ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 176-2 เจ็บปวดใจ

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วยกชามยาเทใส่ชามที่นำมาในปริมาณครึ่งหนึ่ง แล้วหยิบช้อนเล็กขึ้น หันกายไปป้อนยาให้จูเสี่ยวก่อน แต่ฟันของเด็กน้อยปิดแน่น งัดอย่างไรก็งัดไม่ออก
 
 
คงไม่มีประโยชน์หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เมิ่งเชี่ยนโยวมองจูหลี จูหลีก็เข้าใจ จึงเอามือจับที่คางของจูเสี่ยวแล้วยกขึ้น ครั้นเมิ่งเชี่ยนโยวจะป้อนยาเข้าไปภายในปากของจูเสี่ยวด้วยช้อนเล็ก จูหลีก็บีบให้ปากของเขาเปิดออกโดยทันที จนกระทั่งเห็นว่าเขากลืนลงไปแล้ว ถึงจะคลายมือออก
 
 
ทำเช่นนี้หลายครั้ง ยาครึ่งชามเล็กถึงจะป้อนได้หมด จูหลีจึงค่อยกดคางกลับลงไป
 
 
ทั้งกายของจูหลีถูกพันร่างจนคล้ายกับมัมมี่ เมิ่งเชี่ยนโยวเอนกายลง ยกช่วงศีรษะของนางขึ้นเบาๆ ส่งสัญญาณให้ชิงหลวนนำยาที่เหลือมาป้อนนาง อาจเพราะว่าลูก จางลี่ถึงได้พยายามยื้อลมหายใจไว้ เมื่อยาเข้าปาก ก็กลืนลงไปทันที
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวและชิงหลวนต่างดีใจเป็นอย่างมาก ยาชามใหญ่ถูกป้อนหมดลงภายในระยะเวลาอันสั้น
 
 
เมื่อวางนางเรียบลง ก็ห่มผ้าให้อย่างมิดชิด และเช็ดคราบยาที่เลอะอยู่บนริมฝีปากของนาง ครานี้เมิ่งเชี่ยนโยวถึงจะถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอกได้ คว้ามือของจางลี่ขึ้นมาเพื่อสัมผัสชีพจรที่ข้อมือนาง แม้ว่าชีพจรจะเต้นเพียงอ่อนๆ แต่ก็ยังรู้สึกได้ จึงวางมือของนางไว้บนผ้าห่ม และสั่งชิงหลวน “ไปบอกพี่ชายรองของข้า ให้ต้มน้ำแกงโสมเตรียมไว้”
 
 
ชิงหลวนรับคำและเดินออกไป ผ่านไปชั่วครู่ก็กลับมารายงาน “พี่ชายรองได้สั่งให้คนต้มไว้แล้ว และถามว่าจะให้ยกเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะ “อุ่นเตรียมไว้ก่อน”
 
 
ชิงหลวนเดินออกไปอีกครั้ง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกายไปคว้าข้อมือของจูเสี่ยวเพื่อจับชีพจร แต่กลับหาเส้นชีพจรของเด็กน้อยไม่เจอ ในใจพลันตึงเครียด จึงปล่อยมือของเขาลง เม้มปาก แล้วถอดเสื้อนอกของตัวเองออก เอนกายลงข้างจูเสี่ยว จากนั้นก็สวมกอดร่างน้อยของเขาเข้ามาที่อ้อมอกของตัวเองอย่างระมัดระวัง ทำให้ศีรษะของเขาพิงอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของตัวเอง แล้วพาดศีรษะของตัวเองลงบนหัวของเขา กระซิบข้างหูเขาด้วยเสียงที่เบาและอ่อนโยน “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าคือกูกูโยวเอ๋อร์เอง กูกูเคยรับปากกับเจ้าว่า รอให้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะรับเจ้าไปเที่ยวที่เมืองหลวง ตอนนี้กูกูกลับมารับเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับได้รับบาดเจ็บหนัก คงไปกับกูกูไม่ได้แล้ว กูกูเสียใจมาก เจ้ารับปากกูกูได้ไหม ว่าจะรีบหายดี…”
 
 
ขณะที่พันแผลเมื่อครู่ จูหลีก็ถือโอกาสตรวจสอบชีพจรบนข้อมือของจูเสี่ยว และพบว่าแทบจะสัมผัสไม่ได้เลย จึงรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่รอดแน่แล้ว
 
 
บัดนี้ เห็นการกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ไม่รู้ว่านางต้องการจะทำอะไร ได้แต่มองนางอย่างอึ้งๆ
 
 
ชิงหลวนเข้ามา เห็นท่าทางของนางก็ไม่เข้าใจเช่นกัน จึงยืนอึ้ง นิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนกับจูหลี
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวทำเช่นเดิมตลอด พูดที่ข้างหูของจูเสี่ยวไม่หยุด เมิ่งฉีและเซี่ยเจียงเฟิงที่รออยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจก็ได้ยินเสียงเบาๆ ของนาง จึงมองหน้ากัน ในใจก็เกิดความรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
 
 
เมิ่งฉีเม้มปาก เซี่ยเจียงเฟิงตัวสั่นเทา ทรงตัวยืนไม่ได้จนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พนักงานผู้ติดตามตกใจจนร้องออกมา “เถ้าแก่!” จากนั้นเข้ามาช่วยพยุงขึ้น เซี่ยเจียงเฟิงอ่อนปวกเปียกไปทั้งกายอย่างช่วยไม่ได้ จึงไม่มีแรงแม้แต่น้อย พนักงานออกสุดแรงก็ไม่อาจพยุงเขาขึ้นมาได้
 
 
เมิ่งฉีเข้ามาช่วย ทั้งสองคนออกแรงด้วยกัน ถึงพอจะพยุงเซี่ยเจียงเฟิงให้ลุกขึ้นยืนได้
 
 
เห็นสีหน้าที่ซีดเผือดและร่างกายที่สั่นเทิ้มของเขา เมิ่งฉีถามด้วยความเป็นห่วง “คุณชายเซี่ย ให้ข้าช่วยพยุงท่านไปนั่งในห้องสักครู่หนึ่งไหมขอรับ”
 
 
เซี่ยเจียงเฟิงส่ายหน้า พยายามฝืนตัวเองให้ยืนตรง “ขอบคุณคุณชายเมิ่ง ไม่เป็นไรขอรับ”
 
 
เมิ่งฉีรู้ว่าเขาเป็นห่วงจางลี่สองแม่ลูก จึงไม่ได้คาดคั้นเขา แล้วสั่งสาวใช้ “ไปยกเก้าอี้มาสองตัว!”
 
 
สาวใช้สองคนรับคำ แล้วไปยกเก้าอี้มาอย่างรวดเร็ว เมิ่งฉีนั่งเป็นเพื่อนเซี่ยเจียงเฟิงอยู่ภายในเรือนที่อากาศหนาวเหน็บ
 
 
ทว่า ภายในใจของเซี่ยเจียงเฟิงเย็นยะเยือกยิ่งกว่าลมหนาวนี้เสียอีก
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงทำท่าเดิม ร่ำพูดไม่หยุด ถึงสิ่งที่พบเห็นในเมืองหลวง เรื่องน่าสนใจที่เจอในเมืองหลวง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่เขากับเส้าเอ๋อร์เล่นด้วยกัน พูดถึงจ้าวเอ๋อที่ซื้อหน้ากากไว้ให้เขา และพูดถึงที่นางได้รับปากเส้าเอ๋อร์ว่าจะพาเขาไปที่เมืองหลวงหลังจากตรุษจีน จากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “อีกไม่นานก็จะถึงวันตรุษจีนแล้ว ถ้าเสี่ยวเอ๋อร์ยังไม่ตื่นอีกล่ะก็ กูกูจะทิ้งเจ้าไว้ แล้วพาแต่พี่เส้าเอ๋อร์ไป…”
 
 
ครั้นเมิ่งเชี่ยนโยวพูดถึงตรงนี้ จูหลีตาไว เห็นว่ามือเล็กๆ ของจูเสี่ยวขยับเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่มีการเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ พลันร้องตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจปนดีใจ “นายหญิง นิ้วของคุณชายน้อยขยับแล้วเจ้าค่ะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดพูดโดยพลัน รีบคว้ามือมาตรวจชีพจรของจูเสี่ยวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะอ่อนมาก แต่ในที่สุดก็สัมผัสถึงการเต้นของชีพจรได้ เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา ก้มศีรษะลงไปหอมแก้มเล็กๆ ของจูเสี่ยว และพูดทั้งที่มีน้ำตาชื้นอยู่เล็กน้อยบนนัยน์ตา “เสี่ยวเอ๋อร์ กูกูรู้ว่าเจ้ายอดเยี่ยมที่สุด กูกูสัญญาแล้ว รอให้แผลของเจ้าหายดีเมื่อไร กูกูจะพาเจ้าไปเมืองหลวงอย่างแน่นอน แล้วซื้อของเล่นสนุกๆ มากมายให้เจ้า พาเจ้าไปเที่ยวเล่นในที่สนุกๆ ทั่วเมืองหลวงเลย”
 
 
มือน้อยๆ ของจูเสี่ยวขยับอีกครั้ง ครานี้ไม่เพียงแต่ชิงหลวน แม้แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกได้ ขณะที่ถอนหายใจโล่งอก น้ำตาในตาก็ไหลรินออกมา ในครั้งนี้ตระกูลจูประสบกับความยากลำบากอย่างหนัก สาเหตุเกือบทั้งหมดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับนาง ถ้าหากไม่อาจยื้อชีวิตของจูเสี่ยวกลับมาได้ จางลี่ต้องหมดความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นแน่ เช่นนั้นจูหลานและพ่อแม่ของเขา…หากตระกูลจูต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะเหตุนี้ เช่นนั้น ชีวิตนี้ของนางจะไม่อาจสงบสุขได้อีกต่อไป ยังดี ยังดีนัก จูเสี่ยวฮึดสู้ เพียงแค่เขามีชีวิตอยู่ และโค่นล้มตระกูลเฉียวและผู้ว่าการเขตได้เมื่อไร ตระกูลจูถึงจะยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง”
 
 
นึกถึงตระกูลเฉียว นัยน์ตาของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ฉายไอสังหารขึ้นโดยฉับพลัน
 
 
ชิงหลวนและจูหลีมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกคาดเดาไม่ได้ คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่านายหญิงช่วยชีวิตเด็กคนนี้ได้อย่างไร
 
 
และยังคงทำท่าทางเช่นเดิมอีกครั้ง นอนกอดจูเสี่ยวอยู่บนเตียงร้อน จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจออกที่อ่อนแรง และไออุ่นๆ ที่พ่นออกมาปะทะเข้ากับหน้าอกของตัวเอง ถึงจะทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจโล่งอกได้อย่างแท้จริง จึงลุกขึ้น แล้วดันร่างเล็กๆ ของเขาย้ายไปที่ข้างกายของจางลี่เบาๆ พร้อมวางแขนของจางลี่ลงบนร่างเล็กๆ ของจูเสี่ยว ทำให้พวกเขาสองแม่ลูกได้รู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้านวมให้อย่างดี ลงจากเตียงร้อน เดินออกนอกประตู
 
 
ได้ยินเสียงร้องตกใจของจูหลี เซี่ยเจียงเฟิงและเมิ่งฉีลุกขึ้นยืนโดยพลัน นัยน์ตาส่องทะลุประกายแห่งความตกใจปนยินดี มองที่หน้าประตูตาไม่กระพริบ เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
 
 
เซี่ยเจียงเฟิงถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “สองแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง”
 
 
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวถมึงทึง ริมฝีปากบึ้งตึง
 
 
ในใจของเซี่ยเจียงเฟิงก็ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง แสงแห่งความหวังในดวงตาค่อยๆ มลายหายไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นด้วยเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง “สภาพไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าจะเป็นแผลที่บาดเจ็บนอกกายทั้งสิ้น แต่อาการสาหัสเกินไป จะฟื้นหรือไม่นั้น ข้าก็ไม่อาจมั่นใจได้”
 
 
ไม่มีการบาดเจ็บภายใน มีแต่เพียงบาดเจ็บภายนอก นั่นก็หมายความว่า หากเพียงแค่ได้รับการรักษาและฟื้นฟูเป็นอย่างดี ก็จะสามารถกลับมาแข็งแรงได้ เซี่ยเจียงเฟิงมองเห็นความหวังอีกครั้ง จึงพูดด้วยเสียงที่รีบร้อน “ใช้ยารักษาที่ดีที่สุด จำนวนเงินมากน้อยเท่าไรก็ไม่เกี่ยง เจ้าบอกมาได้เลย ข้าจะส่งคนไปซื้อบัดเดี๋ยวนี้”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะ “สองแม่ลูกในตอนนี้อยู่ในสภาวะที่ไร้สติ จางลี่ยังดีหน่อย ยังยืนหยัดลมหายใจได้อยู่ แต่เสี่ยวเอ๋อร์นั้น บอกได้ยาก เขายังเด็กมาก แล้วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยแผลมากมาย หากตัวร้อนขึ้นมา ผลลัพธ์ต่อจากนี้ก็ไม่อาจจะคิดได้อีก”
 
 
“เช่นนั้นทำอย่างไรเล่า มีวิธีอันใดที่ป้องกันไม่ให้พวกเขาตัวร้อนหรือไม่”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไม่มี ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงแค่รอ รอดูว่าพวกเขาจะตัวร้อน หรือว่าพวกเขาจะฟื้นขึ้นเท่านั้น”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset