ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 86 พุ่งเป้ามาที่เธอ

เฉินเสียนตระหนักว่าตอนนี้ทุกสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือเรื่องจริง มีคนตายจริง และที่สาดกระเซ็นจนนองเต็มพื้นก็คือเลือดจริงๆ!

เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาร่างของอวี้เยี่ยนแต่ว่าหาไม่พบ เธอไม่อยากเจอว่าอวี้เยี่ยนอยู่ท่ามกลางกองเลือดเหล่านี้ ไม่อยากเลยสักนิด

เฉินเสียนพยายามระงับอาการคลื่นเหียนวิงเวียนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนร่างกายสั่นสะท้าน เธอเขม่นมองชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าและถามไปว่า “พวกเจ้าเป็นใคร”

อีกฝ่ายไม่ตอบทั้งยังออกคำสั่งว่า “มัดตัวนางไว้!”

ทันใดนั้นชายสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเชือกและกระสอบป่านหนึ่งใบ ขณะที่หนึ่งในนั้นกำลังจะมัดเฉินเสียนเอาไว้ เธอก็งอข้อศอกและกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรง

เธอจู่โจมทีเผลอจนอีกฝ่ายเซถลา จากนั้นจึงหันไปคว้าข้อมือของชายอีกคนไว้และจับทุ่มลงไปด้านหลังอย่างแรง

เสียงกระดูกของเขาหักดังกร้อบ เฉินเสียนไม่แม้แต่จะกะพริบตา

ชายที่เป็นหัวหน้าไม่คิดว่าเฉินเสียนจะมีฝีมือในการต่อสู้ติดตัว เห็นดังนั้นเขาจึงเหวี่ยงมีดฟันเธอทันที เฉินเสียนเงยหน้ามองด้วยแววตาที่นิ่งสงบและรับการจู่โจมนั้นด้วยมือเปล่า

เลือดหยดลงมาและย้อมแขนเสื้อของเธอจนเป็นสีแดง

แต่เธอเป็นเพียงแค่หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ไหนเลยจะสู้ผู้ชายที่ดาหน้ามาพร้อมๆ กันได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาเพื่อการนี้และไม่มีทางบอกที่มาของพวกเขาให้เธอรู้

ในที่สุดเฉินเสียนก็สู้ไม่ได้ ใครคนหนึ่งจู่โจมเข้ามาจากทางด้านหลัง เธอรู้สึกชาที่หลังคอจากนั้นก็หมดสติไป

คนพวกนี้ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว พวกเขาจับเฉินเสียนใส่ลงกระสอบเพื่อรีบออกไปจากที่นี่ จากนั้นก็รีบเข็นเกวียนออกไปนอกเมืองก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลงหลังพระอาทิตย์ตกดิน

ในตรอกเงียบสนิท

เลือดที่ไหลนองอยู่เต็มพื้นเห็นแล้วชวนให้รู้สึกสยอง

ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ใต้เกี้ยวก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่าง คนที่อยู่ใต้นั้นต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อผลักผนังเกี้ยวที่คว่ำลงมาออกไป

อวี้เยี่ยนคลานออกมาจากช่องว่างระหว่างผนังเกี้ยวด้วยความยากลำบาก

เหตุการณ์เหนือความคาดหมายเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นเกี้ยวล้มคว่ำลงมาอย่างแรง อวี้เยี่ยนตั้งตัวไม่ทันและถูกกระแทกทับจนหมดสติไป

ตอนนี้อวี้เยี่ยนยืนอยู่ในตรอกเล็กๆ เมื่อเหลือบไปเห็นศพของคนแบกเกี้ยวที่ถูกสังหาร ตัวของนางก็สั่นเทิ้มราวกับข้าวเปลือกที่อยู่ในตะแกรงร่อน นางจ้องมองศพที่เริ่มแข็งตัวอยู่บนพื้นด้วยดวงตาและริมฝีปากที่สั่นสะท้าน หลังจากนั้นจึงกรีดร้องด้วยความสยดสยอง

นางหวาดกลัวสุดขีดและอยากจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดระบายความหวาดกลัวออกมา

ตอนนี้ท้องฟ้าเกือบจะมืดสนิท เหลียนชิงโจวที่เฝ้ารออยู่ที่เรือนคิดว่าตอนนี้เฉินเสียนควรจะมาถึงแล้ว

แต่ผ่านมานานจนป่านนี้เธอก็ยังไม่มา เขารู้สึกไม่วางใจจึงตัดสินใจออกตามหามาตลอดเส้นทาง

เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องของอวี้เยี่ยนทันทีที่เลี้ยวเข้ามาในตรอกเล็กๆ เหลียนชิงโจวใจหายวูบ เขารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในนั้นทันที

อวี้เยี่ยนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัว ปากก็พึมพำเบาๆ ว่า “องค์หญิง… องค์หญิงอยู่ไหน”

เหลียนชิงโจวรับนางเอาไว้จากทางด้านหลังและถามอย่างดุดัน “องค์หญิงอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น!”

อวี้เยี่ยนส่ายหน้า แววตาของนางว่างเปล่า นางค้นหาหมดแล้วทั้งข้างนอกทั้งใน คลานเข้าไปหาในเกี้ยวจนทั่ว นางเอ่ยด้วยใบหน้าที่ปราศจากสีเลือดว่า “บ่าวไม่รู้… องค์หญิงอยู่ไหน… บ่าวฟื้นขึ้นมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว…”

อวี้เยี่ยนทรงตัวไม่อยู่และทรุดลงไป จากนั้นก็ลุกขึ้นมาคว้าเหลียนชิงโจวเอาไว้และเขย่าตัวเขา “องค์หญิงล่ะเจ้าคะ องค์หญิงหายไปแล้ว… บ่าวจะทำยังไงดี ตอนนี้ควรจะทำยังไงดี”

เหลียนชิงโจวส่งตัวอวี้เยี่ยนให้บริวารที่ติดตามมาด้วยและบอกว่า “พานางกลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย” พูดจบเขาก็หันหลังให้และรีบออกเดินทางไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

คนแบกเกี้ยวทั้งสี่ที่เขาส่งมาต่างมีทักษะการต่อสู้ระดับหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าทุกคนจะถูกฆ่าเช่นนี้

แล้วเฉินเสียนก็หายตัวไปโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง!

แต่ดูจากวิธีการฆ่า พวกมันต้องไม่ใช่พวกที่มีความเมตตาปรานีอย่างแน่นอน!

ตอนนี้เฉินเสียนตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมัน เหลียนชิงโจวไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร!

ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและรีบรุดหน้าไปยังอุทยานหลวงตงเฉิง ทันทีที่พ้นประตูเข้ามาเขาก็รีบตรงเข้าไปในเรือน เมื่อเจอซูเจ๋อ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขาขยับลำคอและเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านอาจารย์ องค์หญิงถูกลักพาตัว”

อวี้เยี่ยนออกมาจากที่นั่นพร้อมกับคนของเหลียนชิงโจว ระหว่างทางนางเดินอย่างไม่มั่นคงนักเพราะขาทั้งสองข้างยังคงอ่อนแรง ต่อมานางก็เกาะบริวารผู้นั้นไว้ เอ่ยเสียงสั่นว่า “ข้าทนรออยู่เฉยๆ ไม่ได้ ไม่เอาแล้ว ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น… ข้าจะไม่กลับไปกับเจ้า เจ้าต้องพาข้ากลับไปที่จวนแม่ทัพเดี๋ยวนี้!”

บริวารของเหลียนชิงโจวรู้สึกลำบากใจ “แม่นางอวี้เยี่ยนบาดเจ็บขนาดนี้ คุณชายกำชับไว้ว่าให้พาเจ้ากลับไปพัก”

“ไม่ ข้าต้องกลับไปที่จวนแม่ทัพ!” อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างหนักแน่น “องค์หญิงหายตัวไป ข้าจะไปขอให้ท่านแม่ทัพไปช่วยองค์หญิง”

บริวารผู้นั้นรั้งอวี้เยี่ยนไว้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องไปที่จวนแม่ทัพกับนาง

เฉินเสียนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอจึงพบว่าตัวเองถูกมัดไว้ในกระสอบและนอนอยู่บนเกวียนที่สั่นโคลงเคลง สายลมยามเย็นพัดมาปะทะจากทั้งสองข้างและนำพากลิ่นอายของเนินเขาเขียวขจีซึ่งอยู่นอกเมืองมาด้วย

ล้อเกวียนที่กำลังหมุนไปข้างหน้าสั่นสะเทือนจนทำให้เธอเวียนหัว

เฉินเสียนจำเป็นต้องปรับท่าทางของตัวเองใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สบายกาย

ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ตอนที่ร่างกายของเฉินเสียนจวนเจียนจะแข็งทื่อไปครึ่งหนึ่ง เสียงของล้อเกวียนก็ค่อยๆ หยุดลง

มีแสงสีเหลืองเข้มส่องผ่านรูเล็กๆ ของกระสอบป่านเข้ามา เฉินเสียนพยายามเพ่งมอง ทว่าทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็เปิดกระสอบและดึงเธอออกมาอย่างไร้ความปรานี

เวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิท มีเงาคนอยู่มากมายในชายป่ามืดทึบบริเวณเชิงเขา เมื่อแต่ละคนถือคบไฟเอาไว้ สถานที่แห่งนี้ก็สว่างไสวขึ้นมา

ทันใดนั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เอื้อมมือออกมาบีบคางของเฉินเสียนอย่างแรงและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น

แววตาของชายผู้นั้นเย็นเยียบราวกับคนที่คุ้นชินกับคลื่นลมที่รุนแรง อาศัยเลียเลือดบนคมมีดเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ เขามองดูเฉินเสียนอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่ใหญ่

เฉินเสียนสบตากับเขาตรงๆ แววตาของเธอมืดมนและนิ่งสงบ สะท้อนให้เห็นเงารางๆ ของเปลวไฟที่วูบไหว

ชายผู้นั้นยิ้มอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า “อัปลักษณ์ยิ่งกว่าอัปลักษณ์ แต่ใจคอช่างเข้มแข็ง อย่างนี้ละถึงจะถูกปากข้า! แต่ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาขึ้นเตียงจริงๆ เจ้าจะเก่งสักแค่ไหน!”

พวกที่อยู่ข้างๆ พากันหัวเราะเฮฮาอย่างต่ำช้าและถ่อยสถุล

ในที่สุดเฉินเสียนก็รู้ว่าคนพวกนี้คือโจรภูเขา! พวกมันเผา ปล้น และฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา

แต่ทำไมอยู่ๆ โจรภูเขาถึงบุกเข้าไปถึงในเมืองเพื่อทำเรื่องชั่วร้ายกันล่ะ? ชัดเจนมากว่าเป้าหมายของพวกมันคือเธอ!

เห็นได้ชัดว่ามีคนซื้อชีวิตของเธอไว้แล้ว

เฉินเสียนถามออกไปว่า “อีกฝ่ายจ่ายให้เจ้าเท่าไร”

ชายผู้นั้นถามกลับ “เจ้ารู้ได้ยังไงสิ่งที่ข้าต้องการคือเงิน”

“ข้ากับเจ้าไม่ได้มีเรื่องแค้นเคืองกัน และเจ้าก็คงไม่ใช่คนที่พอนึกครึ้มก็ลงไปปล้นจี้เรื่อยเปื่อย” เฉินเสียนกล่าว “อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จ่ายให้เงินเจ้า แต่ยังจ่ายหนักเสียด้วย เพราะถึงอย่างไรชีวิตของข้าก็ราคาแพงนัก”

ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ก็ใช่ จัดการเจ้าแค่หนึ่งคน แต่ได้เท่ากับสอง”

เฉินเสียนถามอย่างตรงไปตรงมา “งั้นข้ากับเจ้ามาทำข้อตกลงกันใหม่ดีไหม อีกฝ่ายหนึ่งให้เท่าไหร่ ข้าเพิ่มให้เป็นสองเท่า แล้วเจ้าก็ปล่อยข้าไปซะ”

เสียงหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสานดังขึ้นรอบๆ ตัว

ชายผู้นั้นตบหน้าเฉินเสียน ทันใดนั้นกลิ่นหอมหวานของคาวเลือดก็กระทบเข้ากับต่อมรับรสของเขา

เธอหายใจหอบ เส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย

ชายผู้นั้นเอ่ยว่า “ข้าต้องเสียแรงไปเท่าไหร่กว่าจะได้เจ้ามา จะบอกให้ปล่อยไปง่ายๆ น่ะรึ? จริงอยู่ข้าต้องการเงิน แต่คนข้าก็ต้องการเหมือนกัน! พวกเจ้า มาพานางผู้ขึ้นไปบนภูเขา คืนนี้จะให้นางปรนนิบัติให้ทีละคนๆ อย่างสมใจ!”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset