ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 187-1 ทำตัวประหนึ่งเป็นโจร

ในที่สุดเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ว่าทำไมวันนี้เขาถึงผิดแปลกไป จึงหอบหายใจสองสามครั้ง ยิ้มพลางอธิบายอย่างไม่แยแสว่า “ตอนนั้นเหตุการณ์มันฉุกละหุก จูหลานถูกข่มขู่ ข้าไม่มีทางเลือกจึงต้องทำเช่นนั้น อีกอย่าง หลังจากที่ข้าเข้าไปแล้ว คุณชายเซี่ยและคุณชายอันก็ยืนขวางข้างหน้า สองนายนั้นร่างสูงใหญ่ ข้ามองไม่เห็นอะไรหรอก”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เชื่อ ปอกลอกนาง “เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนไม่รู้วิชา หากพวกเขาขวางอยู่ข้างหน้าเจ้า แล้วเจ้าจับเฉียวหมิ่นได้อย่างไร”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกระพริบตาปริบ ไม่ได้พูดอะไร
 
 
สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนมืดครึ้ม มืดกว่าความมืดในห้อง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดรู้สึกไม่ดีขึ้นมา รีบอธิบายว่า “ตอนนั้นข้าสนแค่ช่วยคน ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยจริงๆ อีกอย่างนะ ทั้งตัวจูหลานมีแต่ร่องรอยบาดแผล ไม่มีอะไรน่ามองเลย”
 
 
ท่าทางและประโยคแรกของนางทำให้สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนกลับมาเป็นปกติเล็กน้อย แต่เมื่อถึงประโยคหลัง ไม่เพียงสีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเท่านั้น แม้แต่นัยน์ตาก็ปรากฏแววดุร้าย
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็รู้สึกว่าประโยคหลังที่ตนพูดนั้นฆ่าตัวตายชัดๆ จึงรีบคว้าเสื้อเขาไว้ จนหน้าเขาประชิดกับตนมากขึ้น เพื่อให้เขาเห็นนัยน์ตาที่สัตย์ซื่อของตนได้ชัดเจน แล้วจึงยกมือขึ้นสาบานว่า “ข้าสาบาน ข้าพูดจริงทุกประการ ข้ามิได้ตั้งใจดูจูหลานจริงๆ…” ยังพูดไม่ทันจบ หวงฝู่อี้เซวียนพลันลุกขึ้น
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวสะดุ้งโหยง พูดเสียงสูงว่า “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือไปที่กระดุมเสื้อของตน
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ รีบลงมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว กดมือเขาไว้ เบิ่งตาโต ถามว่า “เจ้าจะทำอะไรกันแน่”
 
 
“เจ้าว่าล่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนถามกลับด้วยเสียงหอบหนัก
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดไปไกล คิดว่าเขาจะทำอะไรนาง จึงห้ามเขา “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าก่อนแต่งจะไม่ทำอะไรเกินเลย”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดขยับ จ้องนางครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มที่ทั้งน่าเอ็นดูแต่ก็ประหลาดใจในคราเดียวกัน เขยิบเข้าไปใกล้นาง ลมหายใจร้อนผ่าวคลอเคลียไปทั่วใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว พูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวนว่า “ที่แท้โยวเอ๋อร์อดใจไม่ไหวแล้วหรือ คืนนี้ข้าจะทำให้ความฝันของเจ้าเป็นจริงเองดีไหม”
 
 
จริงๆ แล้วในบรรยากาศเช่นนี้ ควรสร้างความหวานฉ่ำลึกซึ้ง แต่เมื่อบริบทคือสีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว กลับทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวเสียวสันหลังวาบ เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกขี้ขลาด จนเขยิบตัวไปแนบหลังเตียง พูดตะกุกตะกักว่า “เจ้า เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ที่นี่คือบ้านข้านะ ถ้าท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รองรู้เรื่องเข้า เจ้าจะถูกเฆี่ยนสามวันสามคืนจนเดินไม่ได้นะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นตัวใกล้เข้าไปอีก ถามว่า “ถ้าข้าบอกว่าเจ้าเห็นร่างเปลือยของจูหลานแล้ว เจ้าว่าพวกเขาจะคิดเช่นไรนะ”
 
 
ก็จะทำเอาพวกเขาโกรธจนป่วยลงจากเตียงไม่ได้น่ะสิ แน่นอนว่าเมิ่งเชี่ยนโยวคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา นางผู้มีคู่หมั้นหมายแล้ว แต่กลับเห็นร่างเปลือยของชายอื่น หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป อย่าว่าแต่คนในบ้านตนเลย แม้แต่คนในหมู่บ้านก็จะมองนางด้วยสายตาไม่ดี อีกทั้งจางลี่ก็ยังพักฟื้นอยู่บ้านตน หากนางได้ยินเรื่องนี้ นางคง… เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าคิดต่อ ปริปากพูดอย่างยอมแพ้ว่า “เจ้าจะเอายังไง”
 
 
เมื่อเห็นนางทำตัวเหมือนหญิงผู้กระทำผิด ลึกๆ ในใจหวงฝู่อี้เซวียนพลันเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา แต่เขาอดกลั้นความบุ่มบ่ามในใจไว้ แสร้งทำหน้านิ่ง ชูสองนิ้วขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “มีสองทางเลือก หนึ่งคือ เจ้ามองข้า สอง เจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจข้า เจ้าเลือกข้อไหน”
 
 
“มีข้อสามไหม” เมิ่งเชี่ยนโยวถามเสียงอ่อน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเกือบหัวเราะพุ่งออกมา เม้มปากไม่กล้าพูดอะไร แล้วส่ายหน้า
 
 
“แล้วคือเจ้าจะไม่ใส่เสื้อสักตัวเลยหรือ” นางถามเสียงอ่อนอีกครั้ง
 
 
“เจ้าว่าล่ะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยายามต่อรอง “เหลือกางเกงชั้นในไว้สักตัวได้ไหม”
 
 
“จูหลานใส่หรือ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหึง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไร
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ ลุกขึ้น ค่อยๆ ปลดกระดุมออกอย่างช้าๆ
 
 
เมื่อเห็นเรือนร่างอันน่าหลงใหลของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวกลืนน้ำลายไปสองสามอึก มองด้วยความละโมบอยู่นาน แล้วจึงถามขึ้นเสียงเบาว่า “เจ้าไม่หนาวหรือ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่คิดว่านางจะถามประโยคนี้ขึ้นมา พลันโผล่งหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เอนตัวลงไปใกล้นาง เพื่อให้นางเห็นเรือนร่างตนชัดเจนยิ่งขึ้น ถามว่า “ของข้าหรือว่าของเขาดีกว่า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนถูกสะกดด้วยความพิศวาส ในหัวพลันขาวโพลน เมื่อได้ยินเขาถาม ก็เงยหน้าขึ้นถามอย่างว่างเปล่าว่า “อะ อะไรนะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเงยหน้ามองนาง เห็นท่าทางเขินอายของเมิ่งเชี่ยนโยว ในใจก็อ่อนระทวย เรียกเสียงนุ่มนวล “โยวเอ๋อร์”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับเบาๆ น้ำเสียงอย่างคนหมดหนทางและไม่สบายใจ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนก้มหน้าลง พูดเสียงเบาข้างหูนางว่า “ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
 
 
ร่างที่แข็งเกร็งของเมิ่งเชี่ยนโยวค่อยผ่อนคลาย ตอบเบาๆ “อืม”
 
 
ข้างในหวงฝู่อี้เซวียนร้อนรุ่ม พูดสาบานเสียงต่ำข้างหูนางว่า “โยวเอ๋อร์ ชาตินี้เจ้าอย่าคิดจากข้าไปแม้เพียงครึ่งก้าว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนลูบหัวนาง น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็แผงไปด้วยความดุร้าย “พักผ่อนเถอะ ครั้งนี้ปล่อยเจ้าไปก่อน ถ้ามีครั้งหน้าอีก เจ้ารู้แล้วนะว่าจะเป็นอย่างไร”
 
 
ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว จะมีครั้งต่อไปอีกได้อย่างไร เมิ่งเชี่ยนโยวพึมพำเสียงเบาในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา หลับตาลงอย่างว่าง่าย ตอนแรกคิดว่าตนจะนอนไม่หลับ แต่ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งก็ผล็อยหลับไป
 
 
เมื่อเห็นนางหลับไป หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกได้ว่าความร้อนรุ่มในกายของตนยังไม่ลดลง ได้แต่ยิ้มแห้งๆ จริงๆ แล้วจะลงโทษนาง แต่สุดท้ายกลับโดนตัวเอง เขาหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ จนผ่านไปสิบห้านาที ความร้อนรุ่มจึงทุเลาลงบ้าง เขาตะแคงข้าง มองนางยามหลับใหลอย่างรักใคร่เอ็นดู ยื่นมือไปพร้อมผ้าห่มและกอดนางไว้ เขาโอบและหลับไปพร้อมนางอย่างอิ่มเอมใจ
 
 
ทั้งสองหลับสบายมาก เมื่อลืมตาขึ้นแสงอาทิตย์ก็ส่องสว่างมากแล้ว
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือขวางนางไว้ “ไม่ต้องรีบหรอก ท่านพ่อท่านแม่รู้ว่าข้าเหนื่อย ไม่มาเรียกข้าเช้าแบบนี้แน่ๆ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ แต่ก็ยังพยายามลุกขึ้นจากเตียง พูดว่า “ก็ไม่ได้อยู่ดี ยามนี้ทุกคนในบ้านตื่นกันหมดแล้ว หากเห็นว่าข้าเดินออกมาจากเรือนเจ้า ก็จะคิดกันไปไกลอยู่ดี”
 
 
เหมือนว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว พูดว่า “ทหารองครักษ์และเหวินเปียวต่างรู้ความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้า พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยหรอก หากท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่เห็น เจ้าก็แค่บอกว่าเจ้าตื่นเช้ามาฝึกวิชาเสร็จก็มาที่เรือนข้า ไม่มีใครสงสัยหรอก”
 
 
เมื่อได้ยินดังนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวคิดแล้วก็ว่าตามนั้น จึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มต่อ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนโอบนาง ให้นางมองมาที่เขา พูดขึ้นว่า “ข้าจะอยู่บ้านอีกสองสามวัน ถึงตอนนั้นเจ้ากลับไปกับข้าเถอะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบตกลง “ไปเมืองหลวงครั้งนี้ ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ ข้ายังไม่อยากรีบกลับไป อย่างน้อยต้องรอให้ผ่านวันจับโหงวไปก่อน หากเจ้าไม่มีเวลา อยู่ก่อนสองสามวันแล้วกลับไปก่อนเถอะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนคิดอยู่ครู่นึงแล้วพูดขึ้นว่า “หากหลงเว่ยจัดการทุกอย่างเรียบร้อย วันนี้ก็จะได้รับคำสารภาพผิดจากหวังเต๋อเซิ่ง หากกลับไปเร็วหน่อย ก็จะได้นำหลักฐานรายงานต่อฮ่องเต้เร็วหน่อย หากปล่อยให้ผ่านไปนาน ข้ากลัวว่าเวลายิ่งยืดเยื้อ อุปสรรคจะยิ่งมีมาก จะเป็นการเสียประโยชน์กับเราต่อเรื่องเฮ่อจางเสียเปล่า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้เจ้าอยู่อีกคืน พรุ่งนี้เริ่มออกเดินทางกลับไปเถอะ หากกำลังคนไม่พอ ทหารองครักษ์บางส่วนโยกไปให้เจ้าก็ได้ ต่อไปก็ให้พวกเขาประจำที่เมืองหลวงไปเลย ไม่ต้องกลับมาแล้ว”
 
 
“ไม่ต้องหรอก หลงเว่ยของฮ่องเต้หนึ่งสู้ร้อยได้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร ให้ทหารองครักษ์อยู่กับเจ้าเถอะ ส่วนรั่วหลานที่เจ้าพูดถึง ข้าจะสั่งให้หลงเว่ยนำตัวกลับไป”
 
 
“พ่อแม่ของรั่วหลานถูกคนของหวังเต๋อเซิ่งจับตัวไป เพื่อไว้ข่มขู่นาง ข้าส่งกัวเฟยพาคนไปช่วยออกมาแล้ว วันนี้ข้าจะจัดแจงให้พวกเขาได้พบหน้ากัน จะได้ให้นางยอมไปเป็นพยานหลักฐานที่เมืองหลวงด้วย”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ได้เลย!”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset