ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 113 ลุงฝูตกใจ

หวงฝู่อี้เซวียนบอกลุงฝูว่า “ในรถม้าพวกเรานำวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาไม่น้อยมาด้วย ท่านให้คนรับใช้ไปขนย้ายเข้ามาในจวนด้วย”
 
 
ลุงฝูตอบรับ เดินออกไปด้านนอก ไม่นานกัวเฟยกับคนรับใช้ที่พิการไม่กี่คนก็ขนสิ่งของจากรถม้าเข้ามา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวให้ชิงหลวนกับจู๋หลีเปิดสิ่งของที่อยู่ข้างในนั้นออกมาทั้งหมด นางมองดูสักครู่ ไตร่ตรองดูว่าจะทำอาหารอะไรบ้าง จากนั้นกล่าวถามขึ้นว่า “ลุงฝู พวกท่านภายในจวนมีคนทั้งหมดกี่คนเจ้าคะ?”
 
 
“มีหนึ่งคนเฝ้าประตู หนึ่งคนดูแลม้า สองคนทำความสะอาดภายในเรือน หนึ่งคนทำอาหาร รวมกับบ่าวชราแล้วทั้งหมดก็เป็นหกคนขอรับ แม่นางเมิ่งต้องการจะให้ทำสิ่งใดหรือ?”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว อีกสักครู่ข้าจะทำกับข้าวเพิ่มอย่างละชุด ท่านกับคนอื่นภายในจวนก็ต้องลองชิมฝีมือของข้านะเจ้าคะ”
 
 
“ไอ้หยา แม่นางเมิ่ง ทำไม่ได้นะขอรับ จะให้ท่านที่เป็นแขกสำคัญทำกับข้าวให้พวกเรากินได้อย่างไร พวกเราทำเองก็พอแล้วขอรับ” ลุงฝูลนลานรีบกล่าวขึ้นเป็นพัลวัน
 
 
“ไม่เป็นอะไรหรอก ในจวนของข้า ตอนที่ข้าว่างไม่ได้ทำอะไรก็มักจะทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกินอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องห้ามแล้วเจ้าค่ะ มื้อเที่ยงวันนี้คอยชิมฝีมือข้าเถิด”
 
 
ถึงแม้ลุงฝูจะเป็นเพียงคนรับใช้ ทว่าตั้งแต่ตอนที่ท่านแม่ทัพอาวุโสยังมีชีวิตอยู่นั้นก็ได้เป็นพ่อบ้านแล้ว ในตอนนั้นท่านแม่ทัพอาวุโสกับฮูหยินยังมีชีวิตอยู่นั้น คนในจวนก็ไปมาหาสู่กับพ่อบ้านจากจวนอื่นในเมืองหลวง ที่ต้องการพาบุตรสาวของตนเองมาเพราะหวังจะให้แต่งงานมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนแห่งงนี้ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่เหมือนเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่เพียงแต่ลงมือทำอาหารให้กับท่านแม่ทัพด้วยตัวเอง อีกทั้งยังทำอาหารเผื่อคนรับใช้อย่างพวกเขาอีก
 
 
ลุงฝู่พูดจากใจว่า “ซื่อจื่อสามารถแต่งงานกับแม่นางเมิ่ง ได้สตรีที่ดีเช่นนี้มาเป็นพระชายาซื่อจื่อ ช่างมีวาสนายิ่งนัก”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวเห็นด้วยอย่างภาคภูมิใจ “ลุงฝู ท่านพูดได้ถูกต้อง โยวเอ๋อร์น่ะ ดีกว่ากุลสตรีในห้องหอทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงมากนัก”
 
 
ลุงฝูหัวเราะฮ่าๆ พยักหน้าเห็นพ้องด้วย “ใช่แล้วขอรับ ซื่อจื่อมีวาสนานัก”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวแอบกลอกตาขาวใส่หวงฝู่อี้เซวียน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนส่งยิ้มละไมกลับให้นาง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวละสายตา สั่งให้ชิงหลวนกับจู๋หลีเด็ดผัก ส่วนนางหยิบเนื้อสัตว์ขึ้นมาวางบนเขียง จากนั้นก็หั่นเนื้อสัตว์ตามที่ตัวเองต้องการ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนทำอย่างเช่นที่ผ่านมา เดินออกไปเอาฟืนที่อยู่หน้าประตูห้องครัวเข้ามา เตรียมช่วยก่อไฟให้เมิ่งเชี่ยนโยว
 
 
คราวนี้ลุงฝูตกใจเสียแทบแย่ รีบเข้าไปห้ามทันที ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมให้เขาทำ สั่งให้คนรับใช้ที่อยู่ในจวนหอบฟืนเข้ามาทันที
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ยืนกรานที่จะทำต่อ หมุนตัวแล้วก็เดินกลับเข้าไป
 
 
ลุงฝูสั่งให้คนรับใช้ทั้งหลายเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องครัว รอรับคำสั่งจากหวงฝู่อี้เซวียนตลอดเวลา
 
 
พระชายาฉีกับฉู่เหวินเจี๋ยจุดธูปเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องโถงรับแขก ไม่เห็นหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวสองคน จึงคิดว่าทั้งสองคนอาจจะเดินเล่นอยู่ภายในจวน ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ทรุดตัวนั่งลง
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยสั่งให้คนรับใช้เปลี่ยนน้ำชามาใหม่ ร้องเรียกอยู่นานก็ไม่มีคนขานรับ เกิดความรู้สึกแปลกใจ แม้ว่าในจวนจะมีคนรับใช้อยู่น้อย แต่ก็เป็นผู้ที่รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองดี ไม่เคยมีครั้งใดที่เรียกแล้วไม่มีคนขานรับอย่างเช่นสถานการณ์ในตอนนี้ ในใจค่อนข้างฉุนเล็กๆ สีหน้าขรึมลง กล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านนั่งรอที่นี่สักครู่ ข้าจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
 
พระชายาฉีก็ลุกขึ้นตาม “คนรับใช้ภายในจวนต่างก็อบรมมาอย่างดี จะต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นแน่ พวกเขาถึงไม่ได้มารอรับใช้อยู่ใกล้ๆ ข้าจะไปดูกับเจ้า ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
 
 
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องโถงรับแขก ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากห้องครัว จึงรีบเดินเข้าไปทันที
 
 
ยังเดินไปไม่ถึงประตูห้องครัว ก็ได้ยินเสียงร้อนรนของลุงฝูดังขึ้นว่า “ซื่อจื่อขอรับ ท่านทำไม่ได้นะขอรับ ท่านทำงานเช่นนี้ไม่ได้นะ ถ้าหากท่านแม่ทัพทราบ คงต้องไล่บ่าวชราออกจากจวนเป็นแน่”
 
 
“ลุงฝู!” ฉู่เหวินเจี๋ยตะโกนขึ้นอย่างดุดัน
 
 
ทันทีที่ลุงฝูได้ยินเสียงตะโกนของเขา ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัวอย่างลนลาน
 
 
“ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉู่เหวินเจี๋ยถามอย่างไม่พอใจ
 
 
ลุงฝูกระวนกระวายใจจนมีเหงื่อผุดออกมาเต็มศีรษะ “ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านมาเสียที ซื่อจื่อจะช่วยก่อไฟให้ได้เลย ไม่ว่าบ่าวชราจะห้ามอย่างไรก็ห้ามไว้ไม่อยู่”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินก้าวพรวดเข้าไปในห้องครัว เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกับสาวใช้ทั้งสองนางกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนกลับคุกเข่าก่อไฟอยู่หน้าเตา คนรับใช้ภายในจวนทุกคนต่างก็ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างร้อนใจ
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น
 
 
พระชายาฉีก็เดินตามเข้ามาในห้องครัว พอเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นแขก จะให้เจ้าทำอาหารได้อย่างไร เจ้ารีบหยุดเร็วเข้า มา ข้าทำเอง” พูดจบก็พับแขนเสื้อขึ้นแล้วก็เดินเข้าไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้นมอง แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “พระชายา ท่านแม่ทัพ ข้ามิใช่คนนอกเสียหน่อย ทำอาหารให้คนในบ้านกินก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
 
 
พระชายาอ๋ฮงฉีเดินมาถึงข้างกายของนางเรียบร้อยแล้ว กล่าวขึ้นว่า “จะได้อย่างไรเล่า ให้ข้าทำดีกว่า”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนก็มาห้ามนางไว้ “เสด็จแม่ ท่านกับท่านน้าไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ให้ข้ากับโยวเอ๋อร์ได้กตัญญูเถิด ได้ทำอาหารให้พวกท่านทั้งสองกิน”
 
 
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ เข้าประตูมาก็เป็นแขก มีที่ไหนกันที่ให้แขกลงมือทำอาหารเอง” พระชายาฉีสั่งสอนเขา
 
 
“เสด็จแม่ โยวเอ๋อร์ไม่ใช่แขก นางเป็นว่าที่พระชายาซื่อจื่อ เป็นสะใภ้ของท่าน อีกอย่าง อีกสักครู่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องขอร้องท่านลุงอีก พอดีกับการใช้กับข้าวมื้อนี้ติดสินบนเขาไว้ก่อน”
 
 
“ไม่ต้องติดสินบนหรอก” ฉู่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้น “เพียงเจ้าต้องการ น้าก็จะช่วยเจ้าให้ได้”
 
 
“ท่านน้าพูดแล้วนะ เสด็จแม่กับโยวเอ๋อร์ก็ได้ยินแล้ว อีกสักครู่ท่านจะกลับคำไม่ได้แล้วนะ” หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไปเติมเชื้อฟืน ให้ไฟเผาไหม้แล้วจึงกล่าวขึ้น
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “น้าพูดคำไหนคำนั้น”
 
 
“สี่ปีมานี้ เสด็จแม่คิดถึงท่านมาก วันนี้มีเวลาได้มาเจอกันทั้งที ท่านไปพูดคุยเป็นเพื่อนท่านแม่เถิด ส่วนการทำอาหาร ท่านอย่ามาห้าพวกเราเลย อีกอย่าง ให้คนรับใช้ในจวนท่านออกไปทั้งหมดเถอะ ห้องครัวเล็ก พวกเขายืนอยู่ในนี้ก็เกะกะเปล่าๆ”
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมา คนรับใช้ทั้งหลายก็ถอยออกไป พูดกับพระชายาฉีว่า “ท่านพี่ เอาตามที่เซวียนเอ๋อร์บอกเถอะ พวกเราไปรอที่ห้องโถงรับแขก”
 
 
พระชายาฉียังรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว “เสด็จแม่ ฝีมือการทำอาหารของโยวเอ๋อร์เป็นที่เลื่องลือไปทั่วว่าอร่อยนัก วันนี้ให้นางได้แสดงฝีมือให้ท่านดู รับรองว่าต่อไปท่านจะไม่อยากกินอาหารที่แม่ครัวคนอื่นทำอีก”
 
 
พระชายาฉีเผลอยิ้มออกมา “ได้ได้ได้ ข้าจะรอชิมฝีมือของโยวเอ๋อร์ก็แล้วกัน”
 
 
“วางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาด” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวอย่างโอ้อวด
 
 
พระชายาฉียิ้มพลางโคลงศีรษะ แล้วก็เดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับฉู่เหวินเจี๋ย
 
 
ลุงฝูเมื่อเห็นพระชายาฉีกับฉู่เหวินเจี๋ยต่างก็รับปากแล้ว จึงโบกมือให้พวกคนรับใช้ออกไปทำงานของตนเอง ส่วนเขาก็ตามทั้งสองคนกลับไปเฝ้าที่หน้าประตูห้องโถงรับแขก
 
 
ในบ้านของตัวเองเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนช่วยกันทำอาหารมาหลายครั้งหลายคราแล้ว จึงรู้แกวกันเป็นธรรมดา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวต้องการจะผัดสิ่งใดต้องการไฟขนาดไหน หวงฝู่อี้เซวียนก็เข้าใจเป็นอย่างดี ไม่นาน อาหารทุกอย่างก็ทำเสร็จเรียบร้อย
 
 
ทั้งสองคนยุ่งวุ่นวายจนหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
 
 
—————————-

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset