ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 75 คุณหนูรองเฝิงผู้สดใสร่าเริง

แม่นมร้องอุทาน
 
 
สาวใช้คนสนิทยิ่งตกใจงุนงง โต้แย้งเสียงหลง “เหนียงเหนียง ตีให้ตายบ่าวก็ไม่มีทางขายร้านค้าให้นางเจ้าค่ะ”
 
 
พระชายารองไร้สติสัมปชัญญะแล้ว ได้ฟังดังนั้นก็เตะเข้าไปกลางอกสาวใช้ “ยังกล้าเถียงข้า เมื่อครู่นังตัวดีนั่นบอกกับข้าเอง”
 
 
แม่นมมีประสบการณ์สูง ทั้งรู้จักสาวใช้ในระดับหนึ่ง ได้สติพูดขึ้นว่า “จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดกัน ชุ่ยเหลียนจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ”
 
 
ชุ่ยเหลียนโขกศีรษะเต็มแรง ร้องขอความเป็นธรรมให้ตนเอง “เหนียงเหนียง บ่าวขายให้คุณชายคนหนึ่งจริงๆ แม้แต่โฉนดร้านเขาก็เป็นคนประทับลายนิ้วมือ หากท่านไม่เชื่อ ส่งคนไปสอบถามที่ศาลาว่าการได้เจ้าค่ะ”
 
 
พระชายารองดูท่าทีนางไม่เหมือนคนโกหก สติสัมปชัญญะเริ่มกลับมา แผดเสียงยืนยันอีกครั้ง “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง”
 
 
“จริงแท้แน่นอน บ่าวจะโกหกเหนียงเหนียงได้อย่างไรเจ้าคะ” ชุ่ยเหลียนรับรอง
 
 
แม่นมก็ช่วยพูดสมทบ “ก็นั่นนะสิ นังตัวดีนั่นจะต้องใช้แผนบางอย่าง หลอกล่อให้ชายคนนั้นออกหน้าซื้อร้านแทนนาง”
 
 
เดิมพระชายารองคิดจะรอเก็บเงินกู้คืนได้หลังปีใหม่ อาศัยสถานะตนเอง บีบบังคับซื้อร้านค้าทั้งห้านั้นคืน ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ไม่เหลือความหวังแล้ว พอคิดว่าต้องมาเสียท่าให้เมิ่งเชี่ยนโยว พระชายารองรู้สึกถึงกลิ่นคาวในลำคอ กระอักพ่นเลือดออกมา โดนตัวของชุ่ยเหลียนพอดี
 
 
ชุ่ยเหลียนกรีดร้อง ตกใจเป็นลมสลบไป
 
 
พระชายารองก็หลับตาลง ร่างหงายไปด้านหลัง
 
 
แม่นมร้องอุทาน เข้าไปประคองพระชายารอง “คุณหนู!”
 
 
สาวใช้ในห้องลนลานทำตัวไม่ถูก ต่างกรูเข้ามาประคองพระชายารอง
 
 
แม่นมร้องสั่งพวกนาง “เร็ว รีบประคองเหนียงเหนียงไปที่เตียง!”
 
 
สาวใช้ล้อมกันเข้ามาประคองพระชายารองไปที่เตียง วางนางนอนลง
 
 
เรือนของพระชายารองวุ่นวายอลหม่าน เรือนของพระชายาเอกกลับมีแต่เสียงหัวเราะสรวลเส
 
 
พระชายาเอกยิ้มสั่งหลิงหลง “ไปบอกพ่อครัวทำอาหารอร่อยๆ วันนี้โยวเอ๋อร์จะกินข้าวที่นี่ อีกอย่างประเดี๋ยวพอท่านอ๋องกลับมา บอกเขาว่าวันนี้ข้ามีแขกสำคัญ ให้เขาไปกินอาหารที่เรือนพระชายารอง”
 
 
หลิงหลงรับคำ เดินออกไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพระชายาเอกมีความสุข จึงไม่ปฏิเสธ เพียงชำเลืองตามองหวงฝู่อี้เซวียนแวบหนึ่ง
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนตัวสั่นวาบ รู้สึกเจ็บแปลบที่แผลบนตัวอีกครั้ง
 
 
เรือนของพระชายาเอกนานๆ ถึงจะมีแขก อีกทั้งไม่แน่ว่าในอนาคตสตรีนางนี้จะได้เป็นพระชายาซื่อจื่อด้วย แม่ครัวทำอาหารที่ตนเองถนัดออกมาหลายอย่าง
 
 
พระชายาเอกให้หลิงหลงจัดวางอาหารบนโต๊ะในห้อง ทั้งสามล้างมือเสร็จเพิ่งจะนั่งลง เสียงสาวใช้ด้านนอกก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง!”
 
 
พระชายาเอกตกใจลุกขึ้นยืน เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนก็ลุกขึ้นตาม
 
 
อ๋องฉีเข้ามาในห้อง เห็นอาหารถูกจัดวางไว้ในห้อง กะพริบตาปริบๆ
 
 
“ท่านอ๋องมาได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันให้คนไปเรียนแล้วว่าวันนี้มีแขก ให้ท่านไปที่เรือนของน้องสาว” พระชายาเอกตกใจถาม
 
 
อ๋องฉีกระแอมพูดว่า “วันนี้เหลียนอีไม่ค่อยสบาย ข้าอยู่แล้วเบื่อ จึงมาที่นี่”
 
 
พระชายาเอกพ่นหัวเราะในใจ น้ำเสียงกลับยิ่งตื่นตกใจ “น้องสาวไม่สบาย วันนี้ตอนที่ตรวจบัญชียังดีๆ อยู่ เหตุใดถึงไม่สบายเสียแล้ว หรือนางเสียใจ ก็เลยผลักไสท่านออกมา”
 
 
“เห็นว่าเมื่อคืนนอนไม่พอ วิงเวียนศีรษะ กลัวจะจับไข้แล้วเอาโรคมาติดข้า จึงไม่ให้ข้าอยู่กินข้าวด้วย”
 
 
พระชายาเอกพยักหน้า “ตอนบ่ายพอตรวจบัญชีเสร็จ น้องสาวก็กล่าวเช่นนี้ ข้านึกว่าพอนางมอบอำนาจคืนจะทำใจไม่ได้ พูดจาบอกปัด ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ข้าจะสั่งคนไปตามหมอเดี๋ยวนี้เพคะ”
 
 
“ไม่ต้องแล้ว นางบอกว่าพักสักหน่อยก็ดีเอง”
 
 
“เช่นนั้นท่านอ๋อง…” พระชายาเอกแสร้งถาม
 
 
“ข้ามากินข้าวกับพวกเจ้าด้วย” อ๋องฉีรีบพูด
 
 
พระชายาเอกเห็นท่าทีกระวนกระวายของเขา นึกขำในใจ สั่งหลิงหลง “ไปเตรียมถ้วยตะเกียบมาให้ท่านอ๋อง!”
 
 
อ๋องฉีรีบเข้าไปนั่งในตำแหน่งประธาน บอกทั้งสามคนว่า “นั่งลงเถอะ”
 
 
ทั้งสามนั่งประจำที่
 
 
หลิงหลงหยิบถ้วยตะเกียบเข้ามาวางตรงหน้าอ๋องฉีอย่างอ่อนน้อม
 
 
อ๋องฉียังไม่ทันหยิบตะเกียบขึ้นมา เสียงของหวงฝู่อวี้ก็ดังขึ้นจากลานด้านนอก “พี่ใหญ่อยู่เรือนพระมารดาหรือไม่ขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนตอบอย่างแหนงหน่าย “อยู่ เข้ามาเถอะ!”
 
 
สาวใช้เปิดม่าน หวงฝู่อวี้เดินเข้ามา เห็นอ๋องฉีก็อยู่ด้วย ชะงักเล็กน้อย จากนั้นพูดอย่างน้อยใจ “พระบิดา พระมารดา วันนี้ท่านแม่ไม่ได้ทำกับข้าวให้ข้า” ว่าแล้ว ก็มองอาหารบนโต๊ะตาปริบๆ
 
 
พระชายาเอกทั้งโมโหทั้งขำ ส่ายหน้า ชี้ที่นั่งข้างหวงฝู่อี้เซวียน “นั่งลงกินด้วยกันเถอะ!”
 
 
“ขอบคุณพระมารดา!” หวงฝู่อวี้กล่าวขอบคุณอย่างชื่นบาน สาวเท้าเดินมาข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน ทำหน้าแป้นร้องเรียกประจบ “พี่ใหญ่ แม่นางเมิ่ง”
 
 
“อือ” หวงฝู่อี้เซวียนรับคำ เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพยักหน้า
 
 
“ไปบอกแม่ครัว ให้เพิ่มอาหารที่ท่านอ๋องและอวี้เอ๋อร์ชอบมาอีกสองอย่าง” พระชายาเอกพูด
 
 
“ขอบพระทัยพระมารดา” หวงฝู่อวี้ทำหน้าประจบประแจงพระชายาเอก
 
 
หลิงหลงรับคำ เดินมาสั่งในครัว แล้วหยิบถ้วยตะเกียบอีกหนึ่งชุดเข้ามา วางลงเบื้องหน้าหวงฝู่อวี้
 
 
อ๋องฉีหยิบตะเกียบก่อน คีบอาหารใส่ถ้วยตัวเอง
 
 
พระชายาเอกและคนอื่นๆ ถึงหยิบตะเกียบเริ่มลงมือกินข้าว
 
 
แม่ครัวได้รับคำบอกจากหลิงหลง ก็ให้ตกอกตกใจ ลอบคิดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น นายท่านต่างมารวมตัวกันกินข้าวที่เรือนของเหนียงเหนียง หากย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในใจคิดแต่มือกลับไม่รอช้า ทำอาหารถนัดอีกสองอย่างออกมาโดยไว
 
 
ปกติจะทานอาหารในห้องครัว ไม่เพียงมีพระชายาเอกและหวงฝู่อี้เซวียน พระชายารองและหวงฝู่อวี้ก็อยู่ด้วย ทุกคนต่างกินไม่พูด นอนไม่คุย กินข้าวอย่างเป็นระเบียบเสร็จก็กลับห้องตัวเอง วันนี้ไม่เหมือนกัน ขาดพระชายารองไปหนึ่งคน แม้แต่อ๋องฉีก็รู้สึกว่าบรรยากาศในการกินอาหารดีขึ้นมาก รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาด ทำให้เจริญอาหารทานได้มากขึ้น
 
 
เจ้าเด็กทึ่มอย่างหวงฝู่อวี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดิมทีก็เป็นคนคิดอะไรไม่เป็น ตอนนี้ไม่มีพระชายารองคอยส่งสายตาให้ จึงไม่รู้สึกเกร็งกินได้อย่างสบาย ดังนั้นบทสรุปของอาหารมื้อนี้คือ อ๋องฉีและเจ้าทึ่มหวงฝู่อวี้กินจนพุงกาง พระชายาเอกที่เดิมกินได้น้อย ก็กินพอประมาณ ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับกินอิ่มเพียงครึ่งท้อง
 
 
พระชายาเอกโมโหมองค้อนใส่สองพ่อลูกหลายครั้ง
 
 
อ๋องฉีรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยานาง ถึงรู้ว่าตัวเองกินเยอะกินไปแล้ว ใบหน้าแดงเรื่อ
 
 
เจ้าทึ่มหวงฝู่อวี้กลับครึ้มอกครึ้มใจไม่รับรู้อะไรเลย ยังลูบพุงของตัวเองพูดว่า “อิ่มจัง ข้ากินจนพุงกางเลย”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนรู้ปริมาณการกินของเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นนางกินไปเล็กน้อย รู้ว่านางยังไม่อิ่ม กำลังปวดใจ ครั้นได้ยินคำพูดหวงฝู่อวี้ จึงถามเสียงเ**้ยม “อยากให้ข้าช่วยเจ้าย่อยหรือไม่”
 
 
หวงฝู่อวี้ตกใจผวาในน้ำเสียงเ**้ยมของเขา รีบเบิกตาโต พูดอย่างสั่นผวา “พี่ใหญ่ วันนี้ข้าไม่ได้หาเรื่องแม่นางเมิ่ง เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนี้กับข้า”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนขบฟันกรอดๆ
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ เตือนเขา “พอแล้ว เขายังเป็นเด็ก ไยต้องถือสาเขาด้วย”
 
 
หวงฝู่อวี้รีบพูดต่อ “ใช่ๆ พี่ใหญ่ ข้ายังเด็ก ท่านจะเอาแต่ถือสาข้าไม่ได้”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเค้นเสียงพูดลอดไรฟัน “เจ้าอายุสิบห้าแล้ว ยังเป็นเด็ก”
 
 
เห็นอ๋องฉีและพระชายาเอกต่างยิ้มตาหยี ไม่ชักสีหน้าตึงเหมือนก่อน หวงฝู่อวี้จึงมีความกล้า พูดจายอกย้อน “อย่างไรข้าก็เด็กกว่าท่าน ไม่ว่ายังไงข้าก็คือน้อง ท่านจะเอาแต่รังแกข้าไม่ได้”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนแค่นหัวเราะ หันไปพูดกับอ๋องฉี “พระบิดา อวี้เอ๋อร์อายุสิบห้าปีแล้ว ท่านสมควรกำหนดงานแต่งงานให้เขาแล้วหรือไม่”
 
 
“พี่ใหญ่!” หวงฝู่อวี้ร้องโวยวาย “ข้าเป็นน้องชายท่าน ท่านจะผลักข้าลงเหวไม่ได้ ผู้หญิงน่ากลัวจะตาย ข้าไม่ต้องการ!”
 
 
ภายในบ้านไม่เคยมีบรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้มาก่อน อ๋องฉีที่ชอบอกชอบใจ ก็รับลูกเล่นด้วย พูดเห็นดีเห็นงามอย่างขึงขัง “ดี วันพรุ่งให้พระมารดาเจ้าไปส่งเทียบเชิญให้บรรดาฮูหยิน ให้พวกนางพาบุตรสาวที่วัยไล่เลี่ยกันเขามาดูหน้าดูตาก่อน”
 
 
อ๋องฉีไม่เคยพูดเล่นมาก่อน หวงฝู่อวี้นึกว่าเป็นเรื่องจริง ตกใจร้องลั่น “พระบิดา พี่ใหญ่พูดเล่น ท่านอย่าคิดเป็นจริงเด็ดขาด” ว่าแล้ว รีบหันไปพูดกับพระชายาเอก “พระมารดา ท่านเพิ่งจะแข็งแรงดี หากต้องมาเหน็ดเหนื่อยเพราะคัดเลือกภรรยาให้ข้า คงไม่เป็นการดี ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ฟื้นฟูสุขภาพให้มากๆ ดีกว่าขอรับ”
 
 
เห็นเขาร้อนรนจนเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากแล้ว พระชายาเอกกลั้นไม่อยู่หัวเราะออกมา หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะตามไปด้วย
 
 
อ๋องฉีก็ยกยอมุมปาก
 
 
หวงฝู่อวี้ถึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอก แต่ก็ไม่โกรธ ถอนใจโล่งอก ตบหน้าอกตัวเองพูดว่า “ตกใจแทบแย่ ข้านึกว่าพระบิดาจะเลือกภรรยาให้ข้าจริงๆ แล้ว”
 
 
คนทั้งหมดหัวเราะครื้นเครง
 
 
สาวใช้และบ่าวด้านนอกได้ยินเสียงหัวเราะในห้อง ต่างข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า ได้เห็นแต่แววตาประหลาดใจในสายตากันและกัน
 
 
พอกินอาหารค่ำเสร็จ ฟ้าก็มืดมากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวลาอ๋องฉีและพระชายาเอก “วันนี้ตอนอี้เอ๋อร์เข้าไปไม่ได้บอกให้ชัดเจน ข้าก็รีบตามเขาเข้ามา มืดค่ำเช่นนี้ข้ายังไม่กลับไป คาดว่าพี่รองจะต้องกำลังว้าวุ่นใจ ข้าสมควรกลับแล้ว เลี่ยงไม่ให้เขาเป็นห่วง”
 
 
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ พระชายาเอกจึงไม่รั้งไว้ พูดว่า “ให้เซวียนเอ๋อร์ไปส่งเจ้า เดินทางระวังด้วย”
 
 
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “วันนี้เขาเองก็ไม่ค่อยสบาย ให้อยู่พักที่จวนเถิด ข้ากลับไปกับจูหลีก็ได้แล้ว”
 
 
พระชายาเอกถามด้วยความเป็นห่วงพลัน “เซวียนเอ๋อร์ เจ้าไม่สบายตรงไหน จะให้ตามหมอหรือไม่”
 
 
อ๋องฉีและหวงฝู่อวี้ก็มองไปที่เขา
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนหน้าแดงเรื่อ พูดโป้ปด “ตอนบ่ายกลับไปที่ห้อง เผลอไปเดินชนโต๊ะเข้า ไม่ได้เป็นอะไรมาก พระมารดาไม่ต้องเป็นห่วง”
 
 
พระชายาเอกชะงักอึ้ง แล้วคิดบางอย่างได้ ใบหน้ามีแววดีใจลางๆ ยิ้มพูดว่า “เจ้าลูกคนนี้ เพิ่งอายุแค่นี้ ต่อไปห้ามใจร้อนเช่นนี้อีก”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนรู้ว่านางคิดไปอีกอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เข้าใจความหมายของพระชายาเอก เหยียบเท้าหวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างไม่มีใครจับได้
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเจ็บเกือบจะร้องออกมา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”
 
 
พระชายาเอกพยักหน้า
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเดินกะเผลกตามหลังนางไป
 
 
พระชายาเอกสงสัย บ่นพึมพำ “เซวียนเอ๋อร์เป็นอะไรไป”
 
 
“คงจะนั่งนานเกินไป ขาก็เลยชา” อ๋องฉีกล่าว
 
 
“ไม่ใช่สักหน่อย” เจ้าทึ่มหวงฝู่อวี้หาได้เบาเสียงไม่ แผดเสียงพูดว่า “เมื่อครู่พี่ใหญ่ถูกแม่นางเมิ่งเหยียบเท้า ข้าเห็นกับตา”
 
 
อ๋องฉีและพระชายาเอกมองตากันปริบๆ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนที่เพิ่งจะเดินมาถึงลานเรือนชะงักฝีเท้า โกรธจนแทบอยากจะเอาถุงเท้าเน่าอุดปากหวงฝู่อวี้
 
 
สาวใช้และบ่าวทั่วลานเรือนต่างก้มหน้าก้มตา แต่หากมองดีๆ จะเห็นบ่ากระตุกไหว
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจปฏิกิริยาพวกเขา มุ่งหน้าเดินออกไปจากจวน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนตามนางไป พูดปะเหลาะเอาใจ “โยวเอ๋อร์ ข้าไปส่งเจ้านะ!”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มอ่อน “หากเจ้าไม่อยากโดนพี่รองอัดอีกรอบ ก็ไปส่งข้าเถอะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่มีความกล้านั้น ถอยหลังก้าวหนึ่งทันที “งั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย อีกสองวันข้าค่อยเข้าไปหาเจ้า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัวขึ้นหลังม้า ขี่ม้ากลับไปพร้อมจูหลี
 
 
เมิ่งฉีเป็นกังวลมาโดยตลอด แม้แต่อาหารค่ำก็กินไม่ลง พอได้ยินบ่าวรายงานว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้ว ก็รีบมายังเรือนของนาง ถามขึ้นกลางลานเรือนทันที “น้องสาว เกิดอะไรขึ้นกับอี้เซวียน เหตุใดเพิ่งกลับมาป่านนี้”
 
 
“พี่รอง” เมิ่งเชี่ยนโยวก็เพิ่งจะกลับเข้าห้อง ได้ยินเสียงเขาก็ตอบกลับไปว่า “พี่รอง ท่านเข้ามาเถอะ”
 
 
เมิ่งฉีเดินเข้าไป เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่หวงฝู่อี้เซวียนหลอกให้ตัวเองไปช่วยตรวจบัญชีกับเขา
 
 
ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้ เมิ่งฉีวางใจลง ทั้งพูดสนับสนุน “เช่นนี้ก็ดี พระชายาเอกร่างกายไม่แข็งแรง พอเจ้าแต่งงานเข้าไป เจ้าก็ต้องเป็นคนดูแลต่อ รีบรับมาตอนนี้ ต่อไปจะได้ไม่เหนื่อยมาก”
 
 
“พี่รอง” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เหตุใดท่านถึงพูดเหมือนพระชายาเอกเช่นนี้”
 
 
เมิ่งฉียิ้มพูดว่า “เจ้าช่างโชคดีนัก พระชายาเอกไม่เคยคิดจะควบคุมดูแลบ้าน หากเป็นสกุลใหญ่บ้านอื่นไม่มีทางเป็นเช่นนี้ ทุกคนมีแต่จะแย่งกันเพื่อครอบครองอำนาจมาไว้ในมือตัวเอง บางทีถึงขั้นแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พระชายาเอกปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้ พี่รองก็วางใจแล้ว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยังบอกเรื่องที่จงใจพูดว่าซื้อร้านค้าเหล่านั้นไว้ให้พระชายารองรู้ รวมถึงเรื่องที่พระชายารองโมโหจนป่วยให้เมิ่งฉีฟัง
 
 
เมิ่งฉีฟังจบ หัวเราะส่ายหน้า “เจ้านะ จะต้องยั่วโมโหนางให้ได้ ระวังนางจะแก้แค้นคืน”
 
 
“ที่ข้าต้องการก็คือให้นางโต้กลับ หากนางไม่โต้ตอบ พวกเราจะหาโอกาสขจัดนางได้อย่างไร” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
 
 
สองพี่น้องคุยกันอีกพักใหญ่ เมิ่งฉีจึงกลับมาพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
 
 
วันถัดมาหลังกินอาหารเช้า ขบวนรถม้าของครอบครัวก็ยังมาไม่ถึง ฮูหยินเหวินซื่อและสาวงามนางหนึ่งกลับมาถึงก่อน
 
 
พวกเขาได้พบหน้ากัน ฮูหยินเหวินซื่อรีบดึงมือเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาพูดอย่างชื่นมื่น “เมื่อวานท่านพี่กลับไปบอก ข้าดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้พอกินข้าวเสร็จก็รีบมาแต่เช้า หากมีอะไรไม่เหมาะสม ขอน้องสาวอภัยด้วย”
 
 
“อาซ้อ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ที่นี่ก็เหมือนบ้านของท่าน ท่านเข้ามาได้ทุกเมื่อ จะมีสิ่งใดไม่เหมาะสมกันเล่า”
 
 
“ท่านก็คือแม่นางเมิ่ง” สตรีข้างกายฮูหยินเหวินซื่อยื่นหน้าถามอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้า
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมองนาง เป็นหญิงอายุราวสิบห้าสิบหกปี ดวงตากลมโต คิ้วโก่งได้รูป รอบกายมีกลิ่นอายสดใสร่าเริง
 
 
ฮูหยินเหวินซื่อยิ้มแนะนำ “นางเป็นน้องสาวข้าจิ้งซู เจ้าบอกไม่ให้ข้าพาสาวใช้มาด้วย ข้าจึงกลับไปบ้านแม่รับนางมาอยู่ด้วย วันนี้ก็บอกคนที่บ้านว่าพานางออกมาเที่ยว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าให้เฝิงจิ้งซู
 
 
เฝิงจิ้งซูเข้าไปคล้องแขนอีกข้างของนางอย่างสนิทสนม “ข้าได้ยินพี่เขยพูดถึงท่าน ว่าท่านเคยช่วยชีวิตเขา ข้ายังนึกว่าท่านเป็นหญิงแกร่งดุดันซักแค่ไหน ที่แท้ท่านก็เป็นสตรีที่พริ้มเพรายิ่งกว่าข้าเสียอีก”
 
 
ฮูหยินเหวินซื่อเริ่มรู้สึกไม่ดี พูดว่า “น้องสาวข้ามีนิสัยร่าเริงเปิดเผย เข้ากับคนง่าย โยวเอ๋อร์อย่าได้ถือสา”
 
 
“คุณหนูเฝิงปากตรงกับใจ นิสัยโผงผาง ข้าชอบผู้หญิงเช่นนี้ที่สุด” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
 
 
“งั้นหรือ” เฝิงจิ้งซูร้องยินดี “ข้าก็รู้สึกว่าพวกเราถูกคอกัน ต่อไปพวกเราก็คือเพื่อนรักกัน”
 
 
“จิ้งซู!” ฮูหยินเหวินซื่อเอ็ดนาง “อย่าทำอะไรไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่”
 
 
“ได้สิ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ต่อไปพวกเราก็คือเพื่อนรักกัน”
 
 
“จริงนะ” เฝิงจิ้งซูดีใจเบิกบาน
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
 
 
เฝิงจิ้งซูยิ้มหน้าบาน ปรากฏลักยิ้มบุ๋มที่สองข้างแก้ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้นางยิ่งขึ้น
 
 
ฮูหยินเหวินซื่อไม่คิดว่าทั้งสองจะถูกคอกันเช่นนี้ ให้ปลาบปลื้มยินดีไปด้วย
 
 
แม้เมิ่งฉีจะไม่เคยเจอเหวินซื่อ แต่ได้ยินเรื่องเขามานาน พอได้ยินว่าเหวินซื่อและฮูหยินจะมา จึงออกมาต้อนรับด้วย
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พี่รอง ข้าจะไปรักษาให้อาซ้อ บุรุษไม่ควรดู ท่านพานายท่านเหวินไปนั่งรอที่ห้องรับแขกเถอะ”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset