ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 488 ท่านจะสงบสติอารมณ์อย่างไร

เฉินเสียนหอบหายใจและเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “คนสารเลว เพราะท่านข้าจึงต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นแม่คน แค่ตัวเองข้าก็ยังเอาตัวแทบไม่รอด ยังต้องมาวุ่นวายกับเด็กอีก ข้ายังไม่เคยผ่านผู้ชาย ยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอิสระก็ดันมามีลูกชายเสียก่อน… สองปีมานี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อของลูก…”

เธอจ้องมองซูเจ๋อทั้งน้ำตา “ตอนที่ข้าคิดไปวุ่นวายว่าพ่อของลูกคือใคร ข้าคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน แต่ข้าไม่กล้าคิดว่าเป็นท่าน แม้แต่ตอนที่ท่านช่วยข้าวิเคราะห์ว่าเหลียนชิงโจวใช่พ่อของลูกข้าหรือไม่ ตอนนั้นท่านรู้แก่ใจอยู่แล้ว แต่ท่านก็ยังโกหกและปิดบังข้า ในเวลานั้นท่านคงจะนึกหัวเราะเยาะข้าอยู่ละซี…”

ซูเจ๋อตอบว่า “ข้าไม่เคยหัวเราะเยาะท่าน ตรงกันข้าม ข้ากลับรู้สึกร้อนใจมากและคิดอยากจะบอกท่านทุกอย่าง ทว่าข้ายังบอกท่านไม่ได้”

เขาพูดที่ข้างหูของเธอว่า “แล้วใครบอกว่าท่านไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน ข้าไม่ใช่ผู้ชายหรอกหรือ”

คำพูดของซูเจ๋อทำให้เฉินเสียนสั่นสะท้านเบาๆ

ซูเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย พรมจูบไปทั่วใบหน้าของเธอและเลื่อนมาคลอเคลียที่ริมฝีปาก จากนั้นจึงขยับไปที่ใบหูและลำคอของเธออย่างอ้อยอิ่ง

เมื่อมือของซูเจ๋อไล่ลามเข้าไปในชุดนอนของเธอ เธอจึงได้สติขึ้นมาอย่างฉับพลันและสูดลมหายใจรับอากาศเย็นๆ เข้าปอด

เฉินเสียนยังไม่ทันจะตอบโต้ก็ถูกซูเจ๋อจับเอวเอาไว้ เมื่อเธอเผยอปาก ซูเจ๋อก็ก้มลงมาปิดกั้นริมฝีปากของเธอ กดเธอไว้บนเตียงและจูบเธออย่างดื่มด่ำ

ลมและหิมะด้านนอกยังคงพัดกรรโชก และเธอเองก็รู้สึกสั่นสะท้าน

ชุดนอนหลุดเลื่อนลงมาจากบ่าจนทำให้ไหล่ที่เปลือยเปล่ารู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซูเจ๋อดึงอาภรณ์ของเธออย่างเบามือ และนิ้วเรียวยาวของเขาก็จับเธอไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือ

เฉินเสียนยืดคอหนี แค่จะส่งเสียงออกมาสักเล็กน้อยก็ยังไม่มีโอกาส ทุกเสียงครางที่อยากจะเปล่งออกมาต่างถูกเขาสกัดกั้นไว้ที่ลำคอ

“อย่า… ไม่ได้นะ…”

เฉินเสียนไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอก็รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เธอไม่รู้ว่ากางเกงซับในถูกดึงลงไปตั้งแต่ตอนไหน เมื่อซูเจ๋อประชิดเข้ามา ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวก็เคี่ยวกรำจนเธอกลายเป็นสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ

เฉินเสียนผลักหน้าอกของซูเจ๋อออก ภายในแววตาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและสับสน เธอเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “อย่า… ตอนนั้นไม่ใช่ข้า นั่นไม่ใช่ข้า ข้าไม่ใช่เฉินเสียนผู้นั้น… คนที่ท่านสัมผัสวันนั้น นางไม่ใช่ข้า…”

หัวใจของเฉินเสียนเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

เธอไม่กล้าคาดหวังว่าซูเจ๋อจะเป็นพ่อของเจ้าน่องน้อย ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน

เพราะลึกๆ แล้วเธอรู้อยู่แก่ใจ และเธอก็ยอมรับไม่ได้ว่าคนที่ซูเจ๋อสัมผัสในวันนั้นคือเฉินเสียนอีกคน ไม่ใช่เธอ

“ข้าไม่เคยเพรียกหาชื่อของฉินหรูเหลียง และข้าก็ไม่เคยชอบเขา… แต่ท่านก็ยังมีอะไรกับนาง…” เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร เธอเอ่ยอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรสนใจอดีตของท่าน แต่ข้า… ข้ายอมรับไม่ได้จริงๆ… ซูเจ๋อ อย่าทำอย่างนี้ ปล่อยให้ข้าสงบสติอารมณ์…”

ยังพูดไม่ทันจบซูเจ๋อก็ใช้แขนรั้งเอวของเธอขึ้นมา เปิดร่างกายที่ชุ่มฉ่ำของเธอออกและขยับเข้าไปใกล้

เขาประชิดเข้ามาที่ปราการของเธอและบุกเข้ามาที่ประตู

เฉินเสียนไม่มีเวลาคิดอะไร ขณะที่ดันไหล่ของซูเจ๋อออกไป เธอก็กัดฟันและถอยออกมา จากนั้นเขาก็ขยับมาข้างหน้าพร้อมๆ กับที่เธอถอยหนีไปข้างหลัง

จนกระทั่งเฉินเสียนขยับไปจนถึงหัวเตียงและถอยต่อไปอีกไม่ได้

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของซูเจ๋อสั่นคลอนหัวใจของเธอ “ท่านจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร”

เฉินเสียนจ้องมองเขา ท่าทีของเขาเด็ดเดี่ยว แววตาคู่นั้นแข็งกร้าวราวกับได้ครอบครองท้องฟ้าและทะลวงเข้าไปในมหาสมุทรกว้าง และเรือนร่างที่ประชิดเข้ามาก็ค่อยๆ จู่โจมเข้ามาที่สี่ห้องหัวใจของเธอ

เตียงไม้เรียบๆ สั่นไหว

จนหุ่นกระบอกสองตัวที่อยู่บนหัวเตียงโคลงเคลงตามเล็กน้อย

ซูเจ๋อกักเอวของเธอไว้ ไม่มีที่ว่างให้เธอถอยหนี ทีละนิ้วๆ ค่อยๆ จมลึกเข้าไปในร่างกายของเธอ พร้อมกันนั้นเขาก็เอ่ยคำพูดที่เหมือนประหนึ่งเหล็กร้อน

“ข้าไม่สนว่าท่านจะเป็นเฉินเสียนคนนี้ หรือเฉินเสียนคนนั้น ข้ารู้เพียงว่า นอกจากท่าน ข้าจะไม่แตะต้องใครอีก”

“ถ้าท่านยอมรับอดีตเฉินเสียนไม่ได้ ท่านหึง ท่านอิจฉา ไม่เป็นไร คืนนี้ข้าจะให้ท่านได้แก้แค้นอย่างสาสม ข้าจะให้ท่านได้สัมผัสอีกครั้ง ให้ท่านได้รับรู้ความรู้สึก และสลักความทรงจำเหล่านี้ไว้ในกระดูกของท่าน ทำให้ท่านไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป ท่านต้องจดจำไว้ว่าท่านคือเฉินเสียน คือผู้หญิงที่ซูเจ๋อจะรักไปตลอดชีวิต”

เฉินเสียนเผยอปากขึ้น ทว่าไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา ลมหายใจของเธอยุ่งเหยิงและแปรปรวน ดวงตาของเธอพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำใสๆ จนเธอมองเห็นใบหน้าของซูเจ๋อได้เพียงเลือนราง

เมื่อซูเจ๋อรุกเข้ามา ความรุ่มร้อนก็แทรกเข้ามาเต็มกายจนเธอต้องกระถดหนีการบดเบียดของเขาตามสัญชาตญาณ

ซูเจ๋อขมวดคิ้ว มีแววของความอดกลั้นบนสีหน้า แต่เขาก็ยอมหยุดอย่างยากลำบากและไม่ได้ทำอะไรรุนแรง

เขาเช็ดหยดน้ำที่ขอบตาของเธอและยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่เต็มใจขนาดนั้นเลยหรือ”

เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านบอกว่าข้าหลอกลวง ปิดบังท่าน และไม่ยอมรับเจ้าน่องน้อย แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนั้นในใจของข้าเป็นเช่นไร”

“ข้าคิดว่า ถ้าข้าบอกท่านไป แล้วในท้ายที่สุดข้าช่วยชีวิตเจ้าน่องน้อยไว้ไม่ได้ มันก็มีแต่จะทำให้ท่านเศร้าใจ ถ้าสุดท้ายข้าช่วยชีวิตของเจ้าน่องน้อยไว้ได้และค่อยบอกท่าน ท่านคงจะแค้นเคืองข้า แต่นั่นก็ไม่เป็นไร”

เฉินเสียนสะอื้น “นี่คือสิ่งที่ท่านเรียกว่าจังหวะเวลางั้นหรือ ถ้าข้าไม่สังเกตว่าเขาเหมือนท่านมาก สุดท้ายข้าคงช่วยเขาไว้ไม่ได้ จริงหรือไม่ที่ท่านไม่คิดจะบอกความจริงกับข้าไปจนตลอดชีวิต”

“ใช่ มีเพียงคนเดียวที่ต้องทุกข์ทน ย่อมดีกว่าคนสองคนที่ต้องเป็นทุกข์”

สุดท้ายซูเจ๋อก็เข้าไปได้เพียงครึ่งทาง เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “เอาเถิด คืนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ดีนัก”

ขณะที่เขากำลังจะถอนตัวออกไป เฉินเสียนก็ใช้สองมือโอบเอวเขาไว้ทันที เธอไม่อยากให้เขาจากไป ลมหายใจของเธอหอบต่ำยากที่จะสงบ ดวงตาของเธอถูกชะล้างด้วยน้ำตา สวยงามเป็นประกายชวนให้ลุ่มหลง เธอนิ่งเงียบอยู่นาน พยายามระงับความขมขื่นภายในใจก่อนจะเอ่ยอย่างอู้อี้ว่า “อย่างที่ท่านบอก คืนนี้ข้าไม่อยากนอนกับท่านจริงๆ แต่ท่านยังนอนกับข้าได้”

ปฏิกิริยาของซูเจ๋อเปลี่ยนไป

เธอตัดใจจากเจ้าน่องน้อยไม่ได้ แล้วเธอจะตัดใจจากเขาได้อย่างไร เฉินเสียนรู้มาตลอดว่าเธอไม่มีทางที่จะอดทนอดกลั้นและมีเหตุมีผลได้มากเท่าที่ซูเจ๋อมี นอกจากนี้เขายังพยายามเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหนัก

เจ้าน่องน้อยบอกว่าเขาดี บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเธอก็เต็มใจเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นพ่อที่ดีในอนาคต

ดังนั้นคำอธิบายทั้งหมดในคืนนี้จึงเพียงพอแล้วสำหรับเธอ

เธอละทิ้งแล้วซึ่งภาระและความคลางแคลงใจ แล้วเหตุใดเธอจึงไม่ยอมให้อภัยเขาล่ะ

ถึงอย่างไรซูเจ๋อก็เป็นผู้ชายที่เธอรักมาตลอดชีวิต

เธอเพียงแต่สับสนว่าจริงๆ แล้วเธอคือเฉินเสียนใช่หรือไม่ ในตอนแรกสุด ไม่ว่าจะเป็นซูเจ๋อหรือเจ้าน่องน้อย ต่างก็เป็นสิ่งที่เธอได้รับต่อมาจากนาง

เธอจึงกลัว กลัวว่าคนที่ซูเจ๋อต้องการจะไม่ใช่เธอ และแม่ของเจ้าน่องน้อยเดิมทีก็ไม่ใช่เธอเช่นกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอครอบครอง แต่เดิมล้วนไม่ใช่ของของเธอ

จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนซูเจ๋อจะให้คำตอบที่เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอจดจำไปจนชั่วชีวิต… ว่าเธอคือผู้หญิงที่ซูเจ๋อจะรักไปตลอดชีวิต

ท้ายที่สุดแล้วเธอจะเป็นเฉินเสียนคนไหนมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ทุกวันคืนที่ผ่านมายาวนาน คนที่ซูเจ๋อรักก็คือตัวเธอ ไม่ใช่ใครอื่น… ความรักความผูกพันระหว่างพวกเขาคือสิ่งที่เธอค่อยๆ ทุ่มเทสร้างขึ้นมา ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอรับต่อมาจากนาง ไม่ใช่สิ่งที่เธอขอมาจากใคร

อดีตเฉินเสียนอาจจะไม่รักซูเจ๋อ แต่เธอรัก เธอรักเขาจนสุดหัวใจจนไม่อาจถอนตัว

ดังนั้นคำตอบของซูเจ๋อจึงทำให้เธอคลายใจในทันที ความยุ่งเหยิงและความสับสนก็พลันสลายหายไปราวกับหมอกควัน

เห็นได้ชัดว่าเฉินเสียนเสียดายอย่างสุดซึ้ง แต่ปากก็พูดไปราวกับทองไม่รู้ร้อน “ทำไมรึ เดินหน้ามาถึงขนาดนี้ ชัยชนะอยู่ในกำมือ แต่ท่านกลับคิดจะยอมแพ้กลางคัน หันกลับและถอนทัพงั้นรึ… อ้า…”

ขณะที่กำลังพูด ซูเจ๋อก็ขยับกายลึกเข้าไปอีก

แม้ว่าเฉินเสียนจะเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้ว แต่เด็กก็คลอดก่อนกำหนด อีกทั้งตอนนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งปี ระหว่างนั้นเธอไม่เคยมีประสบการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมาก่อน ดังนั้นเมื่อถูกดันเข้ามาเธอจึงรู้สึกเจ็บอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

เฉินเสียนกระชับแขนของเธอและใช้สองมือลูบคลำไปที่แผ่นหลังของซูเจ๋อ ลูบไล้บนรอยแผลบนแผ่นหลังเขาซึ่งทำให้เธอเป็นทุกข์ ท้ายที่สุดก็เคลื่อนไปจับที่ไหล่ของเขาไว้แน่น เค้นเสียงออกมาทั้งน้ำตา “ซูเจ๋อ ไหนๆ ก็มาแล้ว มีโอกาสที่จะฉีกทึ้งข้าทั้งที ยังจะเกรงใจอะไรอีก”

ซูเจ๋อถูกเธอยั่วเย้าจนลมหายใจติดขัด ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยแรงที่ขึงตึงจนน่าตกใจ เมื่อเห็นความปรารถนาที่ยากจะมีโอกาสได้เห็นฉายออกมาจากแววตาของเธอ เสียงของเขาก็แหบพร่า “ท่านปรารถนาจะให้ข้ากลืนกินท่านทั้งเป็นเช่นนั้นหรือ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset