ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 116 งานแต่งงานของท่านแม่ทัพ

การที่คุยเรื่องนี้ต่อหน้าคนรุ่นเด็กกว่าทั้งสองคน ทำให้ใบหน้าอันหยาบคล้ำของฉู่เหวินเจี๋ยปรากฏริ้วแดงขึ้น “ท่านพี่ เรื่องการแต่งงานของข้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน รอให้ยกเลิกการแต่งงานระหว่างเซวียนเอ๋อร์กับคุณหนูหลินก่อนเถิด ค่อยว่ากันทีหลัง”
 
 
พระชายาฉีพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน ยกเลิกการแต่งงานของเซวียนเอ๋อร์ได้แล้ว ข้าจะรีบเข้าวังไปหาเสด็จแม่ทันที คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจขัดขวางข้าได้อีก”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกลับมาแล้ว ความละอายที่อัดอั้นอยู่ในใจของฉู่เหวินเจี๋ยมานานหลายปีก็ถือว่าได้ระบายออกไปแล้ว คิดว่าอันที่จริงก็สมควรแก่เวลาที่ตนควรจะหาศรีภรรยาเพื่อมาสืบสกุลแก่ตระกูลฉู่ได้แล้ว จึงพยักหน้ายินยอม “ทุกอย่างมอบให้ท่านพี่เป็นคนจัดการ”
 
 
เวลาที่พูดคุยกันมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เวลาล่วงเลยไปจนถึงบ่ายคล้อยโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่ฉู่เหวินเจี๋ยกับหวงฝู่อี้เซวียนตกลงกันได้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไปที่จวนราชเลขาเวลาใด พระชายาฉีหยัดกายลุกขึ้น พาหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากจวนแม่ทัพ
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยมาส่งพวกเขาที่หน้าประตูจวน มองดูพวกเขาขึ้นรถม้าไปไกลแล้ว จึงเดินกลับเข้าจวนไปอย่างมีความสุข
 
 
การสนทนากินเวลาไปครึ่งค่อนวัน พระชายาฉีจึงค่อนข้างเหนื่อยล้าอยู่บ้าง พอขึ้นรถม้า ก็หาหมอนพิงแล้วก็เอนหลังพิงลงไป น้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “นับตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่ข้าจากไป เป็นเวลาหลายปีแล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ข้ากลับบ้าน ในจวนนอกจากจะดูเงียบเหงาขึ้นบ้าง นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบใจนาง “ในจวนไม่มีนายผู้หญิง ขนาดคนรับใช้ก็ยังเป็นพวกผู้ชาย ย่อมไม่รู้จักเรื่องการจัดการภายในจวนอยู่แล้วเพคะ รอให้ท่านไปขอพระราชทานงานแต่งให้ท่านแม่ทัพ สู่ขอฮูหยินท่านแม่ทัพ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเองเพคะ”
 
 
ท่าทีของพระชายาฉีไม่ได้ดูมีความสุขเลยแม้แต่น้อย “ถึงจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรท่านน้าของเจ้าก็อายุมากแล้ว ผู้ใดจะยินยอมมอบบุตรสาวที่หวงแหนราวกับหยกให้แต่งงานกับเขาเล่า”
 
 
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวยิ้มๆ “ท่านไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่ท่านแม่ทัพใหญ่เดินทางเข้ามาเมืองหลวงในวันนั้น สตรีทุกนาง ไม่ว่าแก่ก็ดีเด็กก็ดี อัปลักษณ์ก็ดีงดงามก็ดี สูงก็ดีเตี้ยก็ดี ล้วนแต่อยากจะกระโจนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ดังนั้นเรื่องการแต่งงานของท่านแม่ทัพใหญ่มิใช่ปัญหาเลย ถ้าหากไม่ได้จริงๆ ท่านก็ให้เขายืนตะโกนอยู่ที่หน้าจวนคำเดียว รับรองว่าสตรีทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะวิ่งเข้าหา เบียดกันจนเต็มหน้าประตูจวนแม่ทัพแน่เพคะ”
 
 
พระชายาฉีขบขันจากคำพูดของนาง กล่าวติดตลกว่า “ถือเป็นวิธีที่ดีเลยทีเดียว ถ้าหากเสด็จแม่หาคู่แต่งงานที่เหมาะสมแก่เหวินเจี๋ยไม่ได้ ข้าจะลองทำตามวิธีของเจ้าดู อย่างไรเสียจวนแม่ทัพของเราก็รุ่งโรจน์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้การแต่งงานมาทำให้ตัวเองมีเสถียรภาพทางฐานะสูงขึ้น”
 
 
เมื่อรถม้ามาถึงทางแยก เมิ่งเชี่ยนโยวให้สารถีหยุดรถม้าลง ยิ้มแล้วพูดกับพระยาชาอ๋องฉีว่า “หม่อมฉันออกมาทั้งวันแล้วเพคะ นี่ก็เย็นมาก หม่อมฉันจะไม่กลับจวนอ๋องไปด้วยกันกับท่านแล้วเพคะ พี่รองกลับบ้านแล้วไม่เห็นหม่อมฉัน จะเป็นห่วงได้เพคะ”
 
 
พระชายาฉีพยักหน้า
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนรอมานานหลายวันแล้ว กว่าจะมีโอกาสได้เจอหน้ากับเมิ่งเชี่ยนโยว จึงไม่ยอม และไม่สนใจว่าพระชายาฉีจะอยู่ด้วยหรือไม่ เอื้อมมือไปจับมือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ “ประเดี๋ยวข้าจะให้อี้เอ๋อร์ไปส่งจดหมายกับพี่รอง บอกว่าเจ้ากำลังปรึกษาเรื่องยกเลิกการแต่งงานอยู่ที่จวนอ๋อง พี่รองคงไม่เป็นกังวล เจ้าไปที่จวนอ๋องกับข้าเถอะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นกลัวท่าทางบ้าคลั่งครั้งที่แล้วของเขาอยู่ จึงไม่กล้าตามไปที่จวนอ๋องฉีด้วย ทั้งสองจะได้ไม่ทำเรื่องเลยเถิดอะไรได้ ถึงแม้นางจะเป็นจิตวิญญาณที่มาจากยุคสมัยปัจจุบัน เปิดใจกว้างรับเรื่องแบบนี้ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ข้ามเวลามาอยู่ในสมัยนี้แล้ว มีครอบครัวที่ตนต้องใส่ใจ เรื่องบางเรื่องต้องทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ดีกว่า คิดได้เช่นนั้นจึงยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ช่วงนี้โรงหัตถกรรมมีคนมาเพิ่มเยอะ ข้าเองก็ต้องยุ่งอยู่กับการรักษาอาการป่วยของฮูหยินเหวิน และปรุงยาให้กับร้านยาเต๋อเหริน จึงไม่ได้มีเวลาว่าง ในวันหนึ่งพี่รองก็ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นมากพอแล้ว ข้าไม่อาจทำให้เขาต้องเป็นห่วงเรื่องของข้าอีก วันนี้หลังจากที่ข้ากลับไป จะเล่าเรื่องที่เจ้ากับท่านแม่ทัพใหญ่จะไปที่จวนราชเลขาในวันพรุ่งนี้ให้เขาฟัง ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง บางทีตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาอาจจะไม่ห้ามไม่ให้เจ้าไปหาข้าที่บ้านก็ได้นะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจเมิ่งเชี่ยนโยว หากเรื่องใดที่นางได้ตัดสินใจไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ยาก ขบฟันแน่น พูดเสียงแผ่วเบาว่า “วันนี้เจ้าไม่กลับจวนอ๋องไปกับข้า ถ้าหากว่าพรุ่งนี้จัดการแก้ปัญหาเรื่องการแต่งงานกับหลินหันเยียนได้แล้ว คืนนั้นข้าจะไปพักอยู่ในห้องของเจ้า”
 
 
เมื่อได้ยินบุตรชายพูดเช่นนี้ต่อหน้าของนาง พระชายาฉีก็สำลักน้ำลายตัวเอง ไอแค่กๆ ออกมาไม่หยุด
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเอื้อมมือออกไปลูบหลังให้นางอย่างลนลาน อีกด้านก็ขึงตามองหวงฝู่อี้เซวียนอย่างฉุนๆ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องนางเขม็ง ประหนึ่งว่าถ้าหากนางไม่ยอมเข้าก็จะไม่ปล่อยให้นางลงจากรถม้าไป
 
 
พระชายาฉีเห็นสายตาของเขา เข้าใจว่าบุตรชายของตนอดใจรอไม่ไหวแล้ว มันก็ไม่แปลก เป็นเพราะว่าตอนนี้อยู่ในวัยคึกคะนอง เพิ่งจะรักกันหวานชื่น แต่กลับไม่อาจอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน หากเป็นใครก็คงจะโมโหกันทั้งนั้น ถือว่าบุตรชายของตนนั้นมีความยับยั้งชั่งใจแล้ว พอนึกถึงตรงนี้ ก็แกล้งทำเป็นไอแค่กๆ ขึ้นอีกหลายครั้ง กล่าวว่า “แม่นางเมิ่ง เอาเช่นนี้ เจ้าไปนั่งเล่นในจวนกับข้าก่อนเถอะ”
 
 
ถ้าหากเมิ่งเชี่ยนโยวทราบว่าว่าพระชายาฉีคิดอย่างไร คาดว่าคงจะทุบตีหวงฝู่อี้เซวียนอย่างแรงสักที พูดคำพูดที่ไม่ยั้งคิดเช่นนี้เข้า หากใครได้ฟังก็คงจะคิดมากด้วยกันทั้งนั้น
 
 
แต่หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังไม่เข้าใจในความหมายของพระชายาฉี จ้องมองนางอย่างใจจดใจจ่อ รอคำตอบจากนาง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีทางเลือก เม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าพี่รองจะตีจนเจ้าลุกไม่ไหว เจ้าก็ไปเถอะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเผยยิ้มชั่วร้าย “วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร จะไม่ให้พี่รองเห็นเข้า”
 
 
เห็นท่าทางยินดีพออกพอใจของเขา พระชายาฉีกลับรู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง รู้สึกว่าบุตรชายของตนช่างน่าสงสารยิ่งนัก ลอบคิดอย่างหมายมั่นปั้นมือ รอให้ยกเลิกการแต่งงานกับจวนหลินได้แล้ว จะจัดการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ให้พวกเขาทันที
 
 
หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวลาพระชายาฉีอีกครั้ง ก็ลงจากรถม้า หวงฝู่อี้เซวียนเป็นคนไปส่งนางขึ้นรถม้าของนางด้วยตัวเอง มองดูรถม้าวิ่งออกไปไกลแล้ว จึงกลับขึ้นไปบนรถม้าของตัวเอง
 
 
พระชายาฉีมองดูหวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังอารมณ์ดี อ้าปากจะเอ่ยอะไรอยู่หลายครั้ง คิดจะตักเตือนอะไรเขา แต่ต่อมาก็นึกได้ว่าบางที่อีกไม่นานพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว ถึงเมิ่งเชี่ยนโยวจะตั้งครรภ์จริง ถึงตอนนั้นทำชุดแต่งงานให้หลวมๆ หน่อยก็ตบตาคนได้แล้ว
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนคิดถึงแต่ว่าวันพรุ่งนี้ตอนเย็นจะได้อยู่กับเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ก็ให้ดีใจ จึงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางของพระชายาฉี
 
 
สองคนแม่ลูกเดินทางกลับถึงจวนอย่างปลอดภัย อ๋องฉีกลับมาแล้ว พระชายาฉีเล่าเรื่องที่ได้ปรึกษากันไว้ให้เขาฟัง
 
 
อ๋องฉีพยักหน้า “ให้เหวินเจี๋ยกับอี้เซวียนไปสักครั้งก็ดีเหมือนกัน แก้ปัญหาเรื่องการแต่งงานกับจวนหลินไม่ได้วันหนึ่ง ข้าก็ไม่สบายใจไปอีกวันหนึ่ง หากวันใดเสด็จพี่ฮ่องเต้เกิดฉุกใจคิดมาอย่างฉับพลัน มีพระราชโองการให้พวกเขาแต่งงานกันมันจะยุ่งเอา”
 
 
เป็นครั้งแรกที่พระชายาฉีเห็นอ๋องฉีแสดงความเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของหวงฝู่อี้เซวียนอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ตกตะลึงไปชั่วขณะ ในใจเกิดความรู้สึกอ่อนไหวราวกับสายน้ำ น้ำเสียงที่พูดออกมาก็อ่อนโยนไม่น้อย “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ กำหนดการแต่งงานของเซวียนเอ๋อร์กับแม่นางเมิ่งยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา พวกเราจะได้จัดการได้ทันท่วงที”
 
 
อ๋องฉีไม่เข้าใจ โพล่งถามขึ้นง่ายๆ ว่า “อะไรคือเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือ”
 
 
—————————-

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset