ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 731 คุณชายซู ท่านกรุณาควบคุมตัณหาของท่านด้วย!

ท่านอ๋องมู่จะรู้เข้าใจอย่างชัดเจนเรื่องความคิดเหล่านั้นของลูกสาวตนเองที่ไหนกันล่ะ จนกระทั่งรวมถึงไม่รู้ว่าเหตุใดจาวหยางได้คิดหาหนทางไปที่ต้าฉู่และยิ่งกว่านั้นก็ไม่รู้ว่านางมีคนที่ถูกใจหมายปองเมื่อไหร่ คนที่นางรักและถูกใจเป็นผู้ใด

ท่านอ๋องมู่ไม่ได้มีภาพความประทับใจที่พิเศษกับฉินหรูเหลียง รู้เพียงว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าฉู่ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ อายุน้อยและรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา

แต่ทว่าไม่ได้มีการเชื่อมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันกับเขาและบุตรสาวของเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่เรื่องนี้ดูแล้วคล้ายดั่งไม่ได้มีสาเหตุอะไรที่พิเศษและยุติลง เพราะว่าต่อมาจาวหยางกับฉินหรูเหลียงราวกับไม่ได้มีการคลุกคลีกัน และนางก็ไม่ได้อยู่ที่ต้าฉู่นานด้วย

รอหลังจากที่ท่านอ๋องมู่ปรึกษาหารือเรื่องของเป่ยเซี่ยกับต้าฉู่เรียบร้อยแล้ว ก็จะพาจาวหยางกลับออกไปจากต้าฉู่เลย

แม้แต่แจ้งล่วงหน้านางก็ไม่ได้แจ้งฉินหรูเหลียงเลย

หลังจากที่ท่านอ๋องมู่กลับไป ในเมืองหลวงขาดร่างแน่งน้อยที่คึกคักร่าเริงไปคนหนึ่ง ฉินหรูเหลียงถึงได้รู้ว่า นางน่าจะไปด้วยกันแล้ว

ในเมืองหลวงนี้ สำหรับนายทหารเป็นสถานที่บรรเลงดนตรีเคล้าสุรานารี

บางทีเขาอาจจะไม่ควรซึมเซาอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว

จาวหยางกลับไปไม่นาน ฉินหรูเหลียงก็เข้าพระราชวังเพื่อไปเข้าเฝ้า และขอให้แต่งตั้งไปเป็นทหารดูแลตรงเขตชายแดน

เฉินเสียนไม่ใช่ไม่รู้ ก่อนหน้านี้พักหนึ่งฉินหรูเหลียงอาศัยดื่มเหล้าผ่านไปวันๆ บางทีสำหรับเขา ห่างไกลจากเมืองหลวงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

เฉินเสียนกล่าวถามเขาว่า “ท่านอยากไปตั้งมั่นและรักษาป้องกันทีใดหรือ?”

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “แม่ทัพโฮ้วอายุมากแล้ว กระหม่อมอยากไปหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนคิดแล้วคิดอีก กล่าวว่า“แม้ว่าแม่ทัพโฮ้วจะอายุมากแล้ว แต่ทางหนานเจียงได้ฝึกอบรมนายทหารชั้นสูงที่มีความสามารถมาหนึ่งรุ่นแล้ว นับว่ามีรุ่นหลังตามมาแล้ว มิสู้กับท่านไปที่เป่ยเจียงพรมแดนทางตอนเหนือ ว่าอย่างไร?”

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหรูเหลียงเป็นแม่ทัพของต้าฉู่ แต่เพื่อไปสนับสนุนทางเป่ยเจียงพรมแดนทางตอนเหนือ ทหารสามเหล่าทัพเป่ยเจียงต้องฟังประกาศคำสั่งในกองทัพจากเขา และเฝ้าระวังจุดยุทธศาสตร์ชายแดน

ตอนที่จะส่งเขาออกเดินทาง ทั้งสองคนต่างร่วมดื่มเหล้าด้วยกัน

เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ติดอยู่ที่ใจของฉินหรูเหลียงวนไปวนมา แต่ทว่าสุดท้ายคำเดียวก็กล่าวออกมาไม่ได้

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ ได้รับความสุขที่เธอต้องการมากที่สุดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก เขาสามารถไปอยู่ที่ชายแดนได้ เพื่อปกป้องดินแดนให้กับเธอ ทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถ ตราบจนชีวิตจะหาไม่เพื่อเธอ

เฉินเสียนวางจอกเหล้าลง กล่าวว่า “ถึงเป่ยเจียงแล้ว หากที่นั่นมีหญิงสาวที่เหมาะสมไม่เลว ท่านก็แต่งงานเถิดนะ ตอนที่แต่งงานอย่าลืมที่จะเขียนจดหมายเข้ามาบอกในเมืองหลวงด้วยล่ะ”

ในมือของฉินหรูเหลียงคีบจอกเหล้าอยู่ ชำเลืองมองเธอ แล้วกล่าวว่า “พระองค์ต้องการมาดื่มเหล้าในงานแต่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดื่มเหล้าในงานแต่งหนึ่งจอกไม่เกินไปหรอกมั้ง ต่อให้ไปไม่ทันดื่มเหล้าแสดงความยินดีในงานแต่ง ข้าก็ต้องส่งคำอวยพรให้”

“แต่หากว่ากระหม่อมแต่งภรรยา คนที่กระหม่อมไม่อยากเจอที่สุดน่าจะเป็นพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนชะงักงัน

ฉินหรูเหลียงวางจอกเหล้าลง  เป็นไปได้ที่กระหม่อมจะไม่แต่งภรรยา”

“ท่านแม่ทัพอายุน้อย ไม่แต่งภรรยาเป็นฝั่งเป็นฝา หรือว่าจะอยู่ลำพังไปจนแก่?”

ฉินหรูเหลียงลุกขึ้น ในมือม้วนถือเสื้อกันลมอยู่ หมุนตัวแล้วเดินไป จากนั้นกล่าวว่า “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน หากไม่มีผู้ที่เหมาะสม อยู่ลำพังจนแก่ก็ไม่เลว หลีกเลี่ยงการแต่งภรรยาเป็นคู่เวรคู่กรรม ต่างฝ่ายต่างผิดหวัง”

คนผู้นี้พูดบอกกล่าวว่าปล่อยวางแล้ว แต่ทว่าต้องให้เธอให้เขาอยู่ลำพังจนแก่ นี่เป็นการปล่อยวางลงแล้วหรือไม่?

ฉินหรูเหลียงเดินไปไม่กี่ก้าว เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบขึ้นทันทีว่า  ฉินหรูเหลียงชะงักฝีเท้า

เฉินเสียนกล่าวว่า “หลังจากหนึ่งปี หากท่านยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ เรื่องการแต่งงานของท่านข้าจะเป็นผู้ตัดสินใจ แทนที่จะให้ท่านแม่ทัพอยู่ลำพังจนแก่ สู้มิได้กับเอาเรื่องแต่งงานของท่านแม่ทัพมาสนับสนุนทำคุณงามความดีให้ราชสำนักของต้าฉู่แทน เชื่อว่าหญิงที่อยากแต่งงานกับท่านแม่ทัพมีมาก ถึงเวลานั้นข้าต้องหาคนที่เหมาะสมคู่ควรในด้านฐานะและด้านครอบครัวอีกทั้งอำนวยประโยชน์ต่อต้าฉู่มาแต่งงานกับท่านแม่ทัพได้เป็นแน่”

ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “หากการแต่งงานของกระหม่อมสามารถทำประโยชน์แก่ฝ่าบาทได้ เช่นนั้นก็ดี”

เฉินเสียนชะงัก โมโหจนอยากเอาจอกเหล้าขว้างใส่แผ่นหลังฉินหรูเหลียง

เหตุใดเขาถึงดื้อรั้นเยี่ยงนี้!

หลังจากที่ฉินหรูเหลียงไปแล้ว เฉินเสียนได้ดึงเกาเหลียงที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเธอ ย้ายมารับผิดชอบหน้าที่ที่ป้อมปราการเขตชายแดน บุคคลนี้มีความสามารถในการทำงานทำการ หากทำหน้าที่คุ้มกันให้เธออย่างเดียว ก็ไม่ได้แสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ ในไม่กี่ปีมานี้เขาได้รับประสบการณ์มากมายอย่างแน่นอน และทำภารกิจวิเคราะห์ได้อย่างหนักแน่นดี

ไปถึงเป่ยเจียงในหนึ่งปีนั้น ฉินหรูเหลียงพูดคุยแค่เรื่องงาน ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่คุยเรื่องส่วนตัวเลย

ตอนที่อยู่กับเหล่านายทหาร เขาดื่มเพียงแค่เหล้า ไม่สัมผัสหญิงสาว

เหล่าหญิงสาวในเมืองชายแดนล้วนรู้ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพผู้นี้ที่ดังก้องหูราวกับฟ้าร้องที่ดังก้องหู เวลาเดียวกันเขาก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เหล่าหญิงสาวมากมายอยากจะปราบเอาชนะให้ได้

สำหรับพวกนาง หล่อเย็นชาเช่นนี้อีกทั้งเป็นชายตำแหน่งสูงมากด้วยอำนาจที่ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง ราวกับว่าเป็นพระเจ้าที่ดำรงอยู่จริงๆเลย

ตอนเวลากลางวันที่เฉินเสียนจัดการกับกิจการงานบ้านเมือง อาเซี่ยนเลิกเรียน ก็จะอยู่ด้วยกันกับซูเจ๋อในห้องตำราหลวง

ซูเซี่ยนกำลังศึกษาตำราการวางแผนยุทธวิธีบริหารปกครองบ้านเมืองที่ซูเจ๋อเคยเก็บไว้ให้เฉินเสียนเมื่อปีที่แล้วๆมา และบนเข่าของซูเจ๋อวางตำราที่ไว้อ่านยามว่างอยู่ เขาสบายอกสบายใจกว่าใครอื่น

มีบางครั้งที่เฉินเสียนก็จะมีความเห็นทางการเมืองมาสอบถามกับซูเจ๋อ ความรู้สึกที่เงยหน้ามาแล้วมีคนหนึ่งสามารถพูดคุยด้วย จิตใจสงบเป็นอย่างมาก

ในมือของซูเจ๋อจับพู่กันอยู่ บนกระดาษเขียนตัวหนังสือน้อยมาก เขาเขียนตามแต่ใจประสงค์ นิ้วมือเรียวยาวขาวสะอาดสะอ้าน มองแค่เขาเขียนก็มีสุขแล้ว

พู่กันนั้นเขียนปรากฏลายเส้นตัวอักษรออกมา ลายมือเป็นเยี่ยงไรคนก็เป็นเยี่ยงนั้นจริงๆ เวลาที่สบายอกสบายใจทำให้มีกำลังเข้มแข็ง สบายตาเป็นอย่างมาก

เฉินเสียนค้ำคางเอาไว้ ชื่นชมเพลิดเพลินกับการเขียนอักษรของเขา

รอหลังจากที่เขาวางพู่กันลงแล้ว เห็นตัวอักษรบนกระดาษขาวเขียนเรื่องวังหลังเป็นอย่างๆไม่ได้มีการแทรกแซงงานราชการแผ่นดินเลย

เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ให้ท่านช่วยข้าบริหารบ้านเมืองสักหน่อย เพียงแค่ถามความคิดเห็นท่านเองนะ”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม กล่าวว่า “อยากถามความคิดเห็นข้า? รอตอนกลางคืนเวลาที่จะนอนข้าจะบอกท่านช้าๆ”

เฉินเสียน“……………………..”

ถึงช่วงเย็นตอนที่จะนอน เฉินเสียนพยายามป้องกันซูเจ๋อทุกวิถีทาง เพียงเธอชะล่าใจ ก็ทำให้ซูเจ๋อใช้กลอุบายขึ้นมาได้

แต่นึกถึงสภาพร่างกายของเขา เฉินเสียนก็พูดจาเกลี้ยกล่อมดีๆ ว่าต้องควบคุมอารมณ์ เรื่องอย่างนี้ทุกเดือนมีครั้งสองครั้งก็พอแล้ว

ในค่ำคืนนี้ ซูเจ๋อพิงหัวเตียงอ่านตำราอยู่ เฉินเสียนออกมาจากห้องอาบน้ำ เพื่อที่จะไม่ทำให้ซูเจ๋อสนใจขนาดนั้น ชุดนอนของเธอเลยปกปิดมิดชิดเป็นอย่างมาก เธอห่อหุ้มตนเองจนแน่นสนิท เหลือไว้เพียงลำคอช่วงหนึ่งที่อยู่ด้านนอก ตนเองรู้สึกว่าไม่น่าหลงใหลเลยสักนิดหนึ่ง

ซูเจ๋ออาบน้ำเรียบร้อยแล้ว บนเรือนร่างมีความฉ่ำนุ่มลื่นอยู่บ้าง

เขาปิดตำราลงช้าๆ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวว่า“ท่านยิ่งปกปิดมิดชิด ยิ่งทำให้คนอยากจะแอบดูความล้ำเลิศใต้เสื้อนั้น นี่เรียกว่าเพื่อที่จะครอบงำจิตใจให้อยู่ใต้อำนาจอย่างเด็ดขาดจึงแสร้งทำอย่างนี้ก่อน ท่านไม่รู้หรือ”

เฉินเสียนกล่าวว่า“เพื่อที่จะครอบงำจิตใจให้อยู่ใต้อำนาจอย่างเด็ดขาดจึงแสร้งทำอย่างนี้ก่อนอะไร นี่ข้าเข้มงวดและป้องกันหมาป่าอย่างจริงจังหรอก”

ซูเจ๋อหัวเราะ ไม่ปริปากพูดสักคำ

ผลสรุปเฉินเสียนเพิ่งจะนอนลงได้ไม่นาน ด้านในผ้าม่านของเตียงนอนมีกุกกักเล็กๆดังติดต่อเป็นระยะ ตามมาด้วยเสียงหายใจหอบของเฉินเสียน สุดท้ายเธอไม่เทียบเท่า ถูกซูเจ๋อใช้กลอุบายกดลงอยู่ใต้ร่าง

เธอทั้งอายทั้งโมโหจ้องเขาแล้วกล่าวว่า “คุณชายซู ท่านกรุณาควบคุมตัณหาของท่านด้วย!”

ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่เล็กยาวคู่นั้นของเขาอึมครึมเป็นอย่างมาก นิ้วมือกระตุกเล็กน้อย ก็สามารถดึงชุดนอนของเธอลงมาจากไหล่ได้ และปรากฏให้เห็นหัวไหล่ที่ขาวละมุนละไม เขามีความอยากเป็นอย่างมาก

ซูเจ๋อพลิกตัวลงจูบสัมผัสที่ซอกคอของเธอ จูบที่เร่าร้อนทำให้เธอหายใจติดขัด

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset