ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 205-1 แก้แค้น

“ท่านผู้เฒ่า ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ทุกคนไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เรื่องบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พวกเราจะต้องรับผิดชอบ” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
 
 
“ซื่อจื่อช่างมีเมตตา ครั้งก่อนที่ท่านและแม่นางเมิ่งจะออกเดินทาง พวกเราชาวบ้านหลินเฉิงก็อยากมาส่ง คิดไม่ถึงว่าพวกท่านจะออกไปแล้ว ครั้งนี้พวกเรากลัวว่าพวกท่านจะเร่งรุดเดินทางอีก พอเที่ยงคืนพวกเราก็เริ่มมารอกันตรงนี้ เพื่อที่จะมาส่งผู้มีพระคุณของพวกเรา” ผู้อาวุโสพูด
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนประสานมือขอบคุณ พูดเสียงดังว่า “ขอบคุณมาก ความรักและความห่วงใยของพวกท่าน ข้าและโยวเอ๋อร์จะจดจำไว้”
 
 
ผู้อาวุโสพูดอีกว่า “ซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ ซื่อจื่อและแม่นางเมิ่งมีบุญคุณต่อพวกเรามาก พวกเราไม่ได้มีข้าวของมามอบให้พวกท่านในวันนี้ มีเพียงใจที่เคารพรักท่านทั้งสอง”
 
 
ผู้คนด้านหลังต่างพากันคล้อยตาม สถานการณ์เสียการควบคุมไปชั่วขณะ
 
 
กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น จางเจ๋อหวยจึงพูดเสียงดังขึ้นมาทันที “ทุกท่าน เมืองหลวงอยู่ไกล พวกเราอย่าทำให้ซื่อจื่อและแม่นางเมิ่งเสียเวลาการเดินทางเลย หลบทางให้พวกเขาผ่านไปเถอะ”
 
 
พอได้ยินคำพูดนั้น คนที่ล้อมอยู่ด้านหน้าหลบทางให้ คนด้านหลังถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็หลบทางให้
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนจูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกนอกประตูเมืองไปแล้ว ถึงจะหันกลับมาประสานมือขอบคุณผู้คนแล้วพูดว่า “ทุกคนกลับบ้านไปเถิด รอให้ถึงช่วงเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง พวกเราจะกลับมาอีก”
 
 
กัวเฟยนำรถม้ามาอยู่ตรงหน้าของทั้งสอง
 
 
ท่ามกลางเสียงบอกลาของผู้คน ทั้งสองขึ้นรถม้ามุ่งไปยังเมืองหลวง
 
 
จางเจ๋อหวยและผู้คนทั้งหมดมองตามหลังพวกเขาจนมองไม่เห็นเงารถมาแล้ว ถึงกลับเข้าเมือง
 
 
สามวันต่อมา เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนไปรายงานผลการปฏิบัติงานต่อฮ่องเต้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับไปพักผ่อนที่จวนในหนานเฉิง
 
 
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินว่ามันฝรั่งปลูกเสร็จแล้ว สามเดือนผ่านไปก็เก็บเกี่ยวได้ ฮ่องเต้ดีพระทัยมากตรัสว่า “เซวียนเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว กลับจวนไปพักผ่อนเถอะ ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ลุงคงไม่สั่งให้เจ้าทำงานอะไรแล้ว”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวขอบคุณแล้วกลับจวน
 
 
พระชายาฉีเห็นเขากลับมาก็ดีใจ สั่งให้ห้องครัวทำอาหารอร่อยๆ มากมาย นั่งดูเขากินอยู่ข้างๆ “วันแต่งงานของเจ้ากับโยวเอ๋อร์ได้กำหนดขึ้นแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำอะไร ก็เริ่มเตรียมงานเถอะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าอย่างดีใจ “ขอรับเสด็จแม่”
 
 
พักไปหนึ่งวันเต็มๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไปสำรวจพื้นที่หนึ่งพันห้าร้อยหมู่ด้านนอกเป่ยเฉิง เพราะว่าเป็นพื้นที่นอกเป่ยเฉิง เนื้อดินไม่สมบูรณ์นัก ไม่ถือว่าเป็นนาที่ดี แต่ก็ดีกว่าผืนนาที่แห้งแล้งเล็กน้อย ยังต้องใช้คนจำนวนมากมาบุกเบิกที่ดินปรับที่ดินให้เรียบเพื่อทำการเพาะปลูก
 
 
นางตัดสินใจลงมืออย่างรวดเร็ว กลับไปหาเปาชิงเหอในเมือง บอกเขาว่านางจะจ้างคนปรับที่ดินหนึ่งพันห้าร้อยหมู่นั้นให้เรียบ
 
 
เปาชิงเหอดีใจมาก รีบสั่งคนให้ไปแปะประกาศ บอกผู้คนว่ารับคนงานอายุต่ำสุดสิบห้าปี อายุสูงสุดถึงห้าสิบปี ขอเพียงร่างกายแข็งแรง ไม่ว่าจะชายหญิง คนแก่หรือเด็ก ก็ล้วนมาสมัครได้
 
 
ครั้งนี้ชาวเป่ยเฉิงดูคึกคักจริงๆ มาสมัครกันเกือบทุกบ้าน ต่อแถวยาวเป็นสิบกว่าแถวหน้าประตูศาลาว่าการอย่างเป็นระเบียบด้วยความดีใจเพื่อรอสมัคร
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งงานที่พวกเขาต้องทำ ยิ้มแล้วพูดกับผู้บัญชาการโต้วว่า “ครั้งนี้ข้ารับสมัครคนงานจำนวนมาก เกรงว่าจะควบคุมยาก ข้าอยากจะปรึกษากับผู้บัญชาการโต้วหน่อย ท่านสามารถส่งคนไปควบคุมได้หรือไม่ ส่วนค่าจ้าง เนื่องจากอยู่นอกเมือง ระยะทางห่างจากในเมืองค่อนข้างไกล เหล่าทหารเดินทางไปกลับค่อนข้างลำบาก ให้ค่าจ้างวันละหนึ่งร้อยอีแปะ ยังเพิ่มมื้อกลางวันให้อีกหนึ่งมื้อ”
 
 
นี่ถือเป็นเรื่องดีจากสวรรค์ ถึงแม้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ให้ค่าจ้าง ผู้บัญชาการโต้วก็ต้องส่งคนไปอยู่แล้ว
 
 
ทหารที่ตามมารักษาความเป็นระเบียบได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ดีใจจนตาลุกวาว รอดูผู้บัญชาการโต้ว เงินเดือนของพลทหารชั้นผู้น้อยเหล่านี้ได้รับเงินเดือนเพียงสองตำลึงเท่านั้น แต่ค่าจ้างที่เมิ่งเชี่ยนโยวให้นี้เดือนๆ หนึ่งได้ถึงสามตำลึง เยอะกว่าเงินเดือนพวกเขาอีก พวกเขาจะไม่อยากไปทำได้อย่างไร
 
 
ผู้บัญชาการโต้วก็เข้าใจเหล่าทหาร แต่ต้องมีคนอยู่เฝ้าโรงงาน ถ้าหากว่าจะทำเพราะเห็นแก่เงินค่าจ้าง แล้วนำทหารทั้งหมดไป หากโรงงานเกิดเรื่องอะไรขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนต้องเอาชีวิตเขาเป็นแน่
 
 
คิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ แบ่งทหารที่มาเป่ยเฉิงก่อนสิบคนเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วเรียงลำดับ ทุกวันต้องมีกลุ่มหนึ่งอยู่ตรวจตราโรงงาน ที่เหลือก็ออกนอกเมืองไปดูความเป็นระเบียบเรียบร้อย วันแรกเริ่มจากกลุ่มที่หนึ่ง แล้วเรียงลำดับตามหมายกลุ่มสอง กลุ่มสาม หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
 
 
เช่นนี้ยุติธรรมดี ทุกคนมีโอกาสได้ออกไปหาเงิน เหล่าทหารไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร ทุกคนต่างดีใจกันมาก
 
 
การรับสมัครคนงานที่ครึกครื้นต่อเนื่องมาสามวัน ทั้งเป่ยเฉิง ยกเว้นคนแก่และเด็กที่อายุไม่ผ่านเกณฑ์ แทบจะออกไปทำงานนอกเมืองกันทุกคน ถนนใหญ่ที่ครึกครื้นในเมื่อก่อน มาวันนี้กลับเงียบสนิท บางทีอาจมีสุนัขหรือแมวเดินผ่าน นอกจากนั้นก็ไม่มีร่องรอยอะไรแล้ว
 
 
ณ ตอนนี้ไม่มีใครดีใจไปกว่าเปาชิงเหอแล้ว ถึงอย่างไรเกือบทุกบ้านก็ไม่มีคนอยู่ ไม่มีใครก่อเรื่อง เขาก็ไม่นั่งอยู่ที่ศาลาว่าการ พาที่ปรึกษาและเหล่าข้าราชการออกนอกเมืองไปช่วยงานบุกเบิกที่ดิน
 
 
เป็นธรรมดาที่เมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่ปฏิบัติต่อเหล่าข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม เงินเดือนก็ให้เท่ากับทหารตรวจตราเมืองเหล่านั้น
 
 
และแผลที่ขาของเปาอี้ฝานก็หายดีแล้ว เพียงแต่ยังเดินกะเผลกๆ ก็มาช่วยด้วย เด็กเล็กๆ ที่ออกมานอกเมืองครั้งแรก เห็นคนมากมายกำลังทำงานด้วยกัน วิ่งเล่นไปมาในนาด้วยความดีใจ
 
 
คนที่ไม่พอใจที่สุดก็คือหยาผอ
 
 
ที่หยาผอไม่พอใจเพราะตอนนี้ไม่มีคนขายลูกชายลูกสาวให้ นางไม่มีคนใหม่ๆ เข้าไป การค้าเป็นไปอย่างยากลำบาก แย่ขึ้นทุกวัน ยืนอยู่หน้าบ้านทุกวัน มองถนนที่ไม่มีคนแล้วถอนใจยาว ตัวเองเป็นหยาผอมาทั้งชีวิต ใกล้จะแก่แล้ว ความสามารถที่ติดตัวมาก็ไม่มีประโยชน์
 
 
ยิ่งมีคนที่ไม่พอใจอีกก็คือหวงฝู่อี้เซวียน ก่อนหน้านี้ทำเพื่อให้ฮ่องเต้เห็นชอบในการแต่งงานของเขากับเมิ่งเชี่ยนโยว จึงออกไปปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง ไม่เจอหน้าเป็นเวลาครึ่งเดือนก็เป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เขาว่างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยุ่งเสียจนหน้าก็ไม่โผล่มาให้เห็น
 
 
คนในบ้าน นอกจากชิงหลวนและกัวเฟย คนที่เหลือ รวมทั้งคนงานที่ร้านแป้งมันเหล่านั้นก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้ไปนอกเมืองกันหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมิ่งอี้ ยุ่งยิ่งกว่าตอนที่อยู่ร้านแป้งมันอีก
 
 
ใช้เวลาไปทั้งหมดสิบกว่าวันเต็มๆ ถึงจะจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะว่าง
 
 
ในที่สุดหวงฝู่อี้เซวียนก็เจอตัวนาง ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด หลังจากกินข้าวเย็นที่จวนของเมิ่งเชี่ยนโยวเสร็จ ก็จูงนางเข้าห้อง จนถึงกลางวันของวันถัดมา ถึงได้ออกมาอย่างหน้าตาอิ่มเอิบ
 
 
วันแต่งงานของทั้งสองถูกกำหนดขึ้นแล้ว ชิงหลวนและจูหลีก็ไม่พูดห้ามเมิ่งเชี่ยนแล้ว พวกเขาอยากทำอะไรก็ตามใจพวกเขา
 
 
เรื่องทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น ราบรื่นเสียจนหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวลืมไปว่ายังมีคนที่คิดไม่ดีต่อพวกเขาอยู่
 
 
คืนนี้ก็เป็นปกติเหมือนเคย หวงฝู่อี้เซวียนขี้เกียจออกไปไหน หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จก็จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้อง มีคนมารายงานที่หน้าประตูอย่างรีบร้อน “นายหญิง ด้านนอกมีเด็กรับใช้ของจวนเหวินมา บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮูหยินของพวกเขาแล้ว เถ้าแก่เหวินสั่งให้เขามาเชิญให้ท่านรีบไปขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหนักใจ ระหว่างทางไปหลินเฉิง นางและเหวินซื่อเจอเหวินเอ้อร์ดักฆ่า ตอนนั้นถึงแม้ว่าเหวินซื่อจะเสื้อผ้าขาดไปบ้าง แต่ตัวคนไม่ได้เป็นอะไร ในตอนนั้นหวงฝู่อี้เซวียนยังไม่รู้เรื่องอะไร เขาก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรมาก ต่อมาก็ไปยุ่งกับเรื่องที่นาในหลินเฉิงและเป่ยเฉิง จนลืมเรื่องนี้ไปเสีย
 
 
เป็นเพราะว่าเหวินซื่อส่งยาได้ทันเวลา โรคระบาดที่หลินเฉิงถึงได้ยับยั้งไว้ทัน แต่ทำไมเฮ่อเหลี่ยนที่ถูกปลดจากตำแหน่งถึงได้ปล่อยเหวินซื่อไป อีกทั้งวันนั้นที่โดนเหวินเอ้อร์สกัดไว้ ฟังที่เขาพูดน่าจะเกี่ยวข้องกับเฮ่อเหลียน เช่นนั้น……
 
 
นางไม่กล้าคิดต่อ ในใจหนาวสั่น ออกคำสั่งทันที “จูงม้ามาให้ข้า รีบไปจวนเหวิน!”
 
 
ชิงหลวนและจูหลีขานรับแล้วรีบไปหลังจวน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงประตูจวนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
 
 
เด็กรับใช้ของจวนเหวินเห็นเมิ่งเชี่ยนโยว ทำความเคารพนางแล้วรีบพูดว่า “แม่นางเมิ่ง ฮูหยินของข้า……”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแทรกเขา “ฮูหยินของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
 
 
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบ เถ้าแก่ของพวกเราดูสีหน้าซีดเซียว กระวนกระวายใจนักขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวสงบลง “รู้แล้ว ข้าจะรีบไป”
 
 
พูดจบ ม้าถูกจูงมา ทั้งสองรีบขึ้นม้า ตีม้าให้วิ่งไปทางจวนเหวิน
 
 
ชิงหลวน จูหลีและกัวเฟยตามอยู่ข้างหลัง
 
 
ฟ้ามืดแล้ว บนทางไม่คนสัญจร ม้าของพวกเขาวิ่งเร็วขึ้น คาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเลี้ยวมาโค้งหนึ่ง ทันใดนั้นตรงหน้าก็มีคนแก่คนหนึ่งจูงมือเด็กคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า เห็นม้าสองตัววิ่งมาด้วยความเร็ว ร้องตกใจเสียงหลง อ้ากกก
 
 
คนแก่ก็อุ้มเด็กไว้ในอ้อมอก ใช้ร่างกายของตนเองบังเขาไว้
 
 
หวาดเสียวยิ่งนัก ถึงแม้ว่าจะดึงบังเ**ยนเพื่อหยุดม้าก็พุ่งชนทั้งสองคนอยู่ดี ในขณะเดียวกันหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็กระโดดลงจากหลังม้า รุดไปข้างหน้าของทั้งสองคน แล้วผลักคนแก่และเด็กไปด้านข้าง แต่ม้าที่วิ่งม้าด้วยความเร็วมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งสองคนอยากจะหลบ ก็ไม่ทันแล้ว
 
 
“นายหญิง!”
 
 
“นายหญิง!”
 
 
“นายหญิง!”
 
 
ทั้งสามคนที่ตามหลังมาติดๆ ก็ตกใจกับอุบัติเหตุนี้ ในขณะเดียวกันก็ร้องตะโกนเสียงหลง
 
 
ภายใต้ความวิตกกังวล หวงฝู่อี้เซวียนรวบรวมกำลังภายพุ่งไปทางม้า
 
 
ม้าโชคร้ายเสียแล้ว ตัวมันโอนเอียง ส่งเสียงร้อง ชนกับม้าอีกตัวที่วิ่งมาด้วยความเร็ว ม้าทั้งสองตัวชนกัน ล้มลงไปข้างๆ
 
 
กัวเฟยและอีกสองคนก็กระโดดลงมาจากหลังม้า อยากดูว่าทั้งสองได้รับบาดเจ็บหรือไม่

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset