ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 244 ตัดสินใจเอง

เป็นไปตามคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงใจ เจ็บจนนางเกือบจะร้องเสียงดังออกมา แต่นางกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ยังคงยิ้ม แล้วพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
 
 
เมื่อเห็นนางไม่ได้ร้องไห้ตีโพยตีพายเหมือนคนอื่น หมออาวุโสก็รู้สึกนับถือนาง และรีบพูดปลอบใจว่า “แม่นางเมิ่งอย่ากังวลไปเลย แค่มีลูกยาก ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ปล่อยให้ทั้งหมดเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
 
 
แม้ปากจะพูดปลอบใจ แต่ในใจนั้นรู้ดีกว่าใครว่าอาการบาดเจ็บของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นสาหัสเกินไป ชาตินี้คงไม่มีทายาทอีกต่อไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณและหวังว่าเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” พูดจบ ก็พูดกำชับว่า “เรื่องวันนี้ขอให้ท่านเก็บเป็นความลับ แม้แต่เถ้าแก่ของท่านก็อย่าบอกนะเจ้าคะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวและซื่อจื่อกำลังจะแต่งงานกันแล้ว หากข่าวลือเรื่องนางมีลูกยากแพร่ออกไป อาจจะกระทบการงานแต่งของพวกเขา ตัวเองก็อาจไม่มีชีวิตรอด หมออาวุโสย่อมรู้ผลที่ตามมาดี พยักหน้ารับปากว่า “แม่นางเมิ่งวางใจเถอะ การเก็บความลับของคนไข้เป็นสิ่งที่หมออย่างเราควรทำ เรื่องที่ไม่ควรพูดข้าจะไม่พูดแม้แต่คำเดียวแน่นอน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
 
 
หมออาวุโสโบกมือ ยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งไม่ขยับตัว มองตามแผ่นหลังของเขาที่หายวับไปจากประตู ความเจ็บปวดในใจพลันแล่นอีกครั้ง เจ็บจนนางกอดตัวเองคุดคู้อยู่บนเก้าอี้
 
 
หมออาวุโสลงมาแล้ว ชิงหลวนและจูหลีรออยู่สักพักใหญ่ ไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวลงมา นางสองคนสบตากันครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจ ชิงหลวนจึงเดินขึ้นไปเคาะประตู แล้วถามเสียงเบาว่า “นายหญิง ท่านอยู่ข้างในหรือไม่”
 
 
เสียงสงบเรียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นจากในห้อง “ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่ พวกเจ้าอย่ารบกวนข้า”
 
 
ชิงหลวนขานรับ เดินย่องลงไป
 
 
ในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งขดตัวนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สายตามองไปที่พื้นอย่างล่องลอย
 
 
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เมิ่งเชี่ยนโยวเดินลงชั้นล่างด้วยสีหน้าปกติ พยักหน้า ยิ้มส่งสัญญาณให้หมออาวุโส เดินออกจากร้านยาเต๋อเหรินภายใต้สายตาเป็นห่วงของเขา
 
 
เมื่อออกจากร้านยาเต๋อเหริน เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “อยู่เมืองหลวงมานานขนาดนี้ ยังไม่ได้เดินเล่นเลย วันนี้มีเวลาว่าง เราไปเดินเล่นกันเถอะ”
 
 
การเดินซื้อของเป็นนิสัยแต่กำเนิดของผู้หญิง ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตาม อายุของชิงหลวนและจูหลีไม่ห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยวมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจ พูดขึ้นอย่างคึกคักว่ามีอะไรน่าสนุก น่ากิน และเสื้อผ้าสวยๆ ที่ไหนบ้าง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบพวกนาง ยิ้มและพูดว่า “วันนี้มีเวลา เราไปเดินดูทั้งหมดเสียหน่อย หากพวกเจ้ามีอะไรต้องตา ก็บอกข้าเถิด”
 
 
ทั้งสองตื่นเต้นและดีใจมาก
 
 
ทั้งสามคนเดินดูของตลอดทั้งบ่าย ซื้อของที่ควรซื้อและไม่ควรซื้อมากมาย ของเต็มมือชิงหลวนและจูหลีจนพวกนางต้องหอบกลับบ้านตลอดทาง
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนที่อู้งานมารออยู่ในจวนมาหนึ่งชั่วยามแล้ว จนเขารู้สึกร้อนใจ สั่งให้คนออกไปตามหา แล้วพวกนางก็กลับมา เห็นท่าทางมีความสุขของพวกนาง หวงฝู่อี้เซวียนถามขึ้นว่า “พวกเจ้าไปไหนมา”
 
 
หลังจากชิงหลวนและจูหลีคารวะเขาแล้วก็หอบของที่ซื้อมาเดินกลับไปที่ห้องของตนอย่างมีความสุข เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วตอบว่า “วันนี้ไม่มีธุระอะไร ก็เลยพาพวกนางไปเดินซื้อของน่ะ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเดินขึ้นมาข้างหน้า จูงมือนางกลับไปในห้อง “ใกล้ถึงงานแต่งงานแล้ว เจ้าอย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเช่นนี้สิ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยมือเขา เดินไปข้างโต๊ะ รินน้ำแก้วหนึ่งให้เขา แล้วก็รินให้ตัวเองแก้วหนึ่ง กระดกน้ำในแก้วจนเกลี้ยง แล้วจึงยิ้มและพูดว่า “ก็เพราะว่าใกล้จะถึงงานแต่งแล้ว ข้าก็เลยพาพวกนางออกไปเดินเล่นน่ะ หลังแต่งงานใครจะกล้าออกไปเดินซื้อของเช่นนี้อีกเล่า คนเขาจะหัวเราะเยาะเอา”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนก็ดื่มน้ำในแก้วจนเกลี้ยงเช่นกัน แล้วพูดขึ้นว่า “หลังจากแต่งงานแล้ว แค่สถานะเจ้าเท่านั้นที่เปลี่ยนไป อย่างอื่นไม่เปลี่ยน เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ อย่าลำบากตัวเองเพียงเพราะสายตาคนอื่นเลย”
 
 
นางวางแก้วลง เดินไปหน้าเขา หัวเราะแล้วพูดว่า “เวลานี้ข้าควรซาบซึ้งจนร้องไห้หรือไม่”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนหยิกจมูกนางเบาๆ ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข “เราจะได้แต่งงานกันเสียที ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวตัวแข็งเกร็งครู่หนึ่ง แล้วรีบมุดหัวตนลงบนอกเขา ไม่ได้พูดอะไร
 
 
เสียงนายประตูดังขึ้นจากด้านนอก “นายหญิง มีจดหมายจากบ้านขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นและผละออกจากหวงฝู่อี้เซวียน กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ พูดขึ้นว่า “เข้ามาเถอะ”
 
 
นายประตูนำจดหมายเข้ามา ยื่นจดหมายให้อย่างสุภาพ แล้วจึงถอยออกไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดออก อ่านรวดเดียวจนจบ ยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อท่านแม่บอกว่าเรื่องที่บ้านจัดการเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันทั้งบ้านก็จะเดินทางมา ให้เจ้าเตรียมสินสอดให้เรียบร้อย”
 
 
“สินสอดเสด็จแม่เตรียมเรียบร้อยตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วแล้ว ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปด**บ เจ้าบอกให้พวกท่านวางใจเถอะ” หวงฝู่อี้เซวียนก็ยิ้มและตอบ
 
 
“ท่านพ่อท่านแม่ยังบอกอีกด้วยว่า ก่อนแต่งงานกันเราอย่าเจอหน้ากันบ่อยจะเป็นการดีที่สุด” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและพูดต่อ
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เชื่อ เอาจดหมายมาอ่านไปรอบหนึ่ง เป็นเช่นนั้นจริง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “มีประเพณีเช่นนี้ด้วยหรือ”
 
 
จากนั้นก็ปลอบใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไร กว่าท่านพ่อท่านแม่จะมายังมีเวลาอีกหลายวัน สองสามวันนี้ข้าจะอยู่ดูแลเจ้าอย่างดีเลย”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหัว ปล่อยให้เขาคิดเองเออเอง
 
 
แม้หวงฝู่อี้เซวียนจะพูดเช่นนี้ แต่เวลาก็กระชั้นชิดมาก เช้าตรู่วันที่สองก็ถูกคนที่พระชายาฉีส่งมาเรียกตัวกลับจวนอ๋อง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ลุกขึ้น นอนอยู่บนเตียง ยื่นมือไปลูบบริเวณที่หวงฝู่อี้เซวียนนอนไปมา
 
 
หลังจากวันนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไปบ้านของเปาชิงเหอ คุยเล่นกับฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยทั้งวัน จากนั้นก็ไปจวนเหวิน หลังจากจับชีพจรให้เฝิงจิ้งเหวินและบอกนางว่าลูกปลอดภัยดีแล้ว ถึงตอนนั้นตระเตรียมหมอตำแยไว้ให้ดีก็พอ สุดท้ายจึงไปเยี่ยมเฝิงจิ้งซู หยอกเล่นกับทารกน้อยอยู่ครู่หนึ่งที่จวนท่านแม่ทัพ
 
 
ชิงหลวนและจูหลีคอยติดตามนางตลอดเวลา ไม่ได้รู้สึกสงสัยการกระทำของนางเลย คิดว่าเป็นเพราะนางจะแต่งงานแล้ว รู้สึกตื่นเต้น จึงออกมาหาคนคุยไปทั่ว
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยุ่งอยู่อย่างนี้หลายวัน ค่อยว่างพักพาชิงหลวนและจูหลีไปร้านยาเต๋อเหริน ซื้อสมุนไพรกลับมาหนึ่งรถคันใหญ่ เริ่มลงมือทำเม็ดยาเอง
 
 
คนใช้ในจวนเห็นจนชินแล้ว ต่างเข้ามาช่วยบดยา
 
 
ชิงหลวนยิ้มแล้วถามว่า “นายหญิง ครั้งนี้ท่านจะทำยาเม็ดอะไรอีกเจ้าคะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงัก แล้วตอบว่า “รักษาแผลนอกกาย แผลใน ยาป้องกัน ครบทั้งหมด เผื่อไว้ตอนที่ข้าออกเรือนไปอยู่จวนอ๋องแล้ว ไม่มีเวลาทำ ครั้งนี้ก็เลยทำเสียทีเดียว”
 
 
คนในจวนนั้นมีมาก ทุกอย่างจึงรวดเร็ว ฟ้ายังไม่ทันมืด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำยาเม็ดทั้งหมดเสร็จแล้ว นางเงยหน้ามองท้องฟ้า พูดว่า “สองสามวันนี้อี้เซวียนไม่ได้มาเลย ข้าจะไปจวนอ๋องหาเขาหน่อย”
 
 
ชิงหลวนและจูหลีเม้มปากแอบยิ้ม ชิงหลวนพูดแหย่นาง “นายหญิง เขาว่ากันว่าคนรักไม่เจอเพียงหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม่ร่วง ท่านไม่ได้เจอนานขนาดนี้ หนึ่งวันคงนานเหมือนหนึ่งปีแล้วกระมัง”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง ขู่นางว่า “กล้าดีมาหยอกล้อข้าแล้วรึ คันปากใช่ไหม” พูดจบก็ง้างมือขึ้นทำท่าจะตีนาง
 
 
ชิงหลวนส่งเสียงแล้ววิ่งไปหลบหลังจูหลี
 
 
จูหลีกลับหลบไปอีกฝั่ง เผยให้เห็นร่างของชิงหลวน “คนไม่มีสัมมาคารวะ นายหญิง ตีนางแรงๆ เลยเจ้าค่ะ”
 
 
ชิงหลวนตื่นตกใจ ร้องเสียงดัง “จูหลี เจ้า…”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะตัวโยน
 
 
หลังจากสั่งให้คนเก็บกวาดเรือนเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็นำยาเม็ดทั้งหมดกลับไปที่ห้อง วางลงบนโต๊ะ เปิด**บที่อยู่บนหัวเตียงของตน นำโฉนดที่ดิน โฉนดบ้าน และเงินทองทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะ เขียนจดหมายสองสามฉบับ นำของเหล่านี้แบ่งวางลงบนจดหมายตามมูลค่ามากน้อย จากนั้นก็นำ**บที่หวงฝู่อี้เซวียนให้ออกมาวางบนโต๊ะ และวางจดหมายฉบับหนึ่งไว้บนนั้นเช่นกัน
 
 
นางเปิด**บเสื้อผ้า สวมเสื้อที่ตัวเองชอบที่สุด หยิบจดหมายฉบับสุดท้ายและเงินทองเล็กน้อยออกมา นำยาเม็ดสองเม็ดใส่ในกระเป๋าเสื้อ เดินออกมาสั่งชิงหลวนว่า “เราไปจวนอ๋องกัน”
 
 
ชิงหลวนขานรับแล้วไปบอกกัวเฟยให้เตรียมรถม้า จูหลีตามนางออกจากประตูใหญ่ไป
 
 
กัวเฟยคล่องแคล่วรวดเร็ว ทั้งสามขึ้นรถม้า มาถึงจวนอ๋อง
 
 
เมื่อลงจากรถม้า ก็เดินเข้าไปในจวน ตรงไปยังเรือนพระชายาฉีทันที
 
 
พระชายาฉีประหลาดใจ ยิ้มและพูดว่า “เมื่อตอนบ่ายข้ายังบอกเซวียนเอ๋อร์ให้ไปรับเจ้ามาจวนอ๋องพรุ่งนี้อยู่เลย วันนี้เจ้ามาเองเสียแล้ว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างหน้า ควงแขนนางยิ้มแล้วพูดว่า “หม่อมฉันอยู่บ้านไอจามตลอดเลยเพคะ รู้ว่าท่านคิดถึงแล้ว ก็เลยรีบมาหาท่านเพคะ”
 
 
คำพูดนี้ทำเอาพระชายาฉีดีใจแก้มปริ ตบมือนางพูดว่า “มีแต่เจ้าที่ปากหวาน ส่วนเซวียนเอ๋อร์และอวี้เอ๋อร์ ตีให้ตายเขาก็ไม่พูดอะไรเช่นนี้หรอก”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินคนใช้รายงานแล้วก็ดีใจมาก รีบตรงไปที่ห้องของพระชายาฉีทันที เมื่อเข้าไปในห้องก็ถามอย่างดีใจว่า “ทำไมวันนี้เจ้ามาล่ะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตอบอย่างไม่บ่ายเบี่ยงว่า “ไม่ได้เจอหลายวันแล้ว คิดถึงเจ้ากับพระชายาฉีน่ะ ก็เลยมาหา”
 
 
พระชายาฉียิ้มแล้วเย้าแหย่ว่า “คิดถึงเซวียนเอ๋อร์น่ะเรื่องจริง แต่คิดถึงข้าน่ะแค่บังเอิญหรือไม่”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง หวงฝู่อี้เซวียนรีบแก้ต่างให้นาง “เสด็จแม่ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว โยวเอ๋อร์รีบมาตลอดทางคงหิวแย่แล้ว”
 
 
พระชายาฉีหัวเราะคิกคัก อดกลั้นไม่แหย่เขาต่อ “มาๆ กินข้าวก็กินข้าว”
 
 
อ๋องฉีและหวงฝู่อวี้ก็อยู่ในจวนเช่นกัน พวกเขานั่งทานข้าวด้วยกัน อ๋องฉีเงียบไม่พูดอะไร หวงฝู่อวี้ก็เหมือนมีเรื่องหนักใจ พระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนชินกับสภาพเช่นนี้ของทั้งสองคนแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจพวกเขา มัวแต่คีบอาหารให้เมิ่งเชี่ยนโยว บอกให้นางกินเยอะหน่อย
 
 
อาหารมือนี้ถูกกินจนหมดภายใต้บรรยากาศแปลกประหลาดแต่ก็อบอุ่นนี้
 
 
อ๋องฉีลุกขึ้น เดินออกไป หวงฝู่อี้เซวียนรีบจูงมือนางทันที ต้องการให้ไปเรือนของตนเอง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกระซิบข้างหูเขา
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนดีใจ “จริงหรือ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือนาง เดินออกไป
 
 
เห็นท่าทางของหวงฝู่อี้เซวียน พระชายาฉีก็เดาได้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวคงจะนอนค้างคืนที่นี่ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง ยิ้มแล้วพูดว่า “เซวียนเอ๋อร์ไม่ได้เจอเจ้าหลายวัน เจ้าตามเขาไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาอยู่กับข้า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปหา ควงแขนนางอย่างอ่อนโยนพลางเดินไปที่เรือนของนาง “หม่อมฉันไม่ได้เจอท่านมาหลายวัน มีเรื่องอยากเล่าให้ท่านฟังมากมายเลยเพคะ”
 
 
ทั้งสองพูดพลางเดินไปพลาง หลิงหลงถือโคมไฟเดินตามอยู่ด้านหนึ่ง เห็นแผ่นหลังแอบอิงกันของทั้งสอง ก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่พระชายาฉีรู้สึกเสียดายมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการไม่มีลูกสาว แต่ตอนนี้ดีแล้ว เห็นท่าทางเอนกายแอบอิงของแม่นางเมิ่งและพระชายาฉีแล้ว ก็ไม่ได้ต่างจากลูกสาวคนหนึ่งเท่าไหร่
 
 
เมื่อถึงห้อง ทั้งสองนั่งบนตั่ง เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องวันก่อนที่นางกับชิงหลวนและจูหลีไปสถานที่ที่สนุกและเรื่องที่นางเห็นว่าน่าสนใจให้พระชายาฉีฟัง และพูดว่า “รอมีเวลาว่างแล้ว หม่อมฉันจะพาท่านไปเดินเล่นด้วยกันนะเพคะ”
 
 
พระชายาฉีรู้สึกแปลกใจมาก พยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “ได้ รอหลังจากพวกเจ้าแต่งงานแล้ว เราไปเดินเล่นกัน ข้าอยู่เมืองหลวงมาหลายปี ยังไม่เคยไปที่ที่พวกเจ้าบอกเลย”
 
 
ทั้งสองยิ่งคุยยิ่งสนุก จนผ่านไปหลายชั่วยาม หวงฝู่อี้เซวียนทนไม่ไหวเข้ามาเรียกตัว ทั้งสองยังไม่ทันคุยจบ เห็นสีหน้าไม่พอใจของหวงฝู่อี้เซวียน พระชายาฉีก็ยิ้มพลางดันตัวเมิ่งเชี่ยนโยว “ไปเถอะ รอพรุ่งนี้ค่อยเล่าให้ข้าฟังก็ไม่สาย”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มแล้วลุกขึ้น หลังจากกล่าวลาพระชายาฉีแล้ว ก็เดินออกจากเรือนของพระชายาฉีพร้อมหวงฝู่อี้เซวียน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนจูงมือนาง สาวเท้าไปเรือนของตนอย่างไว เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเขา “เจ้ารอสักครู่นะ”
 
 
เขาหยุดกึก หวงฝู่อี้เซวียนมองนางอย่างไม่พอใจนัก ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “มีอะไรอีก”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อใด คนในจวนมีน้อย ให้ชิงหลวนและคนที่เหลือกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้เจ้าค่อยให้คนส่งข้ากลับไป”
 
 
มันฝรั่งใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว กลัวว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เหวินเปียวและองครักษ์ลับจึงคอยดูแลอยู่ในหมู่บ้านที่เป่ยเฉิง ในบ้านตอนนี้นอกจากนายประตู แม่ครัว และสาวใช้สองสามคนแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีกเลย หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้คิดมาก พยักหน้า สั่งชิงหลวนและจูหลีที่ตามหลังอยู่ว่า “พวกเจ้ารีบกลับหนานเฉินตอนนี้เลย ดูแลจวนให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะให้โจวอันส่งโยวเอ๋อร์กลับไป”
 
 
ทั้งสองขานรับ เรียกกัวเฟย แล้วกลับไปหนานเฉิงพร้อมกัน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนรีบดึงเมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องตัวเองทันที เมื่อเข้าไปในห้อง ก็โค้งตัวลงอุ้มนางขึ้นมาวางบนเตียง ตามด้วยริมฝีปากที่ประทับลงไป
 
 
 

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset