ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 86 สลบไสลไม่ได้สติ

ชายคนหนึ่งร้องลั่น “แม่นาง รองแม่ทัพเปาสลบไปแล้วขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ ตอนที่หันไปมองเปาอีฝาน ดวงตาเขาปิดสนิท ผ้าขนหนูในปากหลุดร่วงออกมาแล้ว นางโมโหกัดฟันก่นด่า “เศษสวะไม่ได้เรื่อง เป็นถึงชายอกสามศอก ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ยังทนไม่ได้ สู้ตายไปเสียยังดีกว่า”
 
 
คนทั้งหมดเงยหน้ามองนางอย่างตกตะลึง
 
 
ปากพูดเช่นนั้น กลับยื่นมือไปหยิกตัวเปาอีฝาน เค้นเสียงด่าทอ “หากเจ้าไม่ฟื้นขึ้นมา ไม่ต้องถึงครึ่งปี ข้าจะให้พี่ฮุ่ยเอ๋อร์แต่งงานใหม่พรุ่งนี้เลย เจ้าเชื่อหรือไม่”
 
 
เปาอีฝานไร้การตอบสนอง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงมือกลับ หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ย “ท่านหาวิธีทำให้เขาฟื้นทีเถอะ”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินขึ้นหน้า หยิกแล้วบิดตัวเปาอีฝานเต็มแรงเหมือนที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำ
 
 
เปาอีฝานยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน พูดว่า “ไปตักน้ำมาราดเขา”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยและคนทั้งหมดตะลึงค้าง
 
 
“ยังจะนิ่งอึ้งทำไม หากไม่ทำให้เขาตื่น ต่อไปเขาไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก” เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนรนพูด
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินไปที่ประตู สั่งการคนข้างนอก ให้รีบยกน้ำหนึ่งกะละมังเข้ามา
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยรับมา เดินมาข้างเตียง กัดฟัน กำลังจะสาดน้ำเย็นไปที่ตัวเปาอีฝาน
 
 
เปาอีฝานกลับแค่นเสียงหึแผ่วเบา สะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา
 
 
ทุกคนต่างยินดี
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยวางกะละมังน้ำลงทันที
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเอาผ้าขนหนูยัดใส่ปากเขาอีกครั้ง พูดว่า “กัดไว้ให้ดี ถ้าสลบไปอีกจะสาดด้วยน้ำเย็น”
 
 
แม้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่สติของเปาอีฝานก็ยังเลือนราง ได้ยินดังนั้น ร้องอือออ กัดผ้าขนหนูอย่างแหนงหน่าย ไม่มีใครฟังออกว่าเขาพูดอะไร
 
 
เนื้อถูกเฉือนออกไปต่อ ในตอนนี้เลือดสีดำไม่น้อยไหลออกมาจากส่วนเนื้อตาย ทั้งเตียงเปียกชื้นเป็นวงกว้าง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจสอบอย่างละเอียด เลิกผ้านวมออก เผยให้เห็นร่างของเปาอีฝาน นางไม่สนสถานะชายหญิงแล้ว ฉีกเสื้อผ้าบนตัวเขาออก ใช้สองมือรีดจุดดำคล้ำบนต้นขาที่เริ่มจะลามขึ้นไปด้านบนลงมา
 
 
เลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลไม่ขาดสาย
 
 
คนในห้องรวมถึงฉู่เหวินเจี๋ยต่างสูดลมหายใจเข้าปาก เปาอีฝานปวดจนเส้นเลือดใบหน้าปูดโปน ผงกศีรษะขึ้นร้องอื้อๆ
 
 
ชายกำยำกดเขาไว้แน่น
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา ทำแบบเดิมซ้ำๆ ไม่หยุด กระทั่งปากแผลมีเลือดสีแดงสดซึมออกมา มากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีสีดำแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเลิกทำ เปิดขวดทั้งหมดออก เทพรวดเดียวใส่ปากแผล
 
 
เลือดค่อยๆ หยุดไหล
 
 
“มีผ้าพันแผลหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
 
 
คนผู้หนึ่งส่งเสียงรับ “มี ข้าจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ขอรับ”
 
 
ว่าแล้วก็ปล่อยตัวเปาอีฝาน วิ่งออกไปทันที ไม่นานก็นำผ้าพันแผลเข้ามา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา กางออก บรรจงพันไปที่บาดแผลเขา ถึงพ่นลมหายใจออกมา พูดกับเปาอีฝานว่า “เสร็จแล้ว เจ้าสลบไปได้แล้ว”
 
 
เปาอีฝานที่ฝืนทนด้วยลมหายใจสุดท้าย ได้ยินดังนั้น ก็คอพับสลบไปทันที
 
 
คนทั้งหมดข้ามองเจ้า เจ้ามองข้ากันเลิ่กลั่ก แล้วทำหน้างงงวยมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
 
 
“ขอบคุณทุกท่านมาก พวกท่านไปได้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
 
 
คนทั้งหมดปล่อยตัวเปาอีฝาน ในตอนนี้ถึงรู้สึกถึงความชื้นที่แผ่นหลัง
 
 
“นอกจากผ้าพันแผลและยาห้ามเลือด พวกท่านได้นำสิ่งอื่นมาด้วยหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
 
 
หนึ่งคนในนั้นตอบ “ยังมียาลดไข้ เอาไว้ต้มให้ท่านรองแม่ทัพกินเวลามีไข้ขอรับ”
 
 
“เอามาให้ข้าดู” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
 
 
คนผู้นั้นรีบเดินออกไป ไม่นานก็หิ้วยาหลายห่อเข้ามา วางยาลงบนโต๊ะ
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดหนึ่งห่อในนั้นออก ตรวจดูเสร็จตะโกนออกไปด้านนอก “ใครอยู่ข้างนอก”
 
 
พ่อบ้านรับคำเดินเข้ามา “แม่นาง”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบห่อยาให้เขา “รีบนำไปต้มมาให้นายน้อยท่านดื่ม” ทั้งพูดอีกว่า “นายท่านของท่านอยู่ในลานเรือนหรือไม่ เชิญเขาเข้ามาหน่อยเถอะ”
 
 
พ่อบ้านขานรับ หิ้วห่อยาเดินออกไป
 
 
เปาชิงเหอว้าวุ่นใจผุดลุกผุดนั่งโดยตลอด ได้ยินเสียงเอะอะภายในห้อง ตอนที่เปาอีฝานสลบไปครั้งแรก หัวใจดิ่งวูบไปก้นเหวแล้ว ดูทรุดโทรมชราภาพไปหลายปี ครั้นได้ยินเสียงเอะอะในห้องอีกครั้ง จึงเริ่มมีความหวัง ฝืนกลั้นไม่ให้ตนเองบุกเข้าไป ตอนนี้ได้ยินที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูด เขาก้าวฉับๆ เข้ามา รบเร้าถามทันที “ฝานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
 
 
“รีดเลือดพิษออกไปจนหมด ทั้งขับพิษออกไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้เขาเสียเลือดมาก ทำให้สลบไป หากเขาฟื้นขึ้นมาภายในสิบสองชั่วยาม ก็จะพ้นขีดอันตรายเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
 
 
เปาชิงเหอได้ฟังใบหน้าปีติยินดี ถามขึ้นพลัน “ต้องการให้ข้าช่วยอะไร”
 
 
“ที่นี่มีโสมคนร้อยปีหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
 
 
เดิมเปาชิงเหอเป็นเพียงนายอำเภอชิงเหอเล็กๆ ได้รับการฝากฝังจากฉู่เหวินเจี๋ยให้ไปช่วยตามหาคน ย่อมไม่ทุจริตโกงกินเหมือนข้าราชการคนอื่น ภายหลังถูกย้ายมาอยู่เมืองหลวง ปกครองเมืองที่ยากแค้นทางเหนือ ยิ่งไม่มีผลประโยชน์ให้หากำไร เงินเดือนที่ได้นอกจากพอให้กินอิ่มอยู่สบาย ก็เหลือพอให้เก็บเพียงเล็กน้อย ไหนเลยจะมีโสมคนร้อยปีได้
 
 
เห็นเขาไม่พูด เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรู้ว่าเขาไม่มี หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ย “ที่ร้านยาเต๋อเหรินน่าจะมี แต่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ คาดว่าพนักงานน่าจะไม่กล้าขายให้พวกเรา รบกวนท่านไปบ้านเหวินซื่อด้วยตนเอง ให้เขานำส่งมาให้พวกเราด้วยเถิด”
 
 
เดิมฉู่เหวินเจี๋ยควรจะกลับเมืองหลวงมาพร้อมกองทัพ แต่เพราะเปาอีฝานได้รับบาดเจ็บ เขาจึงปลอมตัวแอบกลับมาพร้อมคนสนิทไม่กี่คน เพื่อพาเปาอีฝานส่งกลับมา หากเขาไปบ้านเหวินซื่อ มีผู้ไม่ประสงค์ดีรู้เข้า นำความไปกราบทูลฮ่องเต้ เขาจะมีความผิดละทิ้งกองทัพ ทั้งอาจจะถูกฮ่องเต้ตำหนิโทษ สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว หนึ่งคนในนั้นลนลานพูดทันที “ไม่ได้เด็ดขาด ท่านแม่ทัพกลับเมืองหลวงโดยพลการจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ ถึงนึกได้ พยักหน้า แหวกม่านเดินออกมา พูดกับเมิ่งฉีและกัวเฟย “พี่รอง ท่านกลับไปที่จวน ในห้องข้ามีโสมคนร้อยปีหลายต้นที่นายท่านฮั้วมอบให้มา ท่านรีบไปนำมา กัวเฟย เจ้าตามคุณชายรองกลับไปด้วย”
 
 
ทั้งสองรับคำ หันหลังจากไป
 
 
เปาชิงเหอเดินออกมา ร้องเรียกพวกเขา ปลดป้ายข้างกายแผ่นหนึ่งออกมอบให้เมิ่งฉี “พวกเจ้าควบม้าในยามวิกาล หากพบกกับทหารยามจะยุ่งยาก นี่เป็นป้ายคำสั่งข้า หากพบพวกเขา ให้บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนให้พวกเจ้าไปทำ พวกเขาจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”
 
 
เมิ่งฉีรับมา ก้าวฉับๆ ออกไปพร้อมกัวเฟย
 
 
สั่งการเรื่องเสร็จ ก็เหลือแค่รอแล้ว
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับเข้าไปในห้อง นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
 
 
เปาชิงเหอก็เดินตามเข้ามา
 
 
ชายกำยำเห็นว่าไม่มีเรื่องของตนเองแล้ว จึงถอยออกไปอย่างรู้ความ
 
 
ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาชิงเหอสามคน
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยก็เดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ
 
 
เปาชิงเหอยังคงห่วงกังวล เดินมาดูเปาอีฝานข้างเตียง เห็นเขาดวงตาปิดสนิท สีหน้าซีดเผือด หากไม่เพราะหน้าอกยังสั่นกระเพื่อม ช่างไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว ส่วนท่อนล่างเขา เลือดสีดำซึมกระจายไปเกือบจะทั้งเตียง แม้แต่พื้นด้านล่างก็มีเลือดเจิงนองอยู่
 
 
เปาชิงเหอเจ็บปวดใจยิ่งนัก ยื่นมือออกไปลูบคลำใบหน้าเปาอีฝาน พูดงึมงำ “ฝานเอ๋อร์ เจ้าต้องทนให้ได้ พ่อไม่อยากเป็นคนผมหงอกส่งคนผมดำจากไป”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเช่นนั้น หัวใจเจ็บแปลบ แต่นางก็รับประกันอะไรไม่ได้ นางถ่ายเลือดเปาอีฝานออกมาจำนวนมาก ทั้งที่นี่ก็ไม่มีความพร้อมในการให้เลือด ต้องอาศัยจิตมุ่งมั่นฝืนทนของเปาอีฝานเอง หากเขาไร้แรงกำลังนี้ ก็จะสิ้นลมหายใจลาจากไป
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยนั่งอีกด้านไม่พูดไม่จา
 
 
เลือดบนเตียงและบนพื้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก เปาชิงเหอหันไปถาม “แม่นางเมิ่ง ให้คนมาเปลี่ยนผ้ารองนอนของฝานเอ๋อร์ได้หรือไม่”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าเพิ่งจะห้ามเลือดบนบาดแผลคุณชายเปาไป หากขยับร่างเขา บาดแผลฉีกขาด เลือดไหลอีกครั้งจะลำบาก”
 
 
เปาชิงเหอพยักหน้าเข้าใจ ยกม้านั่งมาวางข้างเตียง นั่งลงจับมือเปาอีฝานไว้แน่น ส่งมอบพลังให้เขาเงียบๆ
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปถาม “แม่ทัพฉู่ ได้ยินว่ายุติความรุนแรงแถบชายแดน ให้กองทัพกลับเข้าเมืองหลวงได้แล้ว เหตุใดคุณชายเปายังได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยมีสีหน้ากลัดกลุ้มพูดไม่ออก “มีไส้ศึกลอบเข้ามาในกองทัพ ฉวยโอกาสลงมือทำร้ายข้า รองแม่ทัพเปาเขามารับดาบแทน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
 
 
เมิ่งฉีและกัวเฟยดำเนินการว่องไว ไปกลับใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
 
 
เมิ่งฉีที่ยังหายใจหอบนำกล่องหลายใบมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าเอาโสมคนทั้งหมดมาแล้ว เจ้าดูเองว่าเป็นต้นไหน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมีความสามารถเห็นแล้วไม่ลืม ตอนที่นายท่านฮั้วให้สมุนไพรมา นางเพียงพลิกภายในกล่องดูก็จำได้ทั้งหมด สุ่มหยิบขึ้นมาหนึ่งกล่องโดยไม่ต้องคิด เปิดออกก็เห็นโสมคนต้นที่ดีที่สุด รีบไปพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา ท่านสั่งคนให้นำโสมนี้ไปตุ๋น แล้วนำมาป้อนให้คุณชายเปา”
 
 
เปาชิงเหอพยักหน้า ร้องตะโกนออกไป “พ่อบ้าน”
 
 
พ่อบ้านเดินเข้ามา
 
 
“เจ้าไปเฝ้าดูบ่าวนำโสมคนในมือแม่นางเมิ่งไปตุ๋น แล้วรีบยกมาให้คุณชาย” เปาชิงเหอกำชับเขา
 
 
พ่อบ้านรับกล่องโสมคนมา เร่งฝีเท้าเดินออกไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินมาข้างเตียง วางมือลงบนหน้าผากเขา
 
 
รับรู้ได้ถึงไข้อ่อนๆ บนหน้าผากเปาอีฝาน เมิ่งเชี่ยนโยวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ตะโกนออกไปด้านนอก “ยายังต้มไม่เสร็จหรือ”
 
 
ยาต้มเสร็จนานแล้ว ไม่มีคำสั่งเมิ่งเชี่ยนโยว บ่าวไม่กล้ายกเข้ามา
 
 
พอได้ยินเสียงนาง บ่าวรีบยกถ้วยยาเข้ามา พูดอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง ยาต้มเสร็จนานแล้วขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา พูดว่า “แม่ทัพฉู่ รบกวนท่านมาช่วยด้วย”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้นเดินมาข้างเตียง
 
 
“ท่านง้างปากของคุณชายเปาออก ข้าจะป้อนยาให้เขา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยยื่นมือออกไป ง้างปากเปาอีฝานเป็นรูเล็กๆ เมิ่งเชี่ยนโยวตักยาค่อยๆ ป้อนใส่ปากเขา
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยยังคงจับมือเปาอีฝานแน่น
 
 
ป้อนยาหมดถ้วย เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกับเหงื่อตก ลุกขึ้นใช้ชายเสื้อซับเบาๆ
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยก็ปล่อยมือ เดินมาข้างกะละมัง ล้างคราบยาที่ไหลมาเปื้อนมือออก
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยววางถ้วยยาลงบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยเห็นความอ่อนล้าของนาง พูดอย่างเป็นห่วง “หากเจ้าเหนื่อย ก็ให้เปาชิงเหอเตรียมห้องให้เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะเฝ้าดูที่นี่เอง หากมีอะไรค่อยให้คนไปตามเจ้า”
 
 
เปาชิงเหอก็พูดสมทบ “ใช่ แม่นางเมิ่งไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฝานเอ๋อร์ยังต้องให้เจ้าช่วยเขาอีก”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “อาการของคุณชายเปาหนักหนานัก หากไม่เฝ้าระวังเองข้าไม่อาจวางใจ ท่านช่วยจัดเตรียมห้องพักสองห้องให้พี่รองและกัวเฟย รวมถึงชิงหลวนและจูหลี ให้พวกเขาได้พักผ่อนเถอะ”
 
 
เปาชิงเหอถยักหน้า สั่งพ่อบ้านนำคนในลานเรือนไปพักผ่อนที่ห้องพักแขก
 
 
ฟ้าเริ่มสางแล้ว ต่อให้เอนตัวก็คงนอนไม่หลับ แต่พอคิดว่าตอนกลางวันยังต้องไปโรงงาน เมิ่งฉีจึงนำคนทั้งสามเดินตามพ่อบ้านไปห้องพักแขก
 
 
พลทหารเหล่านั้นเพื่อคุ้มกันเปาอีฝานกลับมาโดยไวที่สุด จึงไม่ได้พักเลยตลอดทาง คืนนี้ยังต้องเหนื่อยทั้งคืน ต่างอ่อนล้าอ่อนเพลีย พอพ่อบ้านพูด ต่างไม่พูดอะไร เดินตามพ่อบ้านไปทันที
 
 
คนในลานเรือนจากไปหมดแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาชิงเหอสามคน
 
 
การรอคอยทั้งยาวนานและทรมาน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องที่เมื่อวานน้องชายต่างมารดาของเหวินซื่อมาขวางหน้ารถม้านาง เพื่อขู่เตือนนางออกมา
 
 
ตอนที่ฉู่เหวินเจี๋ยได้ตัวอี้เซวียนกลับมาไม่นาน ก็นำทัพไปชายแดน จดหมายที่ส่งให้เหวินซื่อตลอดหลายปีมานี้มีแต่เรื่องการขนส่งสมุนไพร เรื่องราวภายในครอบครัวเขาไม่รู้อะไรเลย ได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วถาม “เจ้าทำอะไรล่วงเกินเขาหรือ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “น่าจะเป็นที่ข้ารักษาโรคให้อาซ้อ”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยไม่เข้าใจ
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ข้าเรียกฮูหยินเหวินซื่อว่าอาซ้อ”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยถามอีก “ฮูหยินเหวินซื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไร”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset