ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 4 เที่ยวทะเลสาบ

เมิ่งเชี่ยนโยวได้แต่ส่ายหน้า   
 
 
หวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยยังดี ท่านอ๋องฉีและพระชายาแม้จะรักและเอ็นดูมากก็ตาม แต่ก็ยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควรตามใจ แต่หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์นั้นไม่ได้เลย ถ้าทั้งสองทำผิด อย่าพูดถึงลงโทษเลย ขนาดเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนเรียกคำว่า “ยาโถ่ว” ต่อหน้าพวกเขา ท่านอ๋องฉีก็ทดเอาไว้บนหัวของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว แล้วจะคิดบัญชีเขาในตอนหลัง ดังนั้น นานทีกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมีโอกาสได้อบรมสั่งสอนพวกเขา การลงโทษเลยหนักหน่อย  
 
 
ทำอะไรไม่ได้ก็คือทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าเรื่องในวันนี้จะจบแค่นี้ไม่ได้ เมิ่งเชี่ยนโยวเลยเอ่ยปาก พูดด้วยน้ำเสียงดุดันน่ากลัวว่า “กินข้าวก็ได้ เช่นนั้นข้าถามพวกเจ้าหน่อย ว่าพวกเจ้าคิดออกหรือยังว่าเหตุใดวันนี้ถึงต้องลงโทษพวกเจ้า”  
 
 
นี่เป็นสิ่งที่เด็กๆ นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เลยชะงักไป เอาแต่ส่ายหน้า   
 
 
“ที่ข้าทำโทษพวกเจ้าวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะที่พวกเจ้ามีเรื่องที่กั๋วจื่อเจี้ยน หรือเป็นเพราะพวกเจ้านำความเดือดร้อนมาสู่จวนอ๋อง แต่เป็นเพราะว่าหลังจากที่พวกเจ้าทำผิด แต่กลับไม่กล้ายอมรับต่างหาก แล้วยังเรียกท่านอาน้อยของพวกเจ้ามาออกหน้ารับแทนอีก ข้าเคยสอนพวกเจ้าเช่นนี้ด้วยรึ”  
 
 
ทุกคนก็เข้าใจโดยทันที แล้วก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ   
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดด้วยน้ำเสียงดุดันกว่าเดิม น้ำเสียงนั้นกระแทกเข้าไปในสมองของทุกคน “เกิดเป็นคนต้องซื่อสัตย์เที่ยงตรง กล้าทำกล้ารับ นี่เป็นสิ่งที่แม่ต้องการจากพวกเจ้า แล้วก็เป็นสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำให้ได้”  
 
 
ทุกคนเก็บสีหน้าดีใจ แล้วยืดอก ตอบรับว่า “รู้แล้วขอรับท่านแม่ (ท่านป้า) (พี่สะใภ้ใหญ่)  
 
 
แต่ที่ท่านอ๋องฉีสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ แต่กลับสนใจเรื่องอื่น จึงขมวดคิ้วแล้วถามหวงฝู่สือเมิ่งว่า “วันนี้พวกเจ้ามีเรื่องมางั้นรึ”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า   
 
 
“กับใคร”   
 
 
“หลิวอวี้เอ๋อร์กับหลิวเทาสองพี่น้องพวกนั้นเจ้าค่ะ”  
 
 
“เพราะอะไร”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งเม้มปาก ไม่ได้พูดออกมาโดยทันที   
 
 
แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่สนใจ เล่าเรื่องทั้งหมดว่า “ท่านปู่เจ้าคะ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้โทษพวกเราไม่ได้เจ้าค่ะ เป็นเพราะหลิวอวี้เอ๋อร์นั่นมาหาเรื่องพวกเราก่อน พวกเราทนไม่ไหวเลยลงมือเจ้าค่ะ”  
 
 
พระชายาฉีได้ยินสาเหตุ ก็พูดก่อนเลยว่า “หลิวอวี้เอ๋อร์คนนี้ ไร้การอบรม แม้จะบอกว่าจวนอู่โหวเกิดขึ้นจากการพระราชทานเพราะคุณงามความดีที่ทำมาไม่นานนี้ก็จริง แต่นี่ก็หลายปีมาแล้ว คุณหนู คุณชายในจวนก็ควรมีมารยาทได้รับการอบรมได้แล้ว เหตุใดฮูหยินจวนอู่โหวถึงไม่รู้จักสั่งสอนลูกหลานของตนเองเยี่ยงนี้”  
 
 
แต่ท่านอ๋องฉีกลับไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แล้วถามอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรว่า “เป็นอย่างไร ตีพวกเขาจนฟันหลุดเต็มพื้นเลยหรือไม่”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ”  
 
 
“ใช้ไม่ได้”   
 
 
ท่านอ๋องฉีด่าออกมาอย่างรุนแรง  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “แต่ว่า พวกเราตีจนเขาเห่าเหมือนหมาเลยเจ้าค่ะ”  
 
 
ท่านอ๋องฉีถึงยิ้มได้หน่อย ลูบเคราของตน แล้วพูดว่า “ดี สมแล้วที่เป็นลูกหลานของจวนอ๋อง ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่ว่าเรื่องอะไรที่จะต้องลงไม้ลงมือ มีปู่อยู่เสียอย่างพวกเจ้าก็ไม่ต้องกลัว”  
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน แล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ เคยเห็นแต่เอ็นดูเด็ก แต่ไม่เคยเห็นคนที่เอ็นดูขนาดนี้มาก่อน ไม่มีขอบเขตจริงๆ   
 
 
พอคิดถึงอดีต หวงฝู่อี้เซวียนก็ “หึ” ออกมาอย่างไม่พอใจนัก   
 
 
ท่านอ๋องฉีก็เข้าใจความคิดของเขาทันที จึงมองจ้องไปที่เขา แล้วพูดแซะไปว่า “หึอะไร ตอนนั้นเจ้าทำอย่างกับข้าเป็นคู่แค้นของเจ้าอย่างใดอย่างนั้น ข้ามีโอกาสเอ็นดูเจ้าหรือไง”  
 
 
เด็กๆ ก็ป้องปากหัวเราะ   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนก็หน้าแดงขึ้นมา   
 
 
พระชายาฉีก็รีบพูดปรับบรรยากาศ “เอาล่ะๆ ให้เด็กๆ ไปล้างหน้าล้างตากันก่อน แล้วไปกินข้าวกัน”  
 
 
เจียงจิ่นเดินออกมาจากห้องครัว ยิ้มแล้วพูดว่า “อาหารจานเย็นทำเสร็จแล้ว กินข้าวกันเถิดเจ้าค่ะ”  
 
 
ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีก็เดินกลับไปที่ห้องอาหาร เด็กๆ ก็กลับไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องของตน เจียงจิ่นก็สั่งให้คนยกสำรับไปที่ห้องอาหาร  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนจับมือของเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปด้านในห้อง เอาหัวซบลงไปที่ไหล่ของนาง แล้วพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “เมียจ๋า ข้าเหลือแค่เจ้าแล้ว เจ้าต้องดีกับข้านะ”  
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ส่ายหน้าหลุดขำออกมา แล้วบอกว่า “สมควร รู้อยู่แก่ใจว่าต่อกรกับเขาไม่เคยได้ แล้วยังจะไปหาเรื่องเขาอีก”  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนยืนขึ้น แล้วหรี่ตามองด้วยความสงสัย พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ขนาดคำที่ใช้เรียกก็เปลี่ยน “ฮูหยิน เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ ข้าฟังไม่ชัด”  
 
 
ร่างกายยังปวดเมื่อยไม่หาย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ใจเต้นตุบๆ แล้วถอยหลังกลับไปพูดว่า “เอ่อ ข้าได้เตรียมน้ำสะอาดเอาไว้แล้ว เจ้าไปล้างหน้าล้างตาเสีย ข้าจะไปห้องอาหารก่อน”  
 
 
พูดจบ ก็หันหลังรุดหนีออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว   
 
 
มองม่านมุกประตูที่สั่นไปมา หวงฝู่อี้เซวียนก็ยิ้มออกมา  
 
 
หลังอาหารมื้อเย็น หลังจากที่ทุกคนทำการบ้านเสร็จแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็ช่วยสอนวิทยายุทธ์ให้กับฉู่เหยา หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ย เสร็จแล้วถึงจะกลับมาที่เรือน   
 
 
เมื่ออาบน้ำเสร็จ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่กำลังนอนตาปรืออยู่ ก็ยิ้มออกมา แล้วเอาตัวทับลงไป  
 
 
วันที่สอง เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นสายอีกแล้ว บิดเอวที่ปวดเมื่อยของตนไปมา แล้วกัดฟันก่นด่าหวงฝู่อี้เซวียนในใจไปร้อยรอบ แล้วถึงจะใส่เสื้อลงจากเตียงอย่างช้าๆ   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนได้ทำข้าวเช้าเตรียมเอาให้เช่นเคย แล้วตั้งเตาอุ่นเอาไว้ในหม้อ ส่วนเด็กๆ ห้าคน ก็ไปกั๋วจื่อเจี้ยนตามเคย แล้วก็ตามคาด หลิวอวี้เอ๋อร์กับหลิวเทาไม่มา และที่คาดไม่ถึงก็คือ คนของจวนอู่โหวไม่ได้มาฟ้องร้องที่กั๋วจื่อเจี้ยน ฝ่ายปกครองก็ไม่ได้ตำหนิพวกเขา   
 
 
ทุกคนต่างงงงวย นี่ไม่ใช่ทางของหลิวอวี้เอ๋อร์เลย แต่ว่า ทุกคนไม่ได้ใส่ใจอะไร   
 
 
หลายวันผ่านไป กั๋วจื่อเจี้ยนหยุดเรียน สิบวันถึงจะได้หยุดที เด็กๆ ทั้งหลายดีใจเป็นอย่างมาก เลยวิ่งไปหาฉู่เหยาเพื่อชวนออกไปเล่นที่ทะเลสาบหยางเหอที่นอกเมือง  
 
 
อากาศอันร้อนระอุ ได้พายเรือในทะเลสาบ ความเย็นชื่นใจนั้นก็ลอยมาแต่ไกล น่าสำราญบานใจเสียยิ่งกว่าอะไร เป็นสิ่งที่ฉู่เหยาต้องการยิ่งนัก แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าปฏิเสธไปว่า “ท่านพ่อสั่งให้ข้าไปฝึกกับเขาที่ค่ายทหาร เรื่องเที่ยวข้าคงไปไม่ได้”  
 
 
ฉู่เหยาอายุสิบห้าแล้ว ถึงเวลาต้องจัดการเรื่องต่างๆ ในจวนแม่ทัพแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยให้เขาไปฝึกซ้อมที่ค่ายทหารตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วๆ เด็กๆ เลยผิดหวัง  
 
 
หวงฝู่รุ่ยคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ ตาเป็นประกายพูดออกมาว่า “ท่านอาน้อย ท่านกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ของท่าน บอกว่าพี่ใหญ่พี่รองอยากจะไปเล่นที่ทะเลสาบ ท่านเป็นห่วงเลยอยากตามไปดูแลพวกเรา ท่านพ่อท่านแม่ของท่านจะต้องอนุญาตอย่างแน่นอน”  
 
 
อย่างไรเสียก็ยังเป็นวัยเยาว์อยู่ ฉู่เหยาได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย พยักหน้า “ข้าจะกลับไปบอกท่านแม่ก่อน”  
 
 
“ถ้าหากว่าพวกท่านไม่ยินยอม ท่านก็ส่งให้คนมาส่งข่าวกับพวกเราเสียหน่อย ข้ากับท่านพี่จะไปอ้อน รับรองเลยว่าพวกท่านจะต้องอนุญาตอย่างแน่นอน” หวงฝู่เย่าเย่ว์พูดเสริม   
 
 
ฉู่เหยาก็มั่นใจขึ้น เอาแต่พยักหน้า  
 
 
และทุกคนก็นัดเวลากันเพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ แล้วแยกย้ายกลับจวนของตนเอง  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับถึงจวน ก็พุ่งเข้าไปที่ห้องของเมิ่งเชี่ยนโยวทันที กอดแขนของนางอ้อนนาง บอกว่าทุกคนอยากไปเล่นที่ทะเลสาบ   
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ห้าม จึงพยักหน้าอนุญาต บอกว่า “ต้องการอะไร แม่จะเตรียมไว้ให้ แล้วก็ ระวังตัวด้วยล่ะ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ดีใจจนกระโดดแล้วบอกว่า “ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านแม่”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่รุ่ยรวมไปถึงหวงฝู่เฮ่าดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เห็นว่าไม่ได้มีรายงานจากจวนแม่ทัพ เลยรู้ว่าฉู่เหวินเจี๋ยต้องไปด้วยแน่นอน รีบแยกย้ายกันพักผ่อน  
 
 
วันที่สอง เมิ่งเชี่ยนโยวก็เรียกตื่นแต่เช้า หลังจากที่ฝึกวิทยายุทธ์ไปครึ่งชั่วยาม กินข้าวเช้าเสร็จ ฉู่เหยาก็มา   
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวจะเตรียมของกินให้กับทั้งห้าคน เด็กๆ ก็โบกมือ บอกว่าเอาไปด้วยแล้วมันลำบาก ไม่ต้องเตรียม ในเรือเช่านั้นมีทุกสิ่งอย่าง ขอแค่เพิ่มเงินให้พวกเขาก็พอแล้ว  
 
 
เรื่องเงินเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ต้องเตรียม เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะไปเล่นที่ทะเลสาบบ พระชายาฉีได้เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แล้วมาให้พวกเขาด้วยตนเอง  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์กอดแขนของพระชายาฉี แล้วพูดประจบว่า “ท่านย่าใจดีที่สุดเลย ท่านไปกับพวกเราได้ไหมเจ้าคะ”  
 
 
พระชายาฉีโดนประจบเสียจนยิ้มแก้มปริ แล้วปฏิเสธไปว่า “วันนี้ย่าจะต้องเข้าไปหาเสด็จทวดในวังกับปู่ของเจ้า ไม่ไปกับพวกเจ้าหรอก พวกเจ้าระวังตัวด้วยล่ะ”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ตอบรับ “ท่านย่า ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ มีท่านอาคอยดูแลพวกเราอยู่”  
 
 
แล้วพระชายาฉีก็กำชับฉู่เหยากับหวงฝู่เฮ่าอยู่นาน   
 
 
เห็นพระชายาฉีให้ถุงเงินแล้วฟังที่กำชับพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้แต่ยิ้มส่ายหน้า   
 
 
ทั้งห้าคนออกมาจากจวนอ๋อง หวงฝู่เฮ่ากับฉู่เหยาขี่ม้า ส่วนที่เหลือก็นั่งรถม้า จนกระทั่งมาถึงที่ทะเลสาบหยางเหอ  
 
 
ตอนนี้สายแล้ว เป็นเวลาที่อากาศกำลังร้อนเลยทีเดียว ทั้งหมดลงจากรถม้าและรถม้าแล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ไปหาที่ร่มๆ นั่งรอ แล้วพากันเดินไปที่เรือลำใหญ่ที่เทียบท่าอยู่   
 
 
เวลานี้ คนที่มาเที่ยวเล่นต่างก็เป็นคุณชายของพวกเศรษฐีทั้งนั้น การแต่งกายของพวกเขาที่ต่างจากคนอื่น ทำให้เป็นที่น่าสนใจของทุกคนนัก ผู้คนต่างก็กวักมือเรียกพวกเขาขึ้นเรือของตนเอง  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์เงยหน้ามองขึ้นไป ก็ไปถูกใจเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง ลากมือของหวงฝู่สือเมิ่งวิ่งไปแล้วพูดว่า “พวกเราเอาลำนี้แล้วกันนะเจ้าคะ”  
 
 
ที่เหลืออีกสามคนตามมา หวงฝู่เฮ่าก็ถามราคา แล้วต่อรองกันอยู่พักใหญ่ แล้วทุกคนก็ขึ้นเรือไป  
 
 
หลังจากที่คนขับเรือตะโกนบอก เรือก็ค่อยๆ แล่นออกไปที่กลางทะเลสาบ   
 
 
ทุกคนก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเรือ ลมอ่อนพัดโชยมา น่าสำราญใจยิ่งนัก   
 
 
ผู้ดูแลเรือยกสำรับต่างๆ ขึ้นมา วางไว้ที่โต๊ะตรงกลางเรือ   
 
 
ทั้งห้าคนเข้ามานั่ง กินอาหารว่าง แล้วพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะดังออกมาไม่ขาดสาย จนทำให้เรือที่อยู่รอบข้างหันมามองพวกเขา   
 
 
แต่ทั้งห้าคนไม่ได้สนใจ พูดกันต่อไป แต่ไม่ได้สังเกต ว่าด้านหลังมีเรือลำใหญ่อีกลำหนึ่งตามมา แล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ๆ  
 
 
อยู่แต่ในกั๋วจื่อเจี้ยนทั้งวัน สำหรับหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว นอกจากวิชาขี่ม้ายิงธนูที่สนใจแล้ว วิชาที่เหลือก็น่าเบื่อสิ้นดี โดยเฉพาะเรื่องการเย็บปักถักร้อย แค่นางได้เห็นก็ปวดหัวแล้ว อย่าพูดถึงให้เรียนเลย  
 
 
วันนี้มีโอกาสดีได้ออกมาเที่ยว หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็คึกราวกับม้าดีดกะโหลก เมื่อเรือมาถึงกลางทะเลสาบ ก็อดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น แล้วเดินไปที่หัวเรือ แล้วเอามือป้องปากตะโกนออกไปเสียงดังสนั่น  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งก็ตกใจ รีบห้ามนาง “น้องรอง อย่าตะโกนเลย เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาต่างก็มองมาที่พวกเรา”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็หันกลับมาหัวเราะแล้วบอกว่า “พี่ใหญ่ นานๆ ทีพวกเราจะได้ออกมาเที่ยว ต้องสนุกสนานหน่อยสิ”  
 
 
“แต่ว่าท่านแม่บอกว่า ออกนอกบ้าน พวกเราต้องรู้จักมารยาท ถึงแม้ว่าพวกเรายังเด็ก แต่ก็ไม่ควรทำเรื่องไร้การอบรมเช่นนั้น ฟังข้าเถอะ เจ้ากลับมานั่งที่เดิมดีกว่า”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็กระโดดไปมาอยู่ที่หัวเรือ ปฏิเสธไปว่า “พี่ใหญ่ ท่านแม่เคยบอกพวกเรานี่ ว่าให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า อย่าไปถืออะไรมากเลย”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งจะโน้มน้าวต่อ ฉู่เหยาจึงหยุดนาง “นานๆ ทีเย่ว์เอ๋อร์จะดีใจขนาดนี้ เจ้าก็ตามใจนางหน่อยเถิด วันนี้พวกเราก็ไม่ได้เอาบ่าวรับใช้มา แค่พวกเราไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้การกระทำของนางหรอก”  
 
 
“ท่านอาน้อยนี่รู้ใจข้าที่สุดเลย” หวงฝู่เย่าเย่ว์พูดประจบ  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งก็จนปัญญา จึงกำชับนางว่า “งั้นเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน อย่าให้ตกลงไปล่ะ”  
 
 
“ท่านพี่วางใจเถิด ข้าจะระวังเจ้าค่ะ”  
 
 
นางยังพูดไม่ทันจบ เรือลำใหญ่ทางด้านหลังก็ชนเข้ามาอย่างแรง ตัวของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็เซไปมา ยืนนิ่งไม่ได้ตกลงไปในทะเลสาบ แล้วจมลงไปในพริบตา   
 
 
ทั้งสี่คนตกใจจนหน้าซีด ยืนขึ้นพร้อมกัน เดินไปที่หัวเรือ มองลงไปที่ทะเลสาบ แล้วตะโกนเรียก “เย่ว์เอ๋อร์!” “พี่รอง!”​  
 
 
ไม่มีเสียงตอบรับ   
 
 
ทั้งสี่คนตกใจเป็นอย่างมาก   
 
 
ฉู่เหยาก็กระโดดลงน้ำไป หวงฝู่เฮ่าก็ตามไปเช่นกัน   
 
 
หวงฝู่รุ่ยก็อยากกระโดดลงไป หวงฝู่สือเมิ่งที่หน้าซีดเซียวก็ดึงเขาเอาไว้ “น้องเล็ก เจ้าอายุยังน้อย ลงไปก็มีแต่วุ่นวายเปล่าๆ รออยู่ด้านบนเถิด”  
 
 
หวงฝู่รุ่ยเม้มปาก มองคลื่นในทะเลสาบ แล้วหันไปมองเรือลำใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ด้วยสายตาโกรธเคือง  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งมองไปที่ทะเลสาบอย่างร้อนรน   
 
 
เห็นหัวคนลอยขึ้นมา เป็นหวงฝู่เย่าเย่ว์ตะเกียกตะกายอยู่ครู่นึง แล้วจมลงไปอีก  
 
 
“น้องเล็ก!” หวงฝู่สือเมิ่งตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ   
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์ว่ายน้ำไม่เป็น แต่กลับตะกายขึ้นมาได้ แต่ท่านอากับน้องเฮ่าลงไปตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เห็นเลย หรือว่าจะเกิดเรื่องกับพวกเขางั้นหรือ  

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset