ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 542 ใครกันแน่ที่เป็นกบฏ?

องค์จักรพรรดินีมองลงไปตรงเลือดที่ไหลออกจากท้องของตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อาจจะเชื่อได้

จักรพรรดิกัดฟันกล่าวว่า “เจ้าในฐานะองค์จักรพรรดินี ไม่เพียงแต่ไม่รักษาวังหลัง แต่ยังเป็นผู้นำในการหลบหนี ข้ายังต้องการเจ้าจักรพรรดินีนี้เพื่ออะไร!?”

หลังจากที่กล่าวเสร็จเขาก็ชักดาบออกมา เลือดไหลหยดออกมา ทำให้ทุกคนหวาดกลัว

เมื่อเห็นว่าองค์จักรพรรดินีถูกฆ่า องค์ชายคนโตร้องไห้วิ่งไปคว้าเสื้อคลุมมังกรของจักรพรรดิทั้งทุบทั้งตี

จักรพรรดิจับองค์ชายคนโตขึ้นมาโหดร้ายและกล่าวว่า “ข้าอยากจะฆ่าพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด จะได้ไม่ต้องทำให้ข้าขายหน้า ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งลูกๆ ของข้าไปหาศัตรูเพื่อรอความตาย!”

ท้ายที่สุดองค์จักรพรรดินีและองค์ชายคนโตก็ถูกตัดศีรษะพร้อมกัน

ไม่เพียงแค่นั้น จักรพรรดิยังคลั่งไคล้ฆ่าเขาในวังหลัง ลูกของนางสนม ก็เป็นลูกของเขาด้วย เพียงแค่ว่าถูกเขาจับได้ เขาก็จะฆ่าด้วยดาบอย่างโหดร้าย

ขณะที่ฆ่าคน เขาก็ยังดุร้ายน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ “ข้าควรฆ่าเจ้าด้วยดาบแต่แรก! ความชั่วร้ายของราชวงศ์ก่อน ที่ยังหลงเหลือถึงอนาคตคงเป็นเพียงแค่ความหายนะเท่านั้น!”

เขาจับองค์หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ในมือ แล้วส่งดาบไป เลือดไหลนองเต็มหน้า เขายิ้มอย่างโหดร้าย “ฆ่า! ข้าอยากฆ่าพวกเจ้าทุกคนไม่ให้เหลือ! ในตอนแรกข้าควรฆ่าเจ้าให้ตาย น่าเสียดายที่ข้าฟังคำพูดที่สับปลับกลับกลอกแล้วปล่อยชีวิตเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าได้มาทำร้ายดินแดนของข้า ไปตายซะ!”

จักรพรรดิเข่นฆ่าและราชสำนักเกิดความโกลาหล แม้แต่ทหารองครักษ์ที่โดดเด่นไม่ขยับก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเวลานี้ ได้บอกคนในวังหลังส่วนหนึ่งไปให้หนีออกจากวังหลวงแล้ว เมื่อถึงประตูหน้าวังหลวงพวกเขาเห็นกองทัพใหญ่ที่รออยู่ พวกเขาก็ไม่ได้ตกใจเข่าอ่อนเหมือนเมื่อครู่ที่เห็นการที่ได้เห็นการสังหารของจักรพรรดิในวัง

นางในพูด จักรพรรดิบ้าไปแล้ว และตอนนี้อยู่ในวังหลังเมื่อเห็นคนก็ฆ่าทันที แม้แต่ลูกตัวเองแท้ๆ ก็ยังไม่เว้น

่เฉินเสียนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและสั่งให้ทหารบุกเข้าไปในประตูวัง และตรงไปยังท้องพระโรงของราชสำนักที่ขุนนางมารวมตัวกันตีเข้าไป

ทหารองครักษ์หยุดพวกเขาระหว่างทาง เหล่าทหารก็ฆ่าออกไปตามเส้นทางที่เปื้อนเลือด ฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว

วังหลังเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ ในเวลานี้มีราชองครักษ์รีบรายงานโดยกล่าวว่ากองทัพได้รุกเข้ามาแล้ว และกำลังโจมตีประตูหานอู่ หลังจากประตูหานอู่พ่าย ตามด้วยท้องพระโรงที่มีเหล่าขุนนางทั้งหลายอยู่

จักรพรรดิถึงได้สติขึ้น และหยิบดาบแล้วรีบกลับไปที่ท้องพระโรง

ในวังหลังไม่มีใครทำความสะอาด สมเด็จพระราชชนนีหลังจากรู้เหตุการณ์นี้ได้เป็นลมล้มพับที่พระตำหนักตัวเอง ตื่นขึ้นมาก็ใช้กำปั้นทุบที่หน้าอกตัวเอง ยากจะห้ามได้ และร้องไห้พูดว่า “เวรกรรม! หลายชายหลายสาวผู้น่าสงสารของข้า เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเองเป็นอาหาร จักรพรรดิทำไมต้องทำเช่นนี้เล่า! ทำไมเขาไม่ฆ่าข้าให้รู้แล้วรู้รอดไป!”

ในพระตำหนักของสมเด็จพระราชชนนีมีนางในเหลือแค่ไม่กี่คง และพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยพักหนึ่ง เมื่อรอให้มาพบเข้า สมเด็จพระราชชนนีได้สิ้นพระชนม์แล้ว

เมื่อจักรพรรดิกลับมายังท้องพระโรงด้วยความตื่นตระหนก เหล่าทหารกำลังโจมตีประตูหานอู่

ขุนนางราชสำนักหลายร้อยคนพากันยืดหน้ามองออกไป เห็นเลือดสาดกระเซ็นต่อสู้กันอย่างดุเดือด เหล่าทหารสนับสนุนเปิดทางให้เฉินเสียนอยู่ด้านหลังที่กำลังเดินอยู่ใต้ประตูหานอู่ ด้วยร่างกายที่นิ่ง เฉียบแหลมและเงียบสงบ

เหล่าขุนนางอดไม่ได้ที่จะเตรียมตัวให้พร้อมจะเคลื่อนไหวที่จะก่อการร้าย

จักรพรรดิใช้ดาบเลือดชี้ไปที่พวกเขาและตะโกนว่า “ในพวกเจ้าใคร ใครที่กล้ายอมแพ้ต่อศัตรู ข้าจะทำให้เลือดพวกเจ้าได้สาดไปเต็มท้องพระโรงนี้! ข้าคือจักรพรรดิ ส่วนนางเป็นกบฏ และความผิดของนางจะต้องโทษตาย แม้แต่การตายก็ยังน้อยไป!”

เฉินเสียนค่อยๆ เดินขึ้นบันไดหยกขาวที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่ด้านหน้าท้องพระโรง มุมขอบเสื้อของชุดคลุมสีเบจ ปัดเบาๆ ที่ขั้นบันไดหยก ได้ชุ่มไปด้วยเลือดราวกับดอกพลัมสีแดงที่กำลังเบ่งบาน ดั่งช่อดอกไม้สวยงามถึงที่สุด

เส้นผมของนางที่ยกขึ้นสูงและปักด้วยปิ่นหยกสีขาว คิ้วที่เรียวยาว ถูกแช่อยู่ในสงคราม เผยให้เห็นจิตวิญญาณของความกล้าหาญ เปลือกตาเคลือบสีสัน และรูม่านตาสีดำสนิท

เฉินเสียนเดินอย่างสงบและมั่นคงในทุกย่างก้าว ทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่ไม่เยอะต่างถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหวาดกลัว และในที่สุดก็ถอยกลับไปที่ประตูของท้องพระโรง

ท้ายที่สุดแล้วความวุ่นวายนี้ก็ต้องยุติลง ใครแพ้ใครชนะ นั้นก็ได้เห็นถึงความจริงแล้ว

ต่อให้ไม่เต็มใจสักแค่ไหน ต่อให้ดื้อรั้นดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์และเปลี่ยนผลลัพธ์ได้อีกต่อไป

เมื่อนางเดินไป แล้วหรี่ตาลงและขึ้นเสียง “ใครกันที่เป็นโจรกบฏ? ในอดีตเจ้าราชทายาทของกษัตริย์ไหวหนานที่จำความดีของจักรพรรดิไม่ได้ ยังมาก่อกบฏ เจ้าได้ทำลายอาณาจักรและญาติของข้า ตามฆ่าทั้งในและนอกวัง บัดนี้ เจ้ายังมีหน้าบอกว่าคนอื่นเป็นโจรกบฏ?”

ดวงตาของจักรพรรดิแดงก่ำ เขามองออกไปนอกท้องพระโรงด้วยความเกลียดชังที่หาที่เปรียบไม่ได้ หลังจากฟังคำพูดนั้น เขาก็เห็นเฉินเสียนเดินขึ้นบันไดมาทีละนิด ตอนแรกเห็นศีรษะที่มีปิ่นหยกขาวสะอาดเหมือนครั้งแรกที่ติดอยู่ได้ปรากฏขึ้นมา จากนั้นคิ้วที่ไม่ตื่นตระหนกก็โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ และต่อมาทั้งร่างคนก็ปรากฏตัวขึ้นนอกท้องพระโรงอย่างสมบูรณ์

จักรพรรดิเกลียดมากเสียจนให้ทหารรักษาพระองค์ที่อืดอาดไปควบคุมเหล่าขุนนางทั้งหมดทันที จักรพรรดิยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เอาล่ะ เจ้าเฉินเสียน ข้าเคยถูกเจ้าหลอกจริงๆ! เจ้ามีความอดทนมาก ข้ายังต้องคอยดู ว่าเจ้าจะช่วยชีวิตของขุนนางเหล่านี้ได้เช่นไร! ถ้าพวกเขาตายกันหมด แม้ว่าเจ้าชนะไปแล้ว และนั่งในตำแหน่งของข้า ใครจะมาคำนับเจ้าล่ะ!”

เฉินเสียนจ้องไปที่เก้าอี้มังกรทองด้านหลังจักรพรรดิ มีหัวมังกรที่ครอบงำอยู่แต่ละด้านของที่จับเก้าอี้ และมังกรทองที่ด้านหลังเก้าอี้ถูกแกะสลักไว้ราวกับมีชีวิต

อันที่จริง เก้าอี้ตัวนี้อยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่รู้ว่ามีคนอยากได้มากแค่ไหน!

แต่เธอยังคงจำได้ชัดเจนว่า เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของนางได้เสียชีวิตบนเก้าอี้มังกรในตอนนั้น และเลือดก็ไหลลงบนเก้าอี้มังกรและทำให้พื้นเปียก

และทุกอย่างนั้น ก็คือบุคคลนี้ที่มอบให้

อันที่จริงนางไม่ชอบเก้าอี้มังกรเลย ไม่รู้หรอกว่าเปื้อนเลือดไปกี่คนแล้ว เดินมาถึงในขั้นนี้ของวันนี้ นางแค่ทำในสิ่งที่นางทำได้และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเท่านั้น

เฉินเสียนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าคือเจ้า ตั้งตนเป็นพระโพธิสัตว์แห่งเทพสวรรค์ แล้วหวังให้ทุกคนได้กราบไหว้สักการะ?”

จักรพรรดิโบกแขนเสื้อและกล่าวว่า “ข้าคือจักรพรรดิผู้ที่อยู่จุดสูงสุด! ถ้าข้าต้องการให้พวกเขาตาย พวกเขาจะต้องไม่มีชีวิตอยู่!” ใบหน้าดวงตาของเขาได้หัวเราะใส่เฉินเสียน “เพียงแค่เจ้ากล้าที่จะทำบุ่มบ่าม ข้าก็จะรีบให้หัวของพวกเขาได้ย้ายที่ทันที มีคนกลุ่มนี้ได้ฝั่งไปอยู่เป็นเพื่อนข้า นั้นก็ไม่เสียใจแล้ว!”

เหล่าทหารนอกท้องพระโรงไม่ได้กระทำการบุ่มบ่าม สถานการณ์ในท้องพระโรงเริ่มนิ่งแข็งขึ้นทันที

จักรพรรดิกล่าวด้วยความพึงพอใจว่า “เฉินเสียน เป็นไปได้ไหมที่เจ้ายังอยากเป็นจักรพรรดิอยู่? เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้ายังต้องการทำให้คนทั้งโลกกราบไหว้ภายใต้กระโปรงของเจ้าอย่างนั้นรึ? หยุดคิดเถอะ! ต้าฉู่จะมีจักรพรรดิเป็นผู้หญิงได้เช่นไร!”

เฉินเสียนพูดอย่างเย็นชา “จะเป็นไปได้ไหม ยังไงเจ้าก็มองไม่เห็นมันอยู่ดี” ดวงตาของนางกวาดไปทั่วท้องพระโรง และในที่สุดก็พบเงาของเฮ่อโยวข้างม่านสีเหลืองอันสดใส

เฮ่อเซียงได้ถูกจับมาเช่นกัน ตอนนี้พ่อลูกทั้งสองอยู่ด้วยกัน เฮ่อเซียงสุขภาพไม่ดี เฮ่อโยวได้คอยดูแลข้างๆ อยู่ตลอด ในมือของทหารองครักษ์อยู่ด้านข้าง มีดแพรวพราวอยู่ตรงหน้าทั้งสองคนในแนวนอน และพร้อมที่จะสามารถฟันมันลงได้ทุกเมื่อ

เมื่อเห็นเฮ่อโยวยังมีชีวิตอยู่ เฉินเสียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

พอดี จักรพรรดิกำลังมองหาเป้าหมายที่เขาสามารถสู้ได้ ในมือเปล่าๆ ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก ผลที่ได้คือเขาหันข้างไปจ้องมองเฮ่อโยวแล้ว

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset