ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 18 ร้านมืด

นางยืนนิ่งที่เดิม คิดเล็กน้อย จากนั้นหวงฝู่เย่าเย่ว์ควบม้าเลียบไปตามถนน เดินทางไปพร้อมถามทางไปตลอดทาง  
 
 
ครึ่งชั่วยามต่อมา ก็ติดตามกองทัพทหารมาได้   
 
 
นางแอบโล่งใจ ควบม้าให้ช้าลง รักษาความเร็วให้เท่ากับกองทัพทหาร เดินทางไปพร้อมกับชื่นชมบรรยากาศข้างทางไปด้วย  
 
 
ออกจากเมืองหลวงได้ไม่ไกล บ้านเมืองสองข้างทางยังคงค่อนข้างคึกครื้น ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่นางคิดเอาไว้ คงเป็นเพราะว่าหลายปีมานี้ การปกครองทั่วถึง ประชาราษฎร์อยู่อย่างสงบสุข ในหน้าของประชาชนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม   
 
 
เมื่อเห็นกองทัพทหารเดินผ่านมา ชาวบ้านที่อยู่ข้างทางต่างพากันมาส่ง มอบขนมแปลกๆ ให้เหล่าทหาร  
 
 
แต่ฉู่เหวินเจี๋ยควบคุมทหารอย่างเข้มงวด มิได้อนุญาตให้เหล่าทหารกินของพวกนั้น ทำเพียงโบกมือขอบคุณ จากนั้นก็เดินต่อไป  
 
 
จนกระทั่งตอนเที่ยง พวกเขาพักกลางวัน ทุกคนนำธัญพืชที่พกมาขึ้นมากิน   
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงคิดได้ว่า ตนรีบออกมาจากที่พักเมื่อเช้า ไม่ได้เตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวัน เมื่อรู้สึกหิวแล้ว จึงได้ควบม้าเดินหน้าต่อไป หวังจะไปเมืองใกล้ๆ เพื่อหาอะไรกินให้อิ่มท้อง พร้อมกับรอให้เหล่าทหารออกเดินทาง แล้วจึงค่อยติดตามไปด้วย  
 
 
นางเพิ่งจะควบม้าจากไปไม่นาน มีม้านับสิบแล่นตรงเข้ามา นำขบวนด้วยหวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่สือเมิ่ง ทั้งสองรีบควบม้ามา จึงได้ตามมาทันขบวนทหารในเที่ยงของอีกวัน  
 
 
เมื่อเห็นกองทัพอยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งสองก็โล่งใจ ยกแซ่ม้าขึ้น หวดให้ม้าวิ่งเข้าไป  
 
 
กองทัพทหารเดินทางบนถนนใหญ่ บนทางนั้นมีรถม้านับไม่ถ้วนแล่นผ่านไป ในทีแรกเหล่าทหารไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งเมื่อเห็นว่าม้านับสิบแล่นตรงมายังที่พักชั่วคราวของพวกเขานั้น ทหารที่ทำการลาดตระเวนอยู่จึงได้ระวังตัว ชูอาวุธทหารในมือขึ้น ตะโกนเสียงดังว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าเข้ามาใกล้อีก”   
 
 
ทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงห้าม จึงได้ดึงเชือกที่คอม้า  
 
 
ม้าหยุดลงในระยะห่างจากทหารเพียงสามคืบ ไม่รอให้ทหารเปิดปากถาม หวงฝู่สือเมิ่งก็พูดขึ้นมาก่อน “ข้าเป็นท่านหญิงน้อยแห่งจวนอ๋องฉี มีเรื่องด่วนจะขอพบท่านแม่ทัพ รบกวนท่านไปแจ้งด้วย”  
 
 
ทหารไม่ขยับ มองพิจารณาพวกเขาเล็กน้อย ทั้งสองแต่งตัวเหมือนพวกผู้ดีจริงๆ ในใจจึงเกิดความสงสัย  
 
 
หวงฝู่เฮ่าหยิบป้ายประจำตัวขึ้นมา แกว่งไปแกว่งมาหน้าทหารผู้นั้น ให้เขามองสัญลักษณ์บนนั้นให้ชัด จากนั้นก็สั่งเสียงทุ้มว่า “รีบไปเสียสิ!”  
 
 
ทหารไม่กล้ารีรอ รีบวิ่งไปรายงานทันที  
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยละเมิ่งชิงกำลังกินอาหาร พร้อมกับเปิดดูแผนที่ชายแดนเพื่อวางแผนการโจมตีศัตรูกันอยู่ เมื่อได้ยินรายงานจากทหาร จึงได้ชะงักเล็กน้อย ถามย้ำว่า “เจ้าบอกว่าท่านหญิงน้อยของจวนอ๋องงั้นหรือ”  
 
 
“ขอรับท่านแม่ทัพ”  
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งชิงมองหน้ากัน จากนั้นก็วางสิ่งในมือลงพร้อมกัน เดินเข้ามา เมื่อเห็นชัดแต่ไกลกว่าเป็นหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าแล้วนั้น ก็ใจหายทันที  
 
 
เมิ่งชิงสาวเท้าเร็วขึ้น   
 
 
เมื่อหวงฝู่สือเมิ่งเห็นพวกเขา ก็ได้ปล่อยม้า เดินเข้ามาหา “ท่านปู่ ท่านน้าเจ้าคะ”  
 
 
“เมิ่งเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไรกัน เกิดเรื่องขึ้นในจวนงั้นหรือ”  
 
 
“เย่ว์เอ๋อร์แอบหนีออกมาเจ้าค่ะ บอกว่าจะติดตามกองทัพทหารไปยังชายแดน ท่านแม่และท่านพ่อไม่วางใจ จึงได้ให้ข้าและเฮ่าเอ๋อร์มาคุ้มกันนาง ข้าอยากถามว่า เย่ว์เอ๋อร์ได้มาหาท่านที่กองทัพหรือไม่”  
 
 
สิ้นเสียงนาง ฉู่เหวินเจี๋ยโกรธขึ้นมาทันที “เด็กคนนี้นี่ ทำเรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่ พวกเราจะไปรบกันที่ชายแดน ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่น นางเป็นเด็กผู้หญิงตัวคนเดียวจะติดตามไปได้อย่างไรกัน”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่ง และหวงฝู่เฮ่าไม่กล้าพูด แต่ฟังจากน้ำเสียงของพวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ได้มาหาพวกเขา  
 
 
เมิ่งชิงขมวดคิ้ว พูดด้วยความเป็นกังวลว่า “เย่ว์เอ๋อร์ไม่ได้มาที่นี่ คิดว่าคงกลัวว่าหากพวกเรารู้เข้าจะจับนางส่งคืน”  
 
 
สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งเผยความร้อนใจออกมา ระหว่างทางที่มากับหวงฝู่สือเฮ่า พวกนางก็ถามมาตลอดทาง ว่าเคยเห็นเด็กผู้หญิงขี่มาผ่านมาบ้างหรือไม่ แต่ทุกคนต่างส่ายหน้า บอกว่าไม่เคยเห็น ใจของพวกเขากังวลมาตลอดทาง เมื่อได้ยินเมิ่งชิงพูดเช่นนี้ก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที  
 
 
หลังจากฉู่เหวินเจี๋ยเอ็ดแล้วนั้น คิดเล็กน้อย พูดว่า “เจ้าเด็กคนนั้นเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะไปรอพวกเราที่ชายแดนแล้วก็เป็นได้ เพียงแต่ระยะทางไปชายแดนไม่ใช่ใกล้ๆ ระหว่างทางขออย่าเกิดเรื่องขึ้นเป็นพอ”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งฟังจบ จึงรีบพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าและเฮ่าเอ๋อร์จะเลียบถนนเดินทางตามไปเรื่อยๆ หากตามนางทัน ข้าจะส่งคนมาส่งข่าวให้พวกท่านเจ้าค่ะ”  
 
 
ทำได้เพียงเท่านี้ เมื่อมองดูองครักษ์ที่ติดตามมาหลายสิบคน ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ก็ดี เจ้าติดตามไปก่อน ข้าก็จะบอกคนตามทางว่าให้คอยสังเกต หากพบร่องรอยของเย่ว์เอ๋อร์ จะรีบส่งคนไปส่งข่าวให้พวกเจ้าเช่นกัน”  
 
 
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าพยักหน้าพร้อมกัน หันขึ้นไปปีนม้า จากนั้นก็แล่นตรงไปยังชายแดน  
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยก็สั่งการไปว่าให้ทุกคนคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา  
 
 
เมื่อฉู่เหยาได้ยินข่าวเรื่องนี้ ก็รีบมาหาฉู่เหวินเจี๋ยทันที “ท่านพ่อ เย่ว์เอ๋อร์ออกมาผู้เดียว จะไม่เกิดเรื่องใช่หรือไม่”  
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยมิได้กล่าวอะไร ระยะทางระหว่างเมืองหลวงและชายแดนห่างกันเป็นพันลี้ เด็กคนนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ ก็ไม่มีใครรับรองได้ ตอนนี้หวังเพียงแค่ให้เมิ่งเอ๋อร์และเฮ่าเอ๋อร์รีบหานางให้พบโดยเร็ว  
 
 
เมื่อเห็นว่าเขาไม่กล่าวอะไร ก็ยิ่งเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น จึงได้ขอร้องว่า “ท่านพ่อ ไม่เช่นนั้นให้ลูกนำทางไปสืบดีหรือไม่ หากเย่ว์เอ๋อร์ไม่ได้ตรงไปที่ชายแดน แต่กำลังชื่นชมบรรยากาศระหว่างทางอยู่ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพบตัวนางได้”  
 
 
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ก็ดี เจ้าระวังตัวหน่อย อย่าอยู่ห่างจากกองทัพให้มากนัก หากเกิดเรื่องขึ้นให้รีบติดต่อข้าทันที”  
 
 
ฉู่เหยาตอบรับ จูงม้าเร็วมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็ตามไปเช่นกัน   
 
 
หลังจากหวงฝู่เย่าเย่ว์กินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว รออยู่ในหมู่บ้านอย่างใจเย็น รอเหล่าหทารผ่านมา จะได้แอบติดตามไปได้   
 
 
หลายวันมานี้ ต่างเป็นเช่นนี้  
 
 
กระทั่งพ้นสิบวันไปแล้ว ระยะทางห่างจากเมืองหลวงมาได้เจ็ดแปดร้อยลี้แล้ว ทางที่กองหทารเดินทางกันเริ่มจะลำบากขึ้นทุกที ไม่ได้มีผู้คนมากมายเช่นหลายวันก่อนแล้ว  
 
 
ความเร็วของการเดินทางของทหารเริ่มช้าลง  
 
 
พลบค่ำวันนี้ ภายใต้คำสั่งของฉู่เหวินเจี๋ย เหล่าพลทหารรีบเดินทางมาตั้งที่พำนักอยู่หน้าป่า ก่อไฟทำอาหารกัน   
 
 
การเดินทางติดกันสิบกว่าวัน เหล่าทหารเริ่มมีอาหารกินอาหารไม่ลง ต่างพากันนั่งลงพักผ่อนบนพื้น  
 
 
เมื่อฉู่เหวินเจี๋ยเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรพวกเขา เพียงแต่สั่งให้ทหารลาดตระเวนตั้งใจทำงานมากขึ้น  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์เองไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่เพิ่งออกมาจากเมืองหลวงแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน เมื่อเห็นเหล่าทหารตั้งที่พำนักแล้ว จึงได้มองไปรอบๆ เห็นว่าไม่ไกลมีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ จึงได้ควบม้าตรงไป  
 
 
ดูเหมือนว่า จะเป็นหมู่บ้านหนึ่งเดียวในบริเวณนี้ ไม่ได้เงียบเหงามาก มีผู้คนผ่านไปมามากมาย คึกครื้นไม่น้อย  
 
 
หลังจากหวงฝู่เย่าเย่ว์ควบม้าไปยังหมู่บ้านนั้นแล้ว หาที่พักที่สะอาดตา ลงจากม้า เดินโซซัดโซเซเข้าไปด้านใน พิงเข้ากับโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เถ้าแก่ ยังมีห้องเหลืออยู่หรือไม่”   
 
 
หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก แต่อยู่ใกล้ชายแดน สำเนียงของผู้คนผสมกันมั่ว แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีสำเนียงของคนท้องถิ่นอยู่ มีเพียงสำเนียงของหวงฝู่เย่าเย่ว์เท่านั้นที่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่คนท้องถิ่น เถ้าแก่มองพิจารณานางรอบหนึ่ง เห็นว่าเขาแม้ว่าจะดูธรรมดา ผิวดำคล้ำ แต่ว่าแววตาสดใส เป็นประกาย เติมเสน่ห์ให้เขาเป็นอย่างมาก  
 
 
เถ้าแก่ยิ้มเล็กน้อย ตอบอย่างมีเลศนัยว่า “มีๆๆ ไม่ทราบว่าท่านจะพักกี่คืนหรือ”  
 
 
“ข้ามีธุระ รีบเดินทางต่อ แค่คืนเดียวก็พอ”  
 
 
“ได้เลย!” เถ้าแก่เดินออกมาจากโต๊ะ พาเขาเดินขึ้นไปด้านบน เมื่อเปิดห้องก็ถามว่า “นายท่าน เชิญดูเถิด ว่าพอใจห้องนี้หรือไม่”  
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง เมื่อเห็นว่าค่อนข้างสะอาด จึงพยักหน้า “ห้องนี้ล่ะ” พูดจบ ก็หยิบเศษเงินออกจากแขนเสื้อส่งให้เขา “ให้คนนำน้ำร้อนและของกินมาให้ข้าที”  
 
 
ชั่งน้ำหนักเงินในมือดู สายตาเถ้าแก่มีแววมืดมนออกมา ยิ้มและพยักหน้า “โปรดรอสักครู่ ไม่นานน้ำร้อนจะมาถึง”   
 
 
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า เดินเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตู   
 
 
เถ้าแก่หันหลัง ใบหน้ามารอยยิ้ม เดินลงบันไดไป พลางสั่งคนงานว่า “เตรียมน้ำร้อนและอาหารอย่างดีให้ลูกค้าด้านบน”  
 
 
คนงานตอบรับ รีบเดินไปด้านหลังเพื่อนำน้ำร้อนและอาหารขึ้นไป  
 
 
เสียงคนในห้องโถงดังเจื้อยแจ้ว ต่างก็กำลังพูดคุยกันเรื่องที่กองทัพจะเดินทางไปยังชายแดน  
 
 
ไม่มีใครสนใจเถ้าแก่และคนงานนั้นมีรอยยิ้มน่ากลัวเผยออกมา  
 
 
คนงานเอาน้ำร้อนมาส่งด้านบน หลังหวงฝู่เย่าเย่ว์ปิดประตูอย่างมิดชิดแล้ว ก็ถอดชุดอออก จุ่มน้ำสะอาดชำระร่างกายของตน ยิ่งเข้าใกล้ชายแดน พายุทรายยิ่งแรง วันนี้ทั้งวันทำเอารู้สึกสกปรกจนทรมาน  
 
 
หลังจากชำระล้างจนสะอาดแล้ว ก็ได้หยิบเอาชุดสะอาดออกมาเปลี่ยน ทิ้งชุดที่เพิ่งใส่ไปอีกด้านอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ส่องเงาจากน้ำอย่างพินิจพิจารณา ทาสีที่บริเวณลำคอและใบหน้าของตน จึงได้เปิดประตู เรียกคนงานขึ้นมา ให้นำน้ำที่สกปรกลงไป  
 
 
จากนั้นก็สั่งคนงานให้เอาอาหารขึ้นมา  
 
 
หลังจากหวงฝู่เย่าเย่ว์นอนพักลงบนเตียงนอน มองเพดาน เป็นครั้งแรกที่นางมีความรู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ ไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขารู้ว่าตนแอบหนีออกมาแล้ว จะเป็นเช่นไร จากนั้นก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาที่ตนคิดไวทำไวไปหน่อย  
 
 
ยิ่งคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับ กระทั่งดึกมาก จึงได้หลับสนิทลง  
 
 
เวลาล่วงเลย คนในโรงเตี๊ยมหลับกันหมดแล้ว ภายในเงียบสงัด มีเงามืดเข้ามาจากด้านหลังโรงเตี๊ยม  
 
 
เถ้าแก่ที่ยังไม่ได้นอน ทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้ให้พวกเขา คนเหล่านั้นพยักหน้า เดินย่องขึ้นบันไดไปเสียงเบา เดินไปจนถึงหน้าห้องของหวงฝู่เย่าเย่ว์  
 
 
เงามืดเงาหนึ่ง ใช้มือขวาหยิบควันยาสลบออกมา มือขวาแตะน้ำลายเจาะรูบนหน้าต่าง จากนั้นก็สอดควันยาสลบเข้าไป แล้วเป่าเข้าไปในห้องเบาๆ   
 
 
ภายในห้อง หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย หายใจสม่ำเสมอ โดนพิษยาสลบเข้าไป หัวเอนไปอีกทาง ก็สลบไปทันที  
 
 
ภายนอกห้อง เงามืดหลายเงารอเล็กน้อย จากนั้นก็มีเงาหนึ่งนำหน้า หยิบกรรไกรขึ้นมา ตัดสายคล้องประตูออก คนเหล่านั้นบุกเข้าไปทีละคน เห็นหวงฝู่เย่าเย่ว์สลบไร้สติอยู่ ไม่รู้สึกตัว จึงได้มองหน้ากันและกัน พยักหน้า แล้วเริ่มค้นกระเป๋าของหวงฝู่เย่าเย่ว์  
 
 
เปิดออก ก็เป็นเพียงเสื้อผ้าของบุรุษเพศ ไม่มีของมีค่าใด   
 
 
คนพวกนั้นไม่ถอดใจ มองหน้ากัน จากนั้นก็ไปข้างเตียง เปิดกระเป๋าเงินของหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมาอย่างไม่ลังเล มองดูเศษเงินและตั๋วเงินด้วยสีหน้าพึงพอใจ  
 
 
คนหนึ่งหยิบเอาเงินทั้งหมดออกมา กอดเอาไว้กับอก แล้วโบกมือ สั่งเสียงเบาว่า “แบกออกไป”  
 
 
คนหนึ่งตอบรับ โน้มตัวลง เอาผ้าห่มมาห่อตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาไว้ ห่ออย่างมิดชิดแน่นหนา ยกแบกบนบ่า จากนั้น ก็เดินออกจากห้องไป ลงบันได เดินไปยังข้างโต๊ะ “เถ้าแก่”  
 
 
“สำเร็จแล้วหรือ” เถ้าแก่ถามเสียงเบา  
 
 
คนเหล่านั้นพยักหน้า คนที่เดินตามมาติดๆ เดินขึ้นมาด้านหน้า นำเงินที่ได้มามอบให้เถ้าแก่ พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจจนปิดไม่มิด “เป็นแกะตัวอ้วนทีเดียว”  
 
 
เถ้าแก่ยื่นมือไปรับ เมื่อมองดูเงินในมือแล้ว ยิ้มอย่างยินดีจนตาหยี “เช่นนี้ จะเก็บไว้ไม่ได้เสียแล้ว จำไว้ ว่าขอราคาสูงๆ หน่อย เจ้าคนนี้แม้จะดำไปเสียหน่อย แต่แววตาราวกับเด็กสาว ยั่วยวนคนได้ดี คงจะขายได้ราคาดีไม่น้อย”  
 
 
ชายชุดดำกำลังจะทุบอก แต่เมื่อคิดว่าดึกดื่นแล้ว ถ้าหากทำเสียงดังจะทำให้แขกตื่นเอาได้ จึงได้หัวเราะเสียงเบา “วางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการเอง จะต้องขายได้ราคาดีแน่”  
 
 
“รีบไปเถิด เก็บความลับให้ดี อย่าให้ใครพบเข้า อีกอย่าง เงินที่ขายได้ให้เป็นค่าแรงของพวกเจ้า ไม่ต้องมอบให้ข้า”  
 
 
คนเหล่านั้นยินดีเหลือเกิน “ขอบคุณขอรับเถ้าแก่”   
 
 
เถ้าแก่โบกมือ พวกเขาจึงแบกหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกไป หายไปในความมืด  
 
 
เถ้าแก่หยิบเงินที่ได้มาขึ้นมาอย่างดีใจ รอยยิ้มผุดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ค่อยๆ พับเงินอย่างตั้งใจ สอดไว้ในกระเป๋าของตน ส่วนเศษเงินพวกนั้น เขาหยิบขึ้นมาและโยนใส่กล่องใส่เงินบนโต๊ะ  
 
 
ชายฉกรรจ์หลายคนแบกหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมา เดินทางมาได้ราวหนึ่งก้านธูป มาถึงที่ที่หนึ่ง ก็เดินอ้อมตรงไปยังประตูหลัง เคาะประตูอยู่สองสามครั้ง  
 
 
ครู่ใหญ่ ด้านในจึงมีเสียงดังออกมา “ใครน่ะ”  
 
 
“จากโรงเตี๊ยมที่ซีเฉิง เถ้าแก่ของเราให้เอาของเล่นมาส่ง” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตอบ  

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset