ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่230 เขามีเรื่องปิดบังท่าน

เฉินเสียนขมวดคิ้วเข้าหากัน เฮ่อโยวเจ้าเด็กนี่ไม่สามารถที่จะเขียนลงลายละเอียดได้แบบนี้ แม้แต่เรื่องที่ซูเจ๋อกับเธอนั่งรถม้าด้วยกัน ตอนกลางคืนนำพรมจากรถม้าออกมา ยิ่งกว่านั้นตอนที่เธอกำลังล้างเท้าก็มีปรากฏอยู่ ถูกเขาเขียนบรรยายให้ทุกคนได้รับรู้อย่างดี เรื่องที่เขียนส่วนใหญ่นั้นเป็นการเขียนกล่าวหาที่เขาดูหมิ่นไม่เคารพองค์หญิง ประพฤติตัวไม่ดี ประพฤติตัวหยาบคายและอื่นๆ

ส่วนเรื่องอื่นก็มีคืนที่เร่งการเดินทาง วิ่งจนม้าตายไปไม่กี่ตัว ทำให้ต้องทิ้งกองทหารองครักษ์ไว้ข้างหลัง ทั้งหมดนี่ถูกเฮ่อโยวกลับพูดให้กลายเป็นว่าเขาไม่เป็นห่วงใยดีผู้ใต้บังคับบัญชาแม้แต่เล็กน้อย!ไม่รักชีวิตสัตว์เลี้ยงเลยแม้แต่น้อย!ไม่มีแม้แต่ความเมตตา!

เฉินเสียนกระตุกมุมปากหันไปทางเฮ่อโยว พูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า“ซูเจ๋อทำให้เจ้าไม่สบายใจขนาดนั้นเลย?”

เฮ่อโยวพูด “ท่านอย่าพูดว่านี่เป็นความแค้นส่วนตัวนะ ข้าก็เป็นคนแบบนี้ ข้าก็พูดตามความเป็นจริง ไม่ได้ใส่ร้ายเขาแม้แต่นิดเดียว”

เฉินเสียน“แต่เจ้าใช้วิธีการพูดที่เกินจริง”

“ท่านก็คิดว่าข้าเขียนบรรยายได้ดีมากใช่หรือไม่ ” เฮ่อโยวพูดอย่างพอใจ

เฉินเสียนหยิบจดหมายของเขาฉีกให้เป็นเศษกระดาษ “ดีกับผีนะสิ องค์ประกอบการเขียนเรียงความไม่ผ่าน เขียนใหม่”

เฮ่อโยวอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ่งแล้วว่า เมื่อครู่ชิงซิ่งจะรู้สึกอย่างไร

เฉินเสียนเอาพู่กันไปจุ่มในน้ำหมึกใหม่แล้วยัดใส่มือเขา พูดด้วยเสียงต่ำอย่างเงียบว่า “เรื่องเร่งการเดินนั้นสามารถเขียนได้ เขียนแค่พอประมาณ แต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวความสัมพันธ์ของซูเจ๋อกับข้าไม่ต้องเขียน”

เฮ่อโยวพูด “เขาไม่เคารพต่อท่านนะ ทำไมถึงจะเขียนไม่ได้?”

“เจ้าเขียนตามที่ข้าบอกก็พอ ”เฉินเสียนปัดเสื้อแล้วนั่งลงไปประจำที่ข้างเขา นิ้วเคาะไปบนขอบโต๊ะ “เฮ่อโยว เจ้าจำไว้นะ ข้ากับซูเจ๋อ ไม่สามารถเขียนให้อยู่ในประโยคเดียวกันในเวลาพร้อมกันได้ เจ้าเขียนเกี่ยวกับข้าก็เขียนไป เจ้าเขียนเกี่ยวกับเขาก็เขียนไป”

เฮ่อโยวพูด “ข้าไม่ฟ้องท่าน ข้าไม่ฟ้องเขา”

“เจ้าก็ฟ้องว่าเขาเป็นคนไม่ห่วงใยกับผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่รักชีวิตสัตว์ และอื่นๆอีกมายตามที่เจ้าว่า” เฉินเสียนคุยกับเขาจริงจัง “แต่เจ้าไม่สามารถเขียนฟ้องว่าเขาอยู่ใกล้กับข้าแค่ไหน อีกอย่างสิ่งต่างๆที่เขาทำมากมายอาจจะทำให้เขาได้รับการลงโทษอย่างหนัก”

เฮ่อโยวใช้เวลานานโดยไม่ได้ตอบ จริงๆแล้วก็ไม่ใส่ใจอะไรกับซูเจ๋อ แต่เขากับเฉินเสียนอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถที่จะไม่ใส่ใจซูเจ๋อได้

เมื่อตอนที่ซูเจ๋อค่อยๆออกมาจากประตูเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น คำพูดเฉินเสียนนั้นไม่มีคำไหนที่จะไม่เล็ดลอดเข้าหูเขาได้

เฉินเสียนพยายามกดเสียงให้ต่ำลง ไม่ว่าอย่างไรพลังการได้ยินของซูเจ๋อนั้นล้ำเลิศ

เฮ่อโยวถามว่า “ทำไม?”

“ไม่มีคำว่าทำไม ข้าไม่อนุญาตให้เขียน”

เฮ่อโยวเห็นสายตาเฉินเสียนที่ยืนหยัด แล้วพูดว่า “มองแบบนี้ท่านคงเป็นห่วงเขามาก เขาก็เป็นห่วงท่านมาก แต่ถ้าปล่อยโอกาสที่จะลงโทษเขาไป ข้ารู้สึกว่ามันน่าเสียดาย”

เฉินเสียนพูดอย่างไม่แก้ตัวว่า “เจ้าอยากให้เขาโดนลงโทษ นั้นก็อาจจะทำร้ายข้าได้”

เฮ่อโยวหยุดเขียนพู่กันชั่วคราว แล้วพูดอย่างอึดอัดว่า“ได้ ข้าฟังท่าน ท่านพูดอะไรข้าก็จะเขียนแบบนั้น!”

เฉินเสียนหรี่ตาแล้วยิ้มขึ้นมา เอามือขึ้นมาเกาะที่ไหล่ของเฮ่อโยวแล้วพูดว่า“ควรค่าแก่การเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขของข้า”

ดังนั้นจดหมายฉบับนี้เฮ่อโยวเป็นผู้เขียนบท เฉินเสียนที่อยู่ข้างๆคอยชี้แนะ เฉินเสียนแนะนำให้เขา เขียนเกี่ยวกับบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวันอย่างคร่าวๆ เรื่องเล็กๆน้อยก็ให้เขาเขียนตามที่เขาอยากขยายความ ส่วนเรื่องซูเจ๋อและเฉินเสียนที่ใช้รถม้าร่วมกัน ก็ไม่ได้กล่าวถึงอะไรมาก

ช่วงสุดท้ายของจดหมาย ก็เขียนเรื่องเล็กๆน้อยๆให้ครบถ้วน

เฮ่อโยวกำลังเขียนด้วยความคิดที่กำลังพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ เฉินเสียนสะกิดไปที่ข้างๆเขาทันทีแล้วถามว่า “เมื่อตอนพลบค่ำที่เจ้าว่าซูเจ๋อยังมีเรื่องที่ยังพูดไม่จบ ตอนนี้เจ้าบอกข้ามา ว่ามันคือเรื่องอะไร?”

ซูเจ๋อพูดตั้งแต่แรกแล้วว่าเฮ่อโยวนั้นเป็นคนใสสื่อบริสุทธิ์

เมื่อได้ยินเฉินเสียนถาม ซูเจ๋อที่ยืนอยู่ราวบันไดก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่เงียบ

เฮ่อโยวจะต่อต้านการสั่นไหวของเฉินเสียนได้อย่างไร

เมื่อตอนบ่ายนั้นเฮ่อโยวพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เฉินเสียนนั้นฟังอย่างตั้งใจ จำได้อย่างขึ้นใจ

เฮ่อโยวถูกดึงดูดด้วยจดหมายที่อยู่ในมือไปแล้ว จึงพูดขึ้นว่า“มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยรึ ทำไมข้าถึงจำอะไรไม่ได้เลย?”

เฉินเสียนหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เมื่อพลบค่ำที่ซูเจ๋อพูดถึงเรื่องการไปเจรจาสันติภาพกับเย่เหลียง เจ้าพูดว่าเขายังพูดไม่จบ”

เฮ่อโยวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวังว่า “อ๋อ ท่านพูดถึงเรื่องนั้นเอง เขาพูดออกมาไม่หมด มีบางเรื่องที่เขาปิดบังท่านอยู่”

“มีเรื่องปิดบังข้า?”

“นั่นคือเงื่อนไขที่ไปเจรจาสันติกับเย่เหลียง เย่เหลียงต้องการห้าคูเมือง แต่องค์จักรพรรดิให้บัณฑิตบอกจะให้สามคูเมืองเท่านั้น จึงส่งให้เขาไปเจรจาสันติภาพกับเย่เหลียง”

สีหน้าของเฉินเสียนเปลี่ยนไป

เฮ่อโยวพูดต่อว่า “ท่านพ่อข้าก็บอกแล้วว่า เรื่องนี้เป็นงานหนัก ชีวิตของท่านแม่ทัพใหญ่ถูกแขวนไว้ที่ไหน เย่เหลียงจะให้โอกาสท่านเจรจาได้อย่างไร

ถ้าเกิดว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่สำเร็จ วันนั้นขุนนางก็จะรู้เพียงแค่ว่าบัณฑิตนั้นทำร้ายท่านแม่ทัพ ถ้ายั่วโมโหเย่เหลียงอาจจะเกิดสงครามระหว่างสองอาณาจักรได้ นั่นคือเขาก็จะกลายเป็นนักโทษของต้าฉู่

แต่ถ้าบัณฑิตลงนามในสัญญาห้าคูเมืองเพื่อสันติภาพระหว่างสองประเทศเป็นการส่วนตัว นั่นก็เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่ทรยศต่ออาณาจักรตัวเอง ความผิดร้ายแรงที่ฝ่าฝืนพระราชโองการมีโทษถึงตายได้

ดังนั้นการเจรจาสันติครั้งนี้ ไม่ว่าบัณฑิตจะเดินหน้าหรือถอนตัวออกก็จะโดนลงโทษ นอกเสียจากว่าเขาสามารถใช้สามคูเมืองมาเจรจาสันติภาพระหว่างสองอาณาจักรได้ แต่ว่าอย่างนั้นมีความเป็นไปได้นั้นน้อยมาก”

เย่เหลียงจับฉินหรูเหลียงไว้ในกำมือ นี่ก็เป็นแต้มต่อมากพอแล้ว เวลานี้นำไปสู่การสู้รบ เฮ่อโยวพูดถูก ไม่มีทางหนีทีไล่ของการเจรจาในครั้งนี้เลย!

เฉินเสียนลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เฮ่อโยวตกใจ จนจดหมายยุ่งไปหมด

เธอหันหลังกลับแล้วเห็นซูเจ๋อยืนอยู่ราวบันไดชั้นสอง ซูเจ๋อกำลังยืนมองมาที่เธอ

เธอเม้มปากแล้วพูดกับเฮ่อโยวว่า“ค่อยๆเขียน ไม่ต้องรีบ เขียนเสร็จแล้วรอให้หมึกแห้ง และเอาไปใส่ซองจดหมาย ในคืนนี้ไปหาผู้ถือสาส์นเพื่อเอาจดหมายไปส่งด้วย ”

“แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว พรุ่งเช้าส่งไม่ได้รึ”เฮ่อโยวหาวอยู่หลายรอบ

เฉินเสียนได้ขึ้นไปบนชั้นสองแล้ว พูดโดยไม่หันกลับมาว่า “ไม่ได้ ทางที่ดีเจ้ากลับเข้าห้องให้ช้าหน่อย เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่เดือดร้อน ”

เฮ่อโยวชำเลืองมองเห็นซูเจ๋อ จึงรู้ว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีนัก จึงตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อ่อ ข้าจะพยายาม”

ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เฉินเสียนกับเขาไม่ชอบบัณฑิตนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ทำอย่างไรดี เขาเองยังรู้สึกแปลกใจ

เฉินเสียนขึ้นไปบนชั้นสอง เดินผ่านซูเจ๋อไป มองไปที่ดวงตาของเขา และหันกลับเข้าไปในห้องนอนของซูเจ๋อและเฮ่อโยว แล้วพูดว่า “ท่านเข้ามานี่หน่อย”

ซูเจ๋อเดินตามเข้าไป

เฉินเสียนพูดต่อว่า “ปิดประตูด้วย”

“องค์หญิงไม่กลัวทำให้คนอื่นเข้าใจผิดหรือ?”ซูเจ๋อพูดแล้วก็เอามือไปปิดประตู

เขาถาม “องค์หญิงอยากดื่มชาหรือไม่?”

“ท่านคิดว่าข้ามีกะจิตกะใจที่จะดื่มชากับท่านงั้นรึ?”จู่ๆเธอก็ผลักซูเจ๋อเข้าไปที่มุมผนังห้อง“เมื่อครู่นี้ที่เฮ่อโยวพูดท่านได้ยินหรือไม่?”

ซูเจ๋อ “หูข้ายังดีอยู่ ได้ยินหมดแล้ว”

“อย่างนั้นไม่มีอะไรที่จะอธิบายหน่อยหรือ?เมื่อกลางวันทำไมท่านถึงไม่พูด?”เฉินเสียนหยุดครู่หนึ่ง“หรือว่าท่านตั้งใจที่จะไม่บอกข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ซูเจ๋อพยักหน้า “ใช่ตั้งใจที่จะไม่บอกท่าน แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถปิดบังท่านไว้ได้ ยังดีกว่าที่ข้าไม่ได้พูดตอนนี้ เฮ่อโยวพูดหลุดปากจึงได้บอกกับท่าน”

“ซูเจ๋อ” เฉินเสียนไม่รู้ว่าอารมณ์ที่อยู่ในอกมันคือความรู้แบบไหน “ทำไมท่านต้องมา?ไม่ว่าจะทำอย่างไรท่านก็ต้องโดนลงโทษอยู่ดี ทำไมท่านยังต้องมา?!”

เฉินเสียนพูด “ถ้าเกิดไม่มีท่าน ข้าสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ท่านมาแบบนี้เพื่อมาฆ่าตัวตาย !”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset