ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 109 บังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถูกหรือ

“พวกเขากล้าทำเรื่องใส่ร้ายคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ จะโอหังมากเกินไปแล้ว” เปาชิงเหอกล่าวขึ้นด้วยความโมโห
 
 
อานอี่หยวนก็โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว “ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ แต่ประชาชนไม่ต่อสู้กับคนของทางการ ต่อให้พวกเรารู้ว่าพวกเขาเล่นงานด้วยกลโกง แล้วจะทำสิ่งใดได้”
 
 
จูหลานกลับไม่ใส่ใจ “เขาแค่อายัดร้านของข้าในมณฑลนั้น ส่วนร้านสาขาอื่น พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวโคลงศีรษะ “มันก็ไม่แน่ มีหนึ่งก็ต้องมีสอง อีกอย่าง ทำกิจการต้องใช้ชื่อเสียงเป็นการบอกต่อ เขาปิดร้านหนึ่งของเจ้าก็ไม่เป็นไร ปัญหาอยู่ที่ถ้าหากนานไป แล้วคนพูดกันไปต่อ บอกว่าของที่อยู่ร้านเจ้าสกปรก นานวันเข้า ร้านอื่นก็จะได้รับผลกระทบด้วย”
 
 
จูหลานเข้าใจในทันที “เป็นแผนที่ร้ายกาจมาก ข้าก็ว่าอยู่ ว่าทำไมหลังจากที่อายัดร้านของข้าไปแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก ที่แท้กำลังรออยู่นี่เอง” พูดจบขบกรามแน่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ยอมให้พวกเขาสมใจหรอก”
 
 
อานอี่หยวนค่อนข้างไม่เห็นด้วย “ข้าว่าความปรารถนาของพวกเขาไม่เหมือนกับต้องการที่จะสังหารให้เรียบ แต่ต้องการบีบบังคับให้จูหลานรับเฉียวหมิ่นเป็นอนุภรรยา”
 
 
เปาชิงเหออึ้ง พูดขึ้นต่อว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ปีนั้นเฉียวหมิ่นถูกข้านาบไฟร้อนคำว่า “ทาส” ขายไปเป็นทาสหลวงตลอดชีวิต ทำไมถึงจะให้หลานเอ๋อร์แต่งกันนางล่ะ”
 
 
อานอี่หยวนโบกมือกล่าวว่า “ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้นตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ปีนั้นแม้ท่านจะตัดสินใจไปอย่างนั้น เฉียวหมิ่นก็ถูกส่งไปเป็นนางรับใช้ แต่ตอนนี้นายมณฑลของมณฑลชิงเหอเป็นญาติของพวกเขาตระกูลเฉียว ย่อมคิดหาวิธีซื้อตัวนางออกมา เฉี่ยวหมิ่นคนนั้นยังมีใจต่อจูหลานไม่เปลี่ยน ทั้งยังเป็นสตรีที่โดนนาบคำว่าทาส ตระกูลเฉียวย่อมที่จะยัดเยียดให้จูหลาน ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำอะไรกับจูหลาน เพียงแต่จะบีบบังคับเขาไปทีละก้าว ให้ต้องแต่งงานกับเฉียวหมิ่น”
 
 
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” จูหลานพูดอย่างแน่วแน่ “อย่างมาก ข้าก็ปิดร้านทุกร้าน พาท่านพ่อท่านแม่ข้าไปพึ่งท่านพ่อตาแม่ยาย”
 
 
“เจ้าพูดง่ายเกินไป กิจการนั้นเป็นดั่งเลือดเนื้อทั้งชีวิตของท่านลุงจู มีหรือที่เจ้าบอกว่าจะปิดก็ปิดได้ง่ายๆ” เซี่ยเจียงเฟิงกล่าว
 
 
“เรื่องนั้นข้าไม่สน ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมแต่งงานให้หญิงชั่วร้ายเช่นนั้นเข้าบ้านข้า” จูหลานกล่าว
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
 
 
พื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง อีกอย่างด้วยตำแหน่งของเปาชิงเหอ ถึงจะเป็นนายมณฑลเล็กๆ แต่เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปยุ่งเกี่ยว เปาชิงเหอนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก
 
 
ฮูหยินเปาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
 
 
ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลงในฉับพลัน
 
 
จูหลานกลับคิดได้ “พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของข้าแล้ว รอดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากัน ถ้าเป็นจริงอย่างที่อี่หยวนพูด ข้าก็ละทิ้งของพวกนั้นได้ ส่วนท่านด้านท่านพ่อของข้า ตอนนี้เขากำลังดูแลหลานอยู่ ไม่สนใจเรื่องกิจการนานแล้ว เชื่อว่าไม่คิดแตกต่างไปจากความคิดของข้าหรอก”
 
 
ทุกคนก็คิดวิธีที่ดีไม่ได้เช่นกัน มีเพียงแค่ทำตามที่เขาพูดไปก่อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน
 
 
จูหลานเปลี่ยนประเด็น กล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ใช่แล้ว ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเปิดโรงหัตถกรรมในเมืองหลวงอีก กิจการเป็นเช่นไรบ้าง”
 
 
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างในโรงหัตถกรรมข้ามอบให้พี่รองเป็นคนจัดการทุกอย่าง ข้าไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
 
 
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่เมืองหลวง” จูหลานถามอย่างไม่เข้าใจ
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างธรรมชาติ “บังคับให้แต่งงานสิ ข้ากลายเป็นสาวแก่แล้ว ยังไม่ได้แต่งงานอีก แน่นอนว่าต้องมาบังคับให้ซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องฉีสู่ขอข้าเร็วๆ”
 
 
จูหลานถลนตาโตอย่างตกใจ ชี้ไปที่นาง “เจ้า เจ้า เจ้า…”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้งเขากลับ “ข้าทำไมหรือ ข้าบังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถูกหรือ”
 
 
ในที่สุดจูหลานก็หาเส้นเสียงของตัวเองเจอ “เจ้าเป็นสตรีในห้องหอ ต้องสำรวมไม่รู้หรือ มีใครที่บอกว่าตัวเองมาบังคับแต่งงาน เจ้าทำเช่นนี้ มิใช่ว่าให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะจนฟันหลุดหรืออย่างไร”
 
 
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าต่างก็ปวดหัวเรื่องงานแต่งของข้าจนผมหงอกแล้ว ถ้าข้าไม่มาบังคับแต่งงานแล้วจะทำอะไรได้” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
 
 
จูหลานไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง “แม้เป็นเช่นนี้แต่เจ้าก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ต่อไปถ้าเจ้าแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็จะดูถูกเจ้า” พูดจบก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “แต่ว่า เจ้าก็มาตั้งนานแล้ว ตกลงว่าบังคับแต่งงานสำเร็จหรือยัง”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาวให้เขา แกล้งพูดขึ้นว่า “ไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าอกแตกตาย”
 
 
จูหลานโดนตอกกลับจนพูดไม่ออก
 
 
อานอี่หยวนกับเซี่ยเจียงเฟิงต่างก็หัวเราะอย่างสนุกบนความทุกข์ของคนอื่น
 
 
เปาชิงเหอกับฮูหยินเปาต่างก็อดไม่ไหวหัวเราะตาม
 
 
ทุกคนพูดคุนล้อเล่นกันถึงหนึ่งชั่วยาม สาวใช้ซุนฮุ่ยเดินเข้ามาบอกว่าเปาอีฝานนอนตื่นแล้ว อยากเห็นหน้าสหายรัก
 
 
ทั้งสามคนกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่างก็รีบผุดลุกขึ้น เข้าไปในห้องของเปาอีฝาน
 
 
ทุกคนเดินออกไป เปาชิงเหอก็ลุกขึ้น กล่าวว่า “ข้าจะไปที่ศาลาว่าการก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วอีกสักครู่ข้าจะกลับมา”
 
 
ฮูหยินเปาพยักหน้า ทั้งสองคนเดินออกจากห้องโถงรับแขก
 
 
เปาชิงเหอไปที่ศาลาว่าการ ส่วนฮูหยินไปหมุนตัวไปยังห้องครัว แล้วสั่งให้คนรับใช้เก็บกวาดห้องโถงรับแขกให้สะอาดเรียบร้อย
 
 
ทุกคนไปถึงห้องของเปาอีฝานก็พูดคุยหยอกล้อกันอีก จนกระทั่งท้องฟ้าสลัวลง ฮูหยินเปาก็เดินเข้ามาบอกว่าอาหารได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ทุกคนลงไปกินข้าว
 
 
ตอนที่กินข้าว เมิ่งเชี่ยนโยวก็เล่าเรื่องที่ตัวเองเปิดโรงหัตกรรมทำไส้กรอกขึ้น เซี่ยเจียงเฟิงดีใจมาก กล่าวว่า “เช่นนั้แล้ว ข้าก็จะสบายแล้ว ให้พนักงานในร้านขนย้ายเข้ามาก็ได้แล้ว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าแค่รับผิดชอบในส่วนของการผลิต ส่วนเรื่องการจำหน่ายให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ราคาก็เหมือนเดิม”
 
 
ถึงแม้บอกว่าจะไม่อาจรับคนจากเมืองเป่ยเฉิง แต่ก็สามารถจัดแจงเหล่าพลทหารที่พิการได้ เปาชิงเหอก็ดีใจมาก
 
 
หลังจากกินข้าวเสร็จ ตกลงกันว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีธุระอะไรค่อยมาเยี่ยมพวกเขาอีก จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับบ้านของตัวเอง
 
 
เมิ่งฉีกลับมาทานอารนานแล้ว พอเห็นนางกลับมา ก็สอบถามว่านางไปที่ไหนมา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องในวันนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด
 
 
ได้ยินนางบอกว่าไม่ได้ไปที่จวนอ๋องฉี เมิ่งฉีก็แอบถอนหายใจโล่งอก กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
 
 
แล้วก็ผ่านไปสองวัน เซี่ยเจียงเฟิง อานอี่หยวนรวมถึงจูหลานทั้งสามคนขอตัวลากลับมณฑลชิงเหอ
 
 
หลังจากที่ไปส่งพวกเขาออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีก็เริ่มที่จะยุ่งวุ่นวายเรื่องการเปิดโรงหัตถกรรมการผลิตไส้กรอก
 
 
ยุ่งวุ่นวายกันถึงสามวัน เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตไส้กรอก รวมถึงต้องไปหาร้านที่ขายเนื้อชั้นดี แต่ก็ยังไม่เห็นฉู่เหวินเจี๋ยพาพลทหารที่พิการมาเสียที เมิ่งเชี่ยนโยวให้ชิงหลวนไปหาหวงฝู่อี้เซวียน ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนส่งจดหมายมาบอกว่าฮ่องเต้ทรงเห็นด้วยในการจัดการของแม่ทัพฉู่แล้ว กำลังหาที่พักให้กับเหล่าทหารอยู่ อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมเมิ่งเชี่ยนโยวอีก
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนยังบอกอีก รอให้จัดแจงเหล่าทหารเรียบร้อยก่อน เขาก็จะไปขอร้องท่านน้าให้ช่วยเขาเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน
 
 
แล้วก็ผ่านไปอีกหลานวัน ฉู่เหวินเจี๋ยให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าได้จัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของเหล่าทหารเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นจะพาคนเหล่านี้ไปหา
 
 
วันรุ่งขึ้น กินอาหารเช้าตั้งแต่เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีต่างก็ไปรออยู่ที่โรงหัตถกรรม
 
 
รอไม่นาน ก็เห็นกลุ่มคนมากมายจากระยะไกล ฉู่เหวินเจี๋ยใส่ชุดธรรมดาเดินนำหน้า พลทหารที่พิการต่างก็เดินตามหลังเข้ามา
 
 
—————————-

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset