องบรรทมอยู่ถึงสองวัน

หลังจากที่องค์จักรพรรดิโกรธแค้นจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด เห็นได้ชัดว่าเขายังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่นแข็งแรง แต่เมื่อมองแล้วเขาดูแก่ตัวลงไปไม่สอดคล้องกับอายุของเขาเลย

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset