ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 8 หมาหมู่

ฮ่าฮ่าฮ่า นายท่านอู่โหวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วลำตัวก็เข้าประชิด โจมตีไปอย่างไม่ยั้ง   
 
 
อ๋องฉีสายตาพร่ามัว แม้จะพยายามหลบหลีก แต่ก็ยังโดนเข้าหลายที   
 
 
“ท่านลุงเขย!” ฉู่เหยากระโดดไปหาอย่างทนไม่ได้อีก หวังจะเข้าช่วยเหลือ ทันใดนั้นก็มีเงาคนกระโดดออกมากันเขาไว้จากหน้าประตูจวนอู่โหว  
 
 
“เหยาเอ๋อร์ ถอยไป!” อ๋องฉีถูกโจมตีจนถอยไปสองสามก้าว และรอดจากเงื้อมมือของอู่โหวได้ เขาส่ายศีรษะที่มึนงงอยู่พักหนึ่ง แล้วสั่งฉู่เหยาอย่างเคร่งครัด   
 
 
ฉู่เหยารีบตอบโต้ฝั่งตรงข้าม ถือโอกาสเมื่อฝั่งตรงข้ามถอยหลัง ก็กระโดดกลับที่เดิม   
 
 
เสียงหัวเราะอย่างป่าเถื่อนของอู่โหวดังขึ้นอีกครั้ง “หวงฝู่จิ้ง ยอมแพ้เถอะ เห็นแก่เจ้าที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกับฮ่องเต้องค์ก่อน ข้าจะปล่อยเจ้าไป”  
 
 
อ๋องฉียื่นมือออกมา เช็ดเลือดตรงมุมปาก หรี่ตาลงแล้วหัวเราะอย่างปกติสุข “หลิวยง เจ้าคงไม่ได้คิดว่าสู้แค่นี้ก็ทำข้าล้มได้ เจ้าฝันกลางวันอยู่รึ”   
 
 
รอยยิ้มของอู่โหวเกร็งอยู่บนใบหน้า เขาโกรธจนคิ้วแทบจะตั้งขึ้น “หวงฝู่จิ้ง เจ้ามันก็แค่นี้แหละ หวังจะเอาเปรียบข้ารึ ยังห่างอีกเยอะ”  
 
 
“เช่นนั้นก็มาดูกัน” อ๋องฉีพูดจบ ก็จู่โจมเข้าก่อนราวกับระเบิดลง   
 
 
ทั้งสองคนสู้กันไปมาอยู่พักใหญ่ กระบวนท่าเหล่านั้นทำเอาฝุ่นตลบไปทั่ว จนทุกคนในนั้นต้องปิดปากปิดจมูกตนไว้   
 
 
เมื่อหวงฝู่อี้เซวียนมาถึง ก็เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ตรงหน้า จึงรีบลงจากม้า หรี่ตามองดูทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กัน เมื่อเห็นชัดแล้วว่ามีบาดแผลบนใบหน้าอ๋องฉี รังสีแห่งความอาฆาตแค้นก็แผ่ซ่านออกมา ทำเอาฉู่เหยาสี่คนตกใจจนใจสั่นระรัว  
 
 
ฉู่เหยาสี่คนหยุดชะงักครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เดินขึ้นไปขานเรียก   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกวาดตามองทั้งสี่คนทันที เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีร่องรอยบาดเจ็บอะไร ก็พยักหน้าเบาๆ ไม่ได้สนใจพวกเขาอีก จากนั้นก็หันไปดูทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างตั้งใจ   
 
 
ทั้งสี่คนไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วหันหน้าไปฝั่งนั้นเช่นกัน   
 
 
หน้าประตูจวนอู่โหว มีคนเห็นหวงฝู่อี้เซวียนมา ก็กัดฟันดังกรอด สายตาจ้องเขม็งไปที่เขาด้วยความแค้น ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนสัมผัสถึงสายตาคู่นั้นที่มองมาจากที่ไกลๆ เมื่อเห็นว่าคือนายน้อยอู่โหว เขาก็ยิ้มให้ด้วยความชิงชัง แล้วหันกลับไป   
 
 
นายน้อยอู่โหวโกรธจนควันออกหู หากไม่ใช่เพราะสติอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ เขาคงบุกขึ้นไปสู้กับหวงฝู่อี้เซวียนอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว   
 
 
หลังจากโดนหมัดไป ในใจอ๋องฉีก็เดือดดาล ความเร็วในการจู่โจมย่อมเร็วขึ้น   
 
 
หลังจากสู้กันพักใหญ่ อู่โหวเริ่มไม่ไหว การเคลื่อนไหวจึงเริ่มช้าลง   
 
 
อ๋องฉีถือโอกาสเล็งเป้า แล้วถีบอู่โหวเต็มแรงไปทีหนึ่งจนเขากระเด็นออกไป  
 
 
“ท่านพ่อ!”  
 
 
“นายท่าน!”  
 
 
“ท่านปู่!”  
 
 
ในขณะที่เสียงตกใจดังขึ้น ร่างของอู่โหวก็ล้มลงบนพื้นอย่างแรง จนพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย   
 
 
จากนั้นอู่โหวก็กระอักเลือด นอนแน่นิ่งกับพื้นไม่ขยับอีกเลย   
 
 
นายน้อยอู่โหวและหลิวเทารีบวิ่งไปหา และประคองเขาขึ้นมา เรียกอย่างตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”  
 
 
ครั้นอู่โหวกำลังจะเอ่ยปาก มุมปากก็มีเลือดไหลออกมาอีก   
 
 
ทุกคนตกใจ สีหน้าซีดเผือด  
 
 
อ๋องฉีหยุดการโจมตี มือไพล่หลังยืนอยู่ที่เดิม พูดอย่างราบเรียบว่า “วางใจเถอะ เขาไม่ตายง่ายๆ หรอก มากสุดก็แค่นอนบนเตียงสองเดือน”  
 
 
นายน้อยอู่โหวหันควับมาด้วยสายตาแค้นเคือง   
 
 
อ๋องฉีไม่แยแส ยังคงยืนอยู่ที่ไกลออกไป มุมปากแฝงรอยยิ้ม มองพวกเขาอย่างเหยียดหยาม   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกลับสังเกตเห็นความผิดปกติ เพราะว่ามือที่ไพล่อยู่ด้านหลังของอ๋องฉีนั้นกำลังสั่นระริกอยู่ เขาจึงรีบเดินขึ้นไป ประคองอ๋องฉีไว้ และเรียกอย่างเป็นห่วง “เสด็จพ่อ”  
 
 
อ๋องฉีมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นมือไปพาดบนไหล่เขา   
 
 
เมื่อรู้สึกถึงลำตัวที่กำลังสั่นเทาอยู่เช่นกันของเขา หวงฝู่อี้เซวียนก็อดกลั้นความโมโหในใจไว้ ขยับตัวเข้าใกล้เขามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้อ๋องฉีได้ยืนพิงตนเองเพื่อพักเหนื่อยอย่างแนบเนียน  
 
 
อู่โหวได้สติคืน ก็หายใจหอบอยู่พักหนึ่ง เขาผลักทุกคนออก ลุกขึ้นยืน กวักมือไปที่อ๋องฉีด้วยลำตัวที่โยกไปมา “หวงฝู่จิ้ง มาอีกสิ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ามาโดยไม่มีวันได้กลับอีกเลย”  
 
 
ตัวเขาสั่นจนโยกไปมาแล้ว แต่อ๋องฉีกลับไม่เป็นอะไร หากสู้กันต่อไปพวกเขาเสียเปรียบแน่ นายน้อยอู่โหวจึงรีบพูดไกล่เกลี่ย “พ่ท่านอ งานเล็กไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการใหญ่โต สู้กับพวกเขาไม่ต้องถึงมือท่านหรอก แค่คนในจวนก็เพียงพอแล้ว”  
 
 
หลังจากที่โดนถีบเข้าอย่างจังไปทีหนึ่ง อู่โหวก็หมดแรงแล้ว ที่เขาลุกขึ้นยืนพูดท้าทายอีกนั้น เป็นเพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าลูกหลานมากมายตรงนี้ มีแต่เสียศักดิ์ศรี เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถอยไปก้าวหนึ่ง “นั่นน่ะสิ วันนี้พวกเขากล้ามาหาเรื่องข้าถึงที่นี่ แสดงว่าไม่ได้เห็นจวนอู่โหวในสายตา ก็อย่าโทษกันว่าเราใช้วิธีหมาหมู่”  
 
 
อ๋องฉีได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะ ถามอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “อ๋อ หลิวยง เจ้าอยากจะเล่นหมาหมู่อย่างไรรึ”  
 
 
“หวงฝู่จิ้ง วันนี้เจ้าเป็นคนหาเรื่องเองนะ แม้วันข้างหน้าข่าวจะไปถึงฮ่องเต้ ข้าก็ไม่กลัวเจ้า…”  
 
 
“หยุดพล่ามเสียที ข้าถามว่าเจ้าจะเล่นหมาหมู่อย่างไร” อู่โหวยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกอ๋องฉีตัดบทด้วยความรำคาญทันที และจี้ถามเขา  
 
 
อู่โหวยังไม่ทันพูดอะไร  
 
 
นายน้อยอู่โหวโบกมือไปทางนอกประตู “ทหาร รวมตัวองครักษ์ประจำจวน หากใครกล้าบ่ายเบี่ยง ฆ่าสถานเดียว!”  
 
 
เพียงประโยคเดียว ง่ายๆ ได้ใจความ และไร้ซึ่งความปรานี   
 
 
เสียงคนในประตูดังขึ้น องครักษ์ประจำจวนถืออาวุธวิ่งออกมาเป็นแถวๆ ยืนสองข้างประตูด้วยรังสีอำมหิต   
 
 
นายน้อยอู่โหวยิ้มเย็นชา มองไปที่อ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียน ยื่นนิ้วชี้วางขวางไปที่คอ ส่งสัญญาณว่าตายแน่   
 
 
อ๋องฉีโมโห ครั้นจะขยับเท้า หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ข้างหลังก็ดึงเขาไว้อย่างเงียบๆ   
 
 
อ๋องฉีหันหลังกลับ จ้องเขาด้วยความโมโห   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกำลังจะเอ่ยปากพูด เสียงกีบเท้าม้าก็ดังมาจากที่ไกลออกไป  
 
 
ทุกคนเงยหน้ามองไป ยังไม่ทันมองเห็นหน้าคนบนม้า ม้าสองสามตัวก็มาถึงข้างหน้าอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียน คนบนม้าลงจากม้าอย่างคล่องแคล่ว โยนบังเ**ยนม้าลง ประสานมือขึ้น “ท่านอ๋อง”  
 
 
อ๋องฉีพยักหน้า   
 
 
สองคนนั้นหันไปที่หวงฝู่อี้เซวียน และขานเรียก “พี่เซวียน” “อาเขย”  
 
 
ทุกคนในจวนอู่โหวเพิ่งจะเห็นชัดว่าคนที่มาคือเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงที่ได้รับรางวัลทั้งบุ๋นและบู๊ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ส่วนคนที่เหลือ ทุกคนไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่เท่าที่ฟังจากการขานเรียก น่าจะเป็นคนจากบ้านตระกูลเมิ่ง   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า กำลังจะพูด เสียงกีบเท้าม้าก็ดังขึ้นจากแดนไกลมาอีก   
 
 
ทุกคนมองไปอีกครั้ง มีเพียงคนเดียวลงจากม้า คนบนม้าคือหวงฝู่อวี้   
 
 
ม้าวิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ วิ่งผ่านพวกเขาเหมือนกับว่าเขาจะไม่เห็นอ๋องฉีและคนอื่นๆ พุ่งตรงไปที่ทุกคนในจวนอู่โหว จนถึงหน้าอู่โหว อู่โหวตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว เขาดึงบังเ**ยนตะโกนว่า “ส่งหลิวเทาออกมา ไม่อย่างนั้นข้าจะปราบจวนอู่โหวให้ราบคาบ”  
 
 
เป็นแค่ลูกอนุคนหนึ่ง ยังกล้ามาร้องตะโกนอย่างไร้มารยาทต่อหน้าอู่โหว อู่โหวโกรธจนควันออกหู ผมปอยตั้งชันขึ้น เอื้อมมือไปหยิบดาบขององครักษ์ประจำจวนนายหนึ่งมา แล้วฟันดาบลงไปที่ม้าของหวงฝู่อวี้  
 
 
ม้าถูกดาบฟัน เจ็บจนร้องเสียงดัง ยกขาหน้าขึ้นสูง จนทำให้หวงฝู่อวี้ตกลงมาจากหลังอาน   
 
 
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หวงฝู่อี้เซวียนและคนอื่นๆ ไม่ทันเข้าไปห้ามไว้ ได้แต่มองดูหวงฝู่อวี้ตกลงมาจากม้า   
 
 
ทุกคนคอยเฝ้าสังเกตอย่างเป็นห่วง   
 
 
โชคดีที่ฝีมือหวงฝู่อวี้ไม่เลวนัก หลังจากหล่นลงบนพื้นแล้ว เขาก็กลิ้งตัวเพื่อไม่ให้ตนบาดเจ็บ แต่ก็ทำเอาเขาทุลักทุเลพอสมควร   
 
 
ดาบฟันไม่โดนเขา ความโกรธในใจของอู่โหวยังคงอยู่ เขาชี้ดาบขึ้นพุ่งไปทางหวงฝู่อวี้ สภาพดุร้ายเช่นนั้น หวงฝู่สือเมิ่งตกใจจนร้องเรียก “ท่านอา”  
 
 
หวงฝู่อวี้เพิ่งลุกยืนขึ้น ยังวางลำตัวไม่นิ่ง ดาบของอู่โหวก็กำลังจะเสียบโดนตัว เมื่อเห็นแล้วว่าหลบไม่ทัน ทันใดนั้นเอง หยกแขวนสี่อันก็ลอยมา จนป้องดาบอันเฉือนคมของอู่โหวไว้ทัน   
 
 
หวงฝู่อวี้ตกใจจนเหงื่อตก ถอยหลังไปสองสามก้าว   
 
 
เพล้ง!  
 
 
เพล้ง  
 
 
…  
 
 
หลังจากเสียงเล็กแหลมที่ตกลงบนพื้นดังขึ้น หยกแขวนทั้งสี่อันร่วงลงบนพื้นตามกันไปจนแตกเป็นเสี่ยงๆ   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนก็กระโดดมาเป็นกำบังอยู่ข้างหน้าหวงฝู่อวี้แล้วถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “อู่โหว นี่เจ้าคิดจะฆ่าคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้รึ”  
 
 
เสียงหยกแขวนที่ตกลงบนพื้นดึงสติของอู่โหวกลับมา เมื่อคิดถึงการกระทำเมื่อครู่ของตนเอง ก็ตกใจจนเหงื่อซึมไปทั้งตัว แต่ก็ยังแสร้งทำเหมือนไม่เป็นอะไร พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ฆ่าเขาแล้วทำไม หรือต้องให้ข้าเข้าแลกด้วยชีวิต”  
 
 
“อู่โหวพูดผิดแล้วล่ะ” น้ำเสียงเย็นชาของหวงฝู่อี้เซวียนเย็นกว่าความหนาวเย็นในฤดูหนาว “หากหวงฝู่อวี้เป็นอะไรไป ไม่เพียงเจ้าที่ต้องแลกชีวิต ทั้งจวนอู่โหวของเจ้า ข้าก็จะไม่ไว้แม้แต่ชีวิตเดียว”  
 
 
“เจ้า…” อู่โหวกำดาบในมือแน่น แต่ไม่กล้ายกขึ้นมา ด้วยสถานะของหวงฝู่อี้เซวียนที่นอกจากจะมีความสามารถรอบด้านแล้ว ฮ่องเต้ก็ยังหนุนหลังและพึ่งพิงเขามาก อู่โหวจึงไม่กล้าลงมือกับเขา   
 
 
เมื่อเห็นพ่อของตนอ้ำอึ้ง นายน้อยอู่โหวไม่ยอม เดินขึ้นมาด้วยอารมณ์เดือดพล่าน พูดว่า “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย บ้านเมืองและครอบครัวต่างก็มีกฎระเบียบวินัยให้ยึดถือปฏิบัติ วันนี้จวนอ๋องของพวกเจ้ามายุแหย่เราก่อน แม้เราจะฆ่าหวงฝู่อวี้เจ้าคนไร้ประโยชน์นี้ไปแล้วจะทำไมรึ”  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาเหมือนดูตัวร้ายในหนังตลก สายตาที่ดูถูกเขาอยู่นั้นทำให้ความโกรธในใจนายน้อยอู่โหวเดือดพล่าน   
 
 
อู่โหวก็อ่านสายตาของหวงฝู่อี้เซวียนออก เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปากพูดขึ้น ราวกับว่าไม่เห็นสีหน้าของพวกเขา เสียงไม่รีบไม่ร้อนของเขาดังขึ้นเหมือนกับค้อนที่ทุบลงกลางอกของนายน้อยอู่โหว “ถ้าข้าจำไม่ผิด เมื่อครู่นี้นายน้อยอู่โหวพูดว่าจะเล่นหมาหมู่”  
 
 
นายน้อยอู่โหวกวาดมองคนจวนอ๋องที่ยืนเรียงตัวกันอยู่ข้างอ๋องฉี และคนบ้านตระกูลเมิ่งที่น่าเกรงขาม แล้วกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่กล้าตอบ ตอนนี้คนบ้านตระกูลเมิ่งไม่ต่างจากบ้านตระกูลดีเด่นในเมืองหลวงเลย ลูกศิษย์ทุกคนมีความสามารถ คู่สมรสก็เป็นคนตระกูลชั้นสูงในวัง หากทำพวกเขาเดือดร้อนเข้า ก็เท่ากับสร้างศัตรูกับคนตระกูลชั้นสูงเกือบครึ่งเมืองหลวงเลย นายน้อยอู่โหวเข้าใจดี จึงไม่กล้าตอบอะไร   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกลับไม่ยอมปล่อยเขาไม่ง่ายๆ เรื่องตบตีกันของเด็กๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้น ตอนที่หวงฝู่เย่าเย่ว์มีปัญหากับคนอื่นในกั๋วจื่อเจี้ยน เขาไม่เคยถามและไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย เพราะต้องการให้พวกเขาแก้ไขปัญหาเอง แต่วันนี้คนจวนอู่โหวกลับลงจะมือฆ่าคน นี่เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ หากไม่สั่งสอนพวกเขา พวกเขาอาจจะคิดการอื่นในภายภาคหน้าก็ได้   
 
 
ยังไม่ทันรอให้หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปาก หวงฝู่อวี้ก็โผล่ศีรษะออกมา พูดอย่างโมโหว่า “น้ำเสียงโอ้อวดยิ่งนัก ด้วยน้ำมือองครักษ์ประจำจวนของเจ้าเนี่ยนะ ฝันกลางวันอยู่รึไง”  
 
 
อู่โหวไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวคล้ำ น่าตื่นตาตื่นใจนัก หลังจากเป่าหนวดเคราของตนสองสามที ก็พูดอย่างเกรี้ดกราดว่า “เราจะหมาหมู่แล้วพวกเจ้าจะกล้าทำอะไร”  
 
 
“ไม่กล้าทำอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนพูดเสียงกังวาน และสะท้อนกลับเข้ามาในหูของทุกคน “ก็แค่จะเหยียบให้จวนอู่โหวแบนราบ”  
 
 
“เจ้ากล้า?” เสียงโมโหของอู่โหวดังขึ้น ถือดาบขึ้นมา เตรียมท่าจะสู้ “ใครอยากเข้ามา ก็ลองดูว่าดาบของข้าจะยอมหรือไม่”  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แสยะยิ้มหนึ่งที พูดว่า “เฮ่าเอ่อร์ รุ่ยเอ๋อร์ แสดงฝีมือพวกเจ้าหน่อยซิ ข้าอยากรู้ว่าไปถึงไหนแล้ว”  
 
 
เมื่อเขาพูดจบ หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยก็ขานรับพร้อมกัน เดินสาวเข้ามาหน้าประตูจวนอู่โหวอย่างน่าเกรงขาม  
 
 
ฉู่เหยากลัวพวกเขาจะพลาดท่า จึงตามไปด้านหลัง   
 
 
คนจวนอู่โหวเห็นดังนั้น ก็เดินขึ้นหน้า ยืนกั้นหน้าประตู  
 
 
เมิ่งเส้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เดินตามมาด้วย เมิ่งเซิ่งก็ไม่ยอม เมิ่งหงและเมิ่งเย่ว์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาเดินเร็วกว่าทั้งสองคนเสียอีก   
 
 
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงยืนเฝ้านิ่งอยู่ข้างอ๋องฉี  
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกวาดตามององครักษ์จวนอู่โหว แล้วสั่งขึ้นว่า “วันนี้เราแค่จะสั่งสอนคนจวนอู่โหว ขอแค่พวกเขาล้มลงก็พอ ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หากกล้าเข้ามา ฆ่าไม่เว้น!”  
 
 
เสียงขานรับดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายเคลื่อนตัวปะทะกัน   
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องอู่โหว   
 
 
หวงฝู่อวี้ก็เดินออกมาจากข้างหลังเขา จ้องเขม็งไปที่นายน้อยอู่โหว  
 
 
ไม่มีใครกล้าขยับ บรรยากาศรอบด้านหยุดชะงักลง   
 
 
เมื่อไม่มีคำสั่งจากหวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่สือเมิ่งก็ไม่กล้าเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เดินไปข้างอ๋องฉี ขานเรียกเบาๆ ว่า “ท่านปู่!”  
 
 
อ๋องฉียื่นมือไปลูบหัวนาง “ไม่ต้องกลัว ปู่อยู่นี่”  
 
 
เสียงหัวเราะของอู่โหวดังขึ้น จากนั้นก็ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดว่า “ลุยเข้าไป ใครบาดเจ็บหรือพิการ ข้ารับผิดชอบเอง”  

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset