ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 507 สิ่งที่บ่าวสาวต้องทำในคืนวันเข้าหอ

“ร้อน…” เฉินเสียนรู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังฉีดพล่าน เธอมองซูเจ๋อด้วยสายตาที่พร่าเลือน ชอบสัมผัสของนิ้วที่วางลงมาบนข้อมือของเธอ

เฉินเสียนคว้ามือของเขาไว้และดึงมาลูบไล้ที่ใบหน้าของตนเอง มีเสียงทอดถอนใจดังออกมาจากลำคอ

ขณะที่ภายในร่างกายกำลังปั่นป่วน เฉินเสียนก็เอ่ยถามเขาอย่างอึดอัดว่า “นับว่าเราเป็นบ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันใช่หรือเปล่า ข้าจำได้ว่าเรากราบไหว้ฟ้าดินแล้ว เป็นสามีภรรยากันแล้ว รู้สึกราวกับฝันไปอย่างไรอย่างนั้น…”

เฉินเสียนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ทั้งอายที่จะเอ่ยปาก ทั้งรู้สึกใจเต้นโครมคราม…

เธอเคยถูกวางยามาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งซูเจ๋อก็อยู่เคียงข้างเธอ แต่ความรู้สึกในตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง

เธอควบคุมอะไรไม่ได้เลย อยากเข้าไปใกล้ อยากให้ผิวของเธอกับเขาแนบชิดซึ่งกันและกัน…

นิ้วที่ขาวสะอาดจับผ้าม่านสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งเย็บไว้ที่หน้าเตียงออกมาจากตะขอเงิน จากนั้นจึงปล่อยลงมา

มีเพียงกันและกันอยู่ในพื้นที่ด้านหนึ่งซึ่งมีสีแดงสดใส

ม่านมุ้งสีแดง ผ้าปูที่นอนสีแดง และสตรีในชุดแต่งงานสีแดง

สายตาของเธอกลับมามองเห็นซูเจ๋อชัดเจนอีกครั้ง รูม่านตาของเธอขยายขึ้นเล็กน้อย เธอทั้งผ่อนคลายและรู้สึกคลั่งจนแทบทนไม่ไหวเมื่อเขาเข้ามาใกล้

ซูเจ๋อเอื้อมมือมาดึงปิ่นหยกทรงกลมออกจากเส้นผมที่มวยไว้ของเธอ จนเส้นผมสีดำสลวยแผ่กระจายลงบนหมอน

เฉินเสียนหายใจหอบถี่ เธอเงยหน้าขึ้นไปกัดคางของซูเจ๋อเบาๆ เอ่ยเสียงกระเส่าว่า “ทรมาน… ซูเจ๋อ กอดข้าที…”

กกหูของเธอแดงก่ำ ทันทีที่เอ่ยออกไปเธอก็รู้สึกอายขึ้นมา

แม้จะเขินอาย แต่ก็ยังอยากจะเอ่ยคำพูดที่เร่าร้อนและยั่วยวนออกไป

ซูเจ๋อจับเอวของเฉินเสียนไว้อย่างมั่นคง สูดกลิ่นหอมที่ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่ใบหูของเธอ ดวงตาของเขาหรี่แสงลง “ระดูหยุดไปนานแค่ไหนแล้วหรือ”

“ท่านรู้ดีอยู่แล้ว ยังจะถามข้า…” เสียงของเฉินเสียนแหบพร่า

“เช่นนั้นข้าก็อยากทำสิ่งที่บ่าวสาวต้องทำในคืนวันเข้าหอกับท่าน” เขาวางนิ้วลงบนเอวของเธอ ค่อยๆ ปลดชุดแต่งงานของเธอออก

ซูเจ๋อคร่อมร่างของเฉินเสียนไว้อีกครั้ง เธอกอดเขาอย่างเต็มที่ รู้สึกพอใจ พร้อมกันนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างขาวโพลน

เขาประทับจูบลงมาบนริมฝีปากสีแดงสดซึ่งเย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนไปที่ลำคอ ขยับขึ้นไปที่ติ่งหู

ทุกสัมผัสของการจูบทำให้เฉินเสียนหวั่นไหวจนร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เฉินเสียนครวญครางเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานราวกับหยดน้ำ “ซูเจ๋อ ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ แบบนี้จะไม่ทำให้ท่าน… อา… ทำให้ร่างกายของท่านทรมาน…”

“หลังจากนอนไปครู่หนึ่ง ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมาก”

ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ขับฤทธิ์ของยาในร่างกายออกมา ร่างกายจะยิ่งทรมาน ถ้าไม่ใช่เพราะยาสมุนไพร คืนนี้เขาอาจจะยับยั้งตัวเองได้ แต่ตอนนี้ทั้งเขาและเฉินเสียนถูกวางยาทั้งคู่ ไม่ต่างอะไรจากฟืนและไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ

ชุดแต่งงานกลายเป็นประหนึ่งกลีบดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มบานต่อหน้าซูเจ๋อ

อาภรณ์ของเฉินเสียนเลื่อนหลุดออกจากบ่า มือของซูเจ๋อสำรวจเข้าไปใต้อาภรณ์นั้น สัมผัสลูบไล้ไปที่ผิวกายของเธอ

เฉินเสียนดิ้นรนอยู่ในคลื่นความร้อนที่เดือดพล่าน กระแสอุ่นๆ สูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กายก่อนที่ท้ายที่สุดจะลงมาบรรจบกันที่ด้านล่าง

ซูเจ๋อจูบเธออย่างดูดดื่ม กวัดเกี่ยวปลายลิ้นของเธอด้วยวิธีที่เร่าร้อนที่สุด จนร่างกายที่หอมหวานของเธอหลอมเหลวกลายเป็นน้ำ

เมื่อซูเจ๋อกุมความอวบอิ่มของเธอไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือ เฉินเสียนก็อดรนทนไม่ไหว ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างอ่อนหวานกระทบใจผู้ฟัง

เสื้อผ้าอาภรณ์ร่วงหล่นจากขอบเตียงทีละชิ้นๆ

ซูเจ๋อบดขยี้เธอ ทิ้งรอยจูบไว้บนผิวที่นวลเนียนทีละจุด เฉินเสียนกกกอดศีรษะของซูเจ๋อไว้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนร่วนว่า “ไม่เอาแบบนี้…”

“ไม่เอาแบบไหน” ซูเจ๋อเกร็งแน่นถึงขีดสุด ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะหลุดออกมาจากกรง

เฉินเสียนไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างไร เธอเกี่ยวคอของซูเจ๋อ ยกศีรษะขึ้นจูบลูกกระเดือกของเขา ขยับไปจูบที่ใบหู ลมหายใจหอบกระชั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หยาดเยิ้ม “หยุดยั่วข้าได้แล้ว ข้ากำลังจะแผดเผา…”

ทันทีที่สิ้นเสียง ซูเจ๋อก็ฉีกกระโปรงของเธอออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาประชิดเข้ามาโดยไม่เหลือช่องว่างใดๆ จึงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังร้อนผ่าวพอๆ กับเฉินเสียน แต่กลับทำให้เกิดความพึงพอใจอย่างน่าพิศวง

เฉินเสียนค่อยๆ ขยับเอวของเธอ พร้อมกันนั้นโอบรัดซูเจ๋อ โลมเลียที่ลูกกระเดือกของเขา ในขณะที่ปลายนิ้วก็คลึงเคล้าอยู่บนผิวกายที่แข็งแกร่ง

น่าจะเป็นเพราะความสามารถในรสรักระหว่างชายหญิงที่มีมาแต่กำเนิด

เฉินเสียนกุมจุดที่อ่อนไหวของซูเจ๋อ ลูบไล้ผิวสัมผัสของเขาด้วยปลายนิ้วของเธอ ขูดเขาเบาๆ ด้วยปลายเล็บ

ทันใดนั้นซูเจ๋อก็แยกขาของเฉินเสียนออกจากกัน ทิ้งตัวไปข้างหน้า กดชิดเข้าไปที่หว่างขาของเธอ

เฉินเสียนสูดลมหายใจและเผยอปาก ซูเจ๋อไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสหนี เขารั้งเอวของเธอไว้และ ขยับเข้าไปทีละนิ้วๆ จนเข้าไปอยู่ในกายของเธอ

ยังคงคับแน่น แต่ส่วนล่างของเธอแฉะอยู่แล้ว ความหล่อลื่นนั้นจึงรับเขาเข้ามาได้อย่างราบรื่น ความเต็มแน่นนั้นทำให้เฉินเสียนรู้สึกมึนชาเล็กน้อย เธอเงยหน้าเปิดลำคอที่เรียวระหงของตนเอง

ซูเจ๋อจูบและดูดที่ลำคอของเธอ เขาปล่อยตัวเข้าไปเล็กน้อยและหายใจอย่างอ้อยอิ่งรดใบหูของเธอ “อาเสียน วันนี้ท่านสวยมาก”

เขาตรงเข้าไป พาตัวเองจมลึกไปจนถึงจุดที่นุ่มนวลและอ่อนไหวที่สุดของเธอ

ม่านสีแดงขนาดใหญ่พลิ้วไหว

เฉินเสียนยกเอวของเธอขึ้นต้อนรับเขา เขาจับช่วงเอวของเธอไว้ กระแทกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธออย่างต่อเนื่อง

เฉินเสียนโอบรัดหัวไหล่ของซูเจ๋อแน่น เขาส่งเธอไปสู่ก้อนเมฆ และขาของเธอก็เกี่ยวรัดเขาไว้แน่น

เป็นที่แน่ใจแล้วว่าฤทธิ์ของยาตัวนี้ร้ายแรงมาก เฉินเสียนรู้สึกมึนชาจนแทบขาดใจทุกครั้งที่ซูเจ๋อเคลื่อนไหว

ซูเจ๋อเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างแข็งกร้าวและมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเฉินเสียนจะหมดแรง แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะบีบรัดเขาอย่างดุเดือด

คนหนึ่งตรงไปข้างหน้าอย่างทรงพลังและกล้าหาญ อีกคนมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง เป็นคู่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ติดแน่นประหนึ่งกาวที่แยกกันไม่ออก

อรุณรุ่งกำลังใกล้เข้ามา มีเสียงไก่ขันดังแว่วมาจากภายนอก

ในวันที่สอง อวี้เยี่ยนถูกปล่อยออกมาจากโรงเก็บฟืนและนำน้ำไปที่เรือนหอเพื่อรอปรนนิบัติยามที่เฉินเสียนตื่น

ในขณะนั้นอวี้เยี่ยนวางอ่างน้ำลง จากนั้นจึงค่อยๆ ม้วนม่านขึ้นไปแขวนไว้ที่ตะขอเงินทั้งสองด้านและเอ่ยว่า “องค์หญิง ได้เวลาลุกแล้ว…”

อวี้เยี่ยนพูดได้เพียงแค่นั้นก็ชะงักงั้น และคำพูดที่เหลือก็จุกค้างอยู่ที่ลำคอ

เหล่าแม่นมจากในวังเข้ามาในห้องพร้อมกัน เพียงแค่เหลือบไปเห็นเตียงอันยุ่งเหยิงที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสวยงามของวสันตฤดู พวกนางจึงส่งสายตาให้กันและกันและถอยกลับไป

ดูเหมือนเมื่อคืน คืนเข้าหอขององค์หญิงจิ้งเสียนกับใต้เท้าอาลักษณ์จะเป็นไปด้วยดี ดังนั้นตอนนี้พวกนางจึงกลับไปทูลรายงานได้แล้ว

เพียงแค่เห็นเฉินเสียนนอนอยู่ในผ้าห่มสีแดงงดงาม ชุดแต่งงานกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นและบนเตียง เส้นผมสีดำสยายอยู่บนหมอน ท่อนแขนที่อ่อนแรงและลำคอระหงเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรัก และร่างกายที่เปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มนั้น

อวี้เยี่ยนก็ตะลึงงัน นัยน์ของนางตาแดงก่ำและร้องไห้ออกมาทันที

เมื่อคืนเฮ่อโยวไปที่โรงเก็บฟืนและนำอาหารไปให้นาง อวี้เยี่ยนจึงคิดว่าหมาป่าตาขาวผู้นี้ไม่ได้มาที่เรือนหอและองค์หญิงจะปลอดภัย

แต่ไม่คิดว่า… วันนี้นางจะมาเห็นสภาพเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ เดรัจฉานยังเทียบไม่ได้กับคนผู้นี้ ที่สุดท้ายแล้วก็…

นางไม่เห็นเฮ่อโยวที่เรือนพักอาศัยซึ่งมีลานกว้างขวางแห่งนี้ ได้ยินคนพูดกันว่าเขาสวมชุดเต็มยศและออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว

เฉินเสียนยังปรับตัวไม่ได้เมื่อแสงสว่างที่ส่องเข้ามาอย่างกะทันหัน เธอขมวดคิ้ว ปรือตาขึ้นเล็กน้อยและเหลือบไปมองอวี้เยี่ยน จากนั้นจึงหลับตาลงอีกครั้ง

ครู่ใหญ่ๆ เฉินเสียนจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแหบพร่า “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้”

อวี้เยี่ยนเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “บ่าวมารอปรนนิบัติองค์หญิงเพคะ องค์หญิงทรงลุกจากเตียงไหวไหม อยากจะบรรทมต่ออีกสักหน่อยหรือลุกเลยเพคะ”

เฉินเสียนบอกว่า “ข้าอยากอาบน้ำ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset