ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 564 ต้าฉู่สงบผู้เป็นที่รักย่อมสงบ ต้าฉู่วุ่นวายผู้เป็นที่รักย่อมไม่ปลอดภัย

เฉินเสียนกัดลงไปบนไหล่ของซูเจ๋อเพื่อเพิ่มรอยแผลให้เขา

ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ เป็นการแลกเปลี่ยน “อาเสียน กัดแรงๆ เถิด ข้าแทบรอให้ท่านกัดจนเนื้อหลุดไม่ไหว ถึงแม้เลือดจะไหลริน ถึงแม้จะเจ็บจนทรมาน แต่ก็หาเทียบได้กับความรักที่อยู่ภายในใจข้า”

เฉินเสียนอยากจะกัดเขาแรงๆ อยากทิ้งรอยประทับที่ยากจะเลือนหายไว้บนเรือนร่างของเขา แต่สุดท้ายกลับกัดไปร้องไห้ไป ลืมไปเลยว่าอยากจะกัดลงไปหนักๆ

“วังหลังมีไว้เพื่อคนคนเดียว” ซูเจ๋อยิ้มในหน้า ปล้นชิงความหวานจากเธออย่างอบอุ่นลึกซึ้งและดุเดือด เขาเอ่ยคำพูดอันกินใจที่ข้างหู ทว่ากลับฟังดูอ้างว้างอย่างประหลาด “ข้าซาบซึ้งใจมาก มากจนยากจะเห็นแก่ตัว ช่วยทำให้ความเห็นแก่ตัวของท่านสมปรารถนา”

“แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ายังต้องดูแลให้ท่านมีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัย… ต้าฉู่สงบ ผู้เป็นที่รักย่อมสงบ ต้าฉู่วุ่นวาย ผู้เป็นที่รักย่อมไม่ปลอดภัย”

ในตอนนั้นเฉินเสียนรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในกับดัก ต่อสู้อย่างสิ้นหวังเหมือนสัตว์ป่าที่จนมุมอยู่ในกรง

เธอลูบไล้ลอยแผลเป็นบนแผ่นหลังของซูเจ๋อครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาพร่าเลือนไปด้วยหยดน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากขอบตา

ซูเจ๋อจูบซับน้ำตาที่หางตาของเธอ เคลื่อนลงมาที่ลำคอขาวนวล นัยน์ตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความลุ่มลึกที่ยากจะหยั่งถึง เขาไม่เคยยอมให้เธอได้เห็นเลยว่าภายใต้เปลือกอันเฉยเมยนั้นมี ซ่อนคลื่นแห่งความกลัวแบบไหนเอาไว้

คนที่ต่อสู้อย่างสิ้นหวังอยู่ในกับดักไม่ได้มีเพียงแค่เฉินเสียน พวกเขาต่างอยากกำจัดโซ่ตรวนและครอบครองซึ่งกันและกันเช่นนี้

“อาเสียน ท่านคือภรรยาของข้า ท่านกับข้ากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว หลังจากรับองค์ชายหกแห่งเย่เหลียงเข้ามาที่วังหลัง ท่านไม่จำเป็นต้องกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาอีก ไม่จำเป็นต้องแลกจอกสุรากับเขา หรือยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวท่าน”

“ท่านต้องจำไว้ว่า เขาไม่ใช่พระสวามีของจักรพรรดิ เขาเป็นเพียงแค่ตัวประกัน เป็นหมากตัวหนึ่งที่อยู่ในมือของท่าน”

“ข้าไม่ต้องการ…”

ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหูของเธออีกครั้ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย “เช่นนั้นก็คิดเสียว่ามีคนมาขออาศัยอยู่ในวังหลัง”

“ถ้าในอนาคตข้าไม่อาจยืนอยู่เคียงข้างท่านในนามของซูเจ๋อได้อีกต่อไป ข้าจะลบชื่อของข้าทิ้งและไปเป็นนายบำเรอของท่าน เช่นนี้ดีหรือไม่”

เฉินเสียนส่ายหน้า “ไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด”

“ขอเพียงท่านจำได้ว่าคนที่กราบไหว้ฟ้าดินกับท่านคือข้า เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว”

ต่อมาเฉินเสียนก็ถามเขาว่า “ถ้าท่านเป็นจักรพรรดิ ท่านจะอภิเษกกับองค์หญิงแห่งเย่เหลียงไหม”

ซูเจ๋อนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบอย่างแจ่มใสว่า “โชคดีที่คนที่เป็นจักรพรรดิคือท่าน ข้ายอมให้ท่านทำผิดต่อข้า ข้ายอมทำผิดต่อคนทั้งโลก แต่ข้าจะไม่ยอมทำผิดต่อท่าน”

ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ เขาก็คงไม่ใช่ซูเจ๋อ

เฉินเสียนหลับไปด้วยความงุนงงยามเมื่อฟ้าใกล้สาง เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้ไปที่ราชสำนักในยามเช้านับแต่ขึ้นครองราชย์

เหล่าขุนนางต่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่ซูเจ๋อพักค้างคืนที่พระตำหนักไท่เหอ และวันต่อมาก็ยังไม่มีข้อราชการฟ้องร้องเกี่ยวกับเขาส่งมารบกวนในพระตำหนัก

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่มีเป้าหมายของตนเอง และเพื่อเป้าหมายนั้น พวกเขาจึงยอมถอยได้บ้างตามความเหมาะสม

แต่ถ้าในท้ายที่สุดพวกเขาไม่บรรลุเป้าหมาย พวกเขาจะเริ่มไต่สวนเรื่องนี้อีกครั้งเพื่อเล่นงานซูเจ๋อ

ตั้งแต่ที่ซูเจ๋อเข้ามาที่พระตำหนักไท่เหอเมื่อคืนก่อน เขาไม่ได้เหลือหนทางเอาไว้ให้เธอเลย หลังจากตื่นจากความฝัน เฉินเสียนก็ตระหนักได้ว่าเธอถูกซูเจ๋อจัดวางตำแหน่งไว้เรียบร้อยแล้ว

เขาวางตัวเองไว้บนยอดพายุที่โหมกระหน่ำ ไม่เหลือโอกาสไว้ให้เธอเปลี่ยนใจหรือถอยหนี ถ้าเธอไม่ตกลง ขุนนางเหล่านั้นจะลงมือกับเขา

เฉินเสียนไม่ได้ไปที่ราชสำนักเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน เธอหลับและตื่น ตื่นและหลับ ในช่วงบ่ายที่ซูเจ๋อไม่ได้อยู่ที่พระตำหนักไท่เหอ เธอจะเป็นคนสอนซูเซี่ยนให้อ่านหนังสือและคัดอักษร

วันต่อมาเฉินเสียนขอให้ซูเจ๋อเข้ามาในวัง

เธอสวมฉลององค์ของจักรพรรดิ บนมวยผมยังคงประดับด้วยปิ่นหยกขาว เธอกระชับปกคอเสื้อและนั่งลงแข่งหมากล้อมกับซูเจ๋อ

เธอไม่ได้ร้องไห้เพียงลำพังอย่างเมื่อคืนก่อนอีกต่อไป สีหน้าของเธอไม่ต่างอะไรกับซูเจ๋อ เป็นสีหน้าที่เรียบเฉยทว่าเจือไปด้วยความอ้างว้าง

เฉินเสียนถามเขาว่า “ฝ่ายทิ้งกับฝ่ายถูกทิ้ง แบบไหนทำให้รู้สึกแย่ได้มากกว่ากัน”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “การถูกทิ้งทำให้รู้สึกเดียวดายยิ่งกว่า แต่รสชาติแห่งความโดดเดี่ยวเช่นนั้นข้าเคยลิ้มรสมาแล้ว นั่นจึงไม่มีความหมายอะไรสำหรับข้า”

เฉินเสียนหัวเราะด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอบีบหมากรุกในมือแน่นและกล่าวว่า “ใช่รึ ท่านมันเจ้าเล่ห์จริงๆ”

วันที่สาม เฉินเสียนไปที่ราชสำนักในยามเช้าและตอบกลับทูตแห่งเย่เหลียงว่าต้าฉู่ตกลงให้มีการอภิเษกเพื่อเกี่ยวดอง แต่เงินหนึ่งแสนตำลึงจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองแสนตำลึง เสบียงอาหารยังคงเป็นหนึ่งแสนต้านเช่นเดิม ทว่าไม่ใช่การให้ในนามของการยืม แต่เป็นการให้ในนามของสินสอดสำหรับการอภิเษก

เหล่าขุนนางไม่อาจสงบได้อีกต่อไป การที่เฉินเสียนเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ทุกอย่างจะต้องพังพินาศเป็นแน่ อย่าว่าแต่เงินสองเท่าเลย การที่ไม่ต้องจ่ายคืนในภายหลังเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการขูดรีด ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือหากนับเรื่องสินสอดของการอภิเษก ไม่ใช่ว่าทางนี้ต้องเป็นฝ่ายมอบสินสอดให้องค์ชายหกหรอกหรือ ถึงอย่างไรองค์ชายหกก็เป็นโอรสของแผ่นดินผู้หนึ่ง เช่นนี้มันไม่เหมือนการตบหน้าเย่เหลียงหรอกหรือไร

เฉินเสียนกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและเอ่ยเรียบๆ ว่า “นี่คือเส้นตายของข้า”

เหล่าขุนนางแทบไม่เหลือความหวังใดๆ เพราะจักรพรรดิแห่งเย่เหลียงจะต้องปฏิเสธแน่นอน

เหล่าขุนนางเฒ่าหว่านล้อมให้ซูเจ๋อไปเกลี้ยกล่อมเฉินเสียนเอง ในเมื่อเฉินเสียนมีท่าทีว่าจะทำให้เรื่องแย่ยิ่งกว่าเดิมเช่นนี้ ทุกคนคงจะต้องพยายามกันเอง

จักรพรรดิเย่เหลียงทรงพิโรธอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่ทรงทราบข่าว เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่เป็นสิงโตปากกว้าง

ทว่าองค์ชายหกกลับประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยอย่างสนอกสนใจว่า “เสด็จพ่อ จักรพรรดินีแห่งต้าฉู่กำลังบีบบังคับให้เสด็จพ่อเกิดความคิดที่จะละทิ้งการเกี่ยวดอง หากท่านพ่อทรงกริ้วจริงๆ ก็จะเป็นไปตามที่พระนางประสงค์”

จักรพรรดิเย่เหลียงตรัสว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

องค์ชายหกตรัสด้วยน้ำเสียงที่บริสุทธิ์ไร้พิษภัยว่า “พระนางกับซูเจ๋อผู้นั้นร่วมเป็นร่วมตายกันมา ทั้งสองย่อมมีความผูกพันที่ลึกซึ้ง ข้ารู้จักสตรีผู้นั้นดี นางจะไม่ยอมรับใครทั้งนั้นนอกจากซูเจ๋อ การที่เราเสนอให้มีการอภิเษกทางการเมืองนั้นไปกระทบเกล็ดของนาง ด้วยสถานการณ์ของต้าฉู่ ขุนนางชั้นสูงในราชสำนักคงจะกดดันนาง ทำให้นางไม่ทางเลือกและต้องตอบตกลง ด้วยเหตุนี้จึงเสนอเงื่อนไขนี้มาเพื่อให้เราเป็นฝ่ายล่าถอย”

จักรพรรดิเย่เหลียงคิดว่าเรื่องนี้ฟังดูสมเหตุสมผล

องค์ชายหกตรัสว่า “จักรพรรดินีก็คือจักรพรรดินี นอกจากนี้ยังเป็นสตรีที่จริงใจกับความรัก”

เมื่อพูดถึงความรัก การอยู่ในฐานะเช่นนั้นก็เหมือนถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเสียสละ มีหรือที่นางจะไม่รู้? เรื่องนี้นางย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจ

องค์ชายหกยกขาขึ้นไขว่ห้าง นั่งมองดูท้องฟ้าอันกว้างใหญ่อย่างสบายพระทัย พระองค์คิดว่าเมื่อสตรีผู้นั้นตกหลุมรักใครสักคน นางจะทุ่มเทกายใจให้กับชายผู้นั้น และพระองค์จำต้องยอมรับว่าชายที่ได้รับความรักจากสตรีผู้นั้นก็คงจะมีความสุขในระดับหนึ่ง ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นคือซูเจ๋อ แต่ในอนาคตล่ะ จะเป็นใคร?

องค์ชายหกตั้งหน้าตั้งตารอ

ถ้าได้หัวใจของสตรีผู้นี้ จะต้องกลัวไปไยว่าจะไม่ได้ต้าฉู่มาไว้ในครอบครอง

จักรพรรดิเย่เหลียงยังคงคิดมาก องค์ชายหกจึงกล่าวว่า “เสด็จพ่อ ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือหรือพ่ะย่ะค่ะ เงินสองแสนตำลึงและเสบียงอาหารหนึ่งแสนต้าน เทียบไม่ได้เลยกับอำนาจการปกครองของต้าฉู่”

ดวงตาสีดำเป็นประกายคู่นั้นหรี่ลง เผยให้เห็นความทะเยอะทะยานอันแรงกล้าที่ซ่อนไว้ในส่วนลึก จากนั้นจึงกล่าวอีกว่า “ไม่ว่านางจะเรียกร้องสิ่งใด คราวนี้ข้าต้องเข้าไปที่ต้าฉู่ให้ได้ ข้าไม่เพียงแต่จะต้องยืนหยัดในต้าฉู่ แต่ข้าจะต้องกำจัดซูเจ๋อให้พ้นตัวนาง การเก็บเข้าไว้รังแต่จะเป็นภัยต่อเย่เหลียงในอนาคต”

องค์ชายหกเต็มไปด้วยความสุขุม ทันทีที่เหยียบแผ่นดินต้าฉู่ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพระองค์ก็คือซูเจ๋อผู้นั้น พระองค์ไม่เพียงแต่ต้องกำจัดเขาให้พ้นตัวเฉินเสียน แต่ยังต้องทำให้ชื่อเสียงของเขาป่นปี้จนไม่อาจยืนหยัดอยู่ในราชสำนักต้าฉู่ได้อีกต่อไป

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset