ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 738 นั่นเป็นลูกของข้า เจ้ากล้า?!

ฝูหลิงหยุดร้องไห้และกล่าวว่า “องค์ชายหกได้โปรดวางพระทัยเพคะ หม่อมฉันจะไม่นำเรื่องอาการเจ็บป่วยที่ซ่อนอยู่ของพระองค์ไปพูดที่ไหนเด็ดขาดเพคะ ทำไมพระองค์ถึงยังไล่ตามหม่อมฉันหรือเพคะ?”

เย่ซวิ่นกล่าว “ข้าจะต้องไปแล้ว”

ฝูหลิงตกตะลึงเมื่อมองดูเขาทั้งน้ำตา

เขากล่าวอีกว่า “ข้าต้องกลับเย่เหลียงแล้ว”

ฝูหลิงยิ้มและกล่าวว่า “งั้นก็ดีสิเพคะ หม่อมฉันขอให้พระองค์เดินทางโดยปลอดภัยเพคะ” นางยิ้มและจู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา นางเอามือปิดตาไว้ และร้องไห้อย่างโศกเศร้า “พระองค์กลับไปถือเป็นเรื่องดี พระองค์ไปอย่างมีความสุข แต่หม่อมฉันล่ะเพคะ? ไม่ว่าหม่อมฉันจะพูดเรื่องของพระองค์ออกไปหรือไม่ แต่ชีวิตนี้หม่อมฉันก็ไม่สามารถแต่งงานได้อีกแล้ว…”

เย่ซวิ่นเข้ามาใกล้และยกแขนเสื้อเพื่อเช็ดน้ำตาของนาง เขาไม่ได้คาดหวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นผู้หญิงร้องไห้แบบนี้ เขากล่าวว่า ”ในเมื่อแต่งงานไม่ได้งั้นก็ไม่ต้องแต่งงานสิ กลับไปเย่เหลียงกับข้า ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าไปตลอดชีวิต”

ฝูหลิงร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ และกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่ไปเย่เหลียง หม่อมฉันคือคนต้าฉู่ ปู่และพ่อแม่ของหม่อมฉัน พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ที่ต้าฉู่ หม่อมฉันจะไม่ไปกับพระองค์เด็ดขาดเพคะ…”

นางคร่ำครวญและกล่าวว่า “พระองค์เป็นองค์ชายแห่งเย่เหลียง พระองค์จะมีผู้หญิงมากมายนับไม่ถ้วน แล้วหม่อมฉันจะมีความหมายอะไร? หม่อมฉันไม่อยากอยู่กับคนที่มั่วผู้หญิงไปทั่วหรอกเพคะ”

เย่ซวิ่นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ใครบอกเจ้าว่าข้ามีผู้หญิงหลายคน ข้าดูเป็นผู้ชายสำส่อนขนาดนั้นเลยหรือ? หลายปีมานี้ที่มาอยู่ที่ต้าฉู่ ข้ายังไม่ได้แตะผู้หญิงแม้แต่คนเดียว” เขาพูดพลางเม้มริมฝีปาก เขาเสริมอีกว่า “นอกจากเจ้า”

“แต่เมื่อพระองค์กลับไปก็ต้องมีนางสนมอีกจำนวนมากไม่ใช่หรือ? หม่อมฉันไม่มีอะไรดีเลย และไม่มีฐานะอะไร ยังไงชีวิตนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้แต่งงาน และหม่อมฉันก็จะไม่กลับไปเย่เหลียงกับพระองค์เพคะ”

ฝูหลิงรู้ดีว่านางอยู่ในฐานะอะไร และยิ่งรู้ดีว่าเย่ซวิ่นอยู่ในฐานะอะไร ถึงแม้นางจะไร้เดียงสา แต่นางก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องแบบนี้

นางกลับเย่เหลียงไปกับเย่ซวิ่น ก็คงมีแต่คนดูถูกเหยียดหยามนาง และสุดท้ายนางก็ไม่มีใครคอยสนับสนุนนาง

เย่ซวิ่นคิดเสมอว่าเขาควรถามความคิดเห็นของฝูหลิงก่อนจากไป และหากนางต้องการ เขาก็พานางกลับไปที่เย่เหลียงด้วย เขาจะไม่บังคับนาง มันขึ้นอยู่กับนางว่าจะไปด้วยกันหรืออยู่ที่ต้าฉู่

ตอนนั้นเดาว่าเขามั่นใจในตัวเองเกินไป และเอาแต่คิดในใจว่านางน่าจะเต็มใจไปกับเขา

แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินว่าฝูหลิงปฏิเสธเขา เย่ซวิ่นรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ผิดมากที่ปล่อยให้นางตัดสินใจด้วยตัวเอง เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะจับไหล่นาง อุ้มนางขึ้นแล้วยัดนางเข้าไปในรถม้าที่กำลังจะกลับเย่เหลียง

แต่สุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้

เขากลัวว่าเขาจะทำร้ายนาง และทำให้นางร้องไห้เหมือนครั้งที่แล้วโดยไม่คำนึงถึงความปรารถนาของนาง

เย่ซวิ่นกล่าวว่า “จักรพรรดิต้าฉู่ของเจ้ายังสามารถปล่อยให้วังหลังว่างเปล่า และมีเพียงผู้ชายคนเดียวในชีวิตได้ ข้าเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่สำคัญอะไร ทำไมถึงจะไม่สามารถมีผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตได้”

ฝูหลิงไม่ฟังเขา คงเพราะถูกกระตุ้นมากเกินไป นางหลบเขาและปิดปากของนาง โน้มตัวและถอยออกไป

เมื่อนางอาเจียนเสร็จ นางก็หันศีรษะกลับมาพร้อมด้วยตาสีแดง และเห็นว่าดวงตาของเย่ซวิ่นจ้องดูนางอย่างไม่อาจคาดเดาได้

ฝูหลิงตื่นตระหนกเล็กน้อย หันศีรษะเดินจากไป และกล่าวแก้ต่าง “หม่อมฉันแค่ทานอาหารไม่เป็นเวลาสองสามวันนี้…พระองค์รีบออกเดินทางเถอะเพคะ หม่อมฉัน หม่อมฉันต้องกลับบ้านแล้วเพคะ…”

ไม่คาดคิดเลยว่าเย่ซวิ่นจะตามทันและลากนางไปอีกทางหนึ่ง และกล่าวว่า “ทานอาหารไม่เป็นเวลาหรือ งั้นก็ไปร้านยาสมุนไพรให้หมอตรวจดูอาการ ดูว่าใช่เพราะทานอาหารไม่เป็นเวลาจริงหรือไม่!”

ฝูหลิงพยายามดิ้นรน “หม่อมฉันไม่ไป! หม่อมฉันไม่ไปเพคะ!”

เย่ซวิ่นใช้แรงอย่างเต็มที่ “เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”

ฝูหลิงโกรธมากและกัดหลังมือของเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาปล่อยมือ นางกล่าวว่า “พระองค์ต้องการอะไรกันแน่! หม่อมฉันยังไม่แต่งงาน พระองค์ทำแบบนี้ทำให้หม่อมฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้นะเพคะ!”

ต่อมานางอ่อนแรงลงและอ้อนวอนเขา “ขอร้องล่ะเพคะอย่ายุ่งกับหม่อมฉันเลยเพคะ? พระองค์ไม่ใช่จะกลับไปเย่เหลียงไม่ใช่หรือ ไปสิเพคะ หม่อมฉันจะไม่ทำอะไรให้พระองค์เดือดร้อนหรอกเพคะ”

เย่ซวิ่นรู้สึกท้อแท้ด้วยความเจ็บปวด เขานั่งลงและถามนางด้วยเสียงต่ำว่า “หากมีจริง เจ้าตัดสินใจจะทำอย่างไร?”

ฝูหลิงพูดแก้ต่างออกมา “พระองค์วางพระทัยได้ หม่อมฉันไม่มีวันยอมรับว่าเป็นพระองค์…หม่อมฉันรู้จักปรุงยา” นางพูดแล้วก็สั่นและน้ำตาคลอเบ้า “หาโอกาสเอาออก เอาออกก็ไม่มีอะไรแล้วเพคะ…”

เย่ซวิ่นมีสติอีกครั้ง จ้องมองไปที่นางด้วยดวงตาสีแดงและกล่าวว่า “นั่นเป็นลูกของข้า เจ้ากล้า?!”

เย่ซวิ่นไม่ได้สนใจกับผู้คนที่เดินไปมาตามท้องถนน และอุ้มฝูหลิงขึ้นมาและเดินไปตามถนนอย่างเปิดเผย

ตอนแรกฝูหลิงพยายามดิ้นรน แต่ต่อมาเห็นดวงตาของคนเดินถนนจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งสอง และนางก็รู้สึกอาย นางจึงมุดศีรษะของนางไว้ในอ้อมแขนของเย่ซวิ่นเหมือนกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ ที่สั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา

ฝูหลิงสะอื้นเบา ๆ และกล่าวว่า “ไม่ไปร้านยาสมุนไพรได้ไหมเพคะ…”

“ทำไมหรือ?”

“หม่อมฉันกลัว…หม่อมฉันอยากกลับบ้านเพคะ…”

“ได้ ไม่ไปก็ไม่ไป ข้าไปส่งเจ้าที่บ้าน”

เพียงแค่ว่า เย่ซวิ่นไม่เพียงแค่ส่งนางกลับบ้าน เขายังเข้าไปในกระท่อมยาเพื่อขอฝูหลิงจากปู่และพ่อแม่ของนาง

ไม่คิดเลยว่าเย่ซวิ่นที่หยิ่งยโสมาตลอด กลับมีทัศนคติที่จริงใจมากและเนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่แนบชิดกับ ฝูหลิงเขาก็ควรรับผิดชอบ

ปู่ของฝูหลิงจึงรู้ว่าที่แท้เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้นี่เอง และเมื่อเห็นอาการของฝูหลิง เขาจึงตรวจชีพจรให้นางและรู้ว่านางท้องได้สองเดือนแล้ว

ตอนนี้ฝูหลิงนอกจากนางจะติดตามเย่ซวิ่นกลับไปแล้ว นางยังสามารถทำอะไรได้อีก? หากไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของฝูหลิงมาขัดขวางไว้ ปู่ของนางก็คงใช้ไม้ค้ำยันไล่ตีเย่ซวิ่นเสียแล้ว

ในวันนี้ เย่ซวิ่นล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่วังหลวงเพื่อพบกับเฉินเสียน

เฉินเสียนดูไม่แปลกใจเลย เพียงแต่เลิกคิ้วขึ้น และกล่าวว่า “ออกเดินทางตั้งแต่กลางวันแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังกลับมาอีก?”

เย่ซวิ่นพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าจะพาฝูหลิงไปด้วย ฝ่าบาทช่วยข้าหน่อยได้ไหม”

เฉินเสียนคาะนิ้วลงบนโต๊ะ คิดแล้วกล่าวว่า “พานางไปเย่เหลียง?”

“ข้าต้องการให้ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งให้กับนาง แต่งตั้งให้นางเป็นองค์หญิงหรืออะไรก็ได้ เพื่อให้นางกลับไปเย่เหลียงกับข้า และไม่ให้ถูกคนอื่นรังแก” เย่ซวิ่นกล่าวอย่างจริงใจ “หากฝ่าบาทยอมช่วยเหลือ ข้าจะรู้สึกขอบคุณอย่างไม่มีสิ้นสุด”

“ข้าได้ยินว่าฝูหลิงกำลังตั้งครรภ์ เจ้าช่างแน่จริง ๆ เย่ซวิ่น ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ผลลัพธ์ออกมาได้น่าอัศจรรย์ทีเดียว”

ในเวลานี้กลับถูกเฉินเสียนเยาะเย้ย แต่เย่ซวิ่นก็ยอมรับ ก็ในเมื่อเขามีเรื่องต้องขอร้องคนอื่นยังไงล่ะ

“แต่ตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่ที่ต้าฉู่ ก็ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียใด ๆ” เฉินเสียนกล่าวอีกว่า “ในช่วงที่ข้าตกต่ำ เจ้าก็ยังดูแลข้า ตามหลักเหตุผลเรื่องนี้ยังไงข้าก็จะช่วย สุดท้ายถึงแม้เจ้าจะไม่ได้เป็นพระสวามีของข้าในอาณาจักรต้าฉู่ แต่ข้าสามารถรับฝูหลิงเป็นพระกนิษฐาโดยชอบธรรม และแต่งตั้งให้นางเป็นองค์หญิงโดยชอบธรรม และสร้างสัมพันธ์กับเย่เหลียงขึ้นใหม่อีกครั้งโดยส่งนางไปแต่งงานกับเจ้า ยังทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองอาณาจักรไม่แตกหักลง”

เธอจำแนกความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจน เย่ซวิ่นคิดว่าเธออาจคิดวิธีนี้มานานแล้ว ทั้งสามารถส่งคืนเขากลับไปได้อย่างราบรื่น และไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร

เฉินเสียนและซูเจ๋อสองคนสามีภรรยาคู่นี้ รู้จักวางแผนอย่างดีมาก และเขาก็ตกหลุมพราง

แต่ตอนนี้ แม้ว่าเย่ซวิ่นจะรู้ว่าเฉินเสียนวางแผนไว้นานแล้ว แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset