ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 34-2 โยนออกไป

ความจริงหวงฝู่อวี้โดนเมิ่งเชี่ยนโยวจัดการจนกลัวไปหลายครั้งก่อนนี้แล้ว หากเขามาเองคนเดียวคงไม่มีทางกล่าวเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เวลานี้ต้องดูแลคุณหนูจวนราขเลขา เขาจึงต้องการแสดงความสามารถต่อหน้านางสักตั้ง แม้ว่าจะรู้สึกเกรงกลัวเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังอยากจะตำหนินาง “วันนี้เราเป็นแขกที่มาทานอาหาร แต่เจ้ายังพูดเช่นนี้ต่อแขกหรือ ถ้าหากเป็นที่อื่นข้าจะให้คนจัดการกับเจ้าแล้ว”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “ปกติคุณชายรองเป็นคนน่าเกรงขาม ทว่าเสียดายที่วันนี้เจ้ามาผิดที่แล้ว ในที่ของข้า ถ้าขืนเจ้ากล้ามาก่อกวน ข้าจะให้คนโยนเจ้าออกไป”
 
 
“เจ้ากล้าหรือ!” หวงฝู่อวี้ตั้งคอตรงกล่าวขึ้น
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมีสีหน้าดุดัน พูดเสียงเ**้ยมเกรียมว่า “คุณชายรองจะลองดูไหม?”
 
 
หวงฝู่อวี้ถูกย้อนจนเสียหน้า เขาอึ้งพูดไม่ออก
 
 
หลินหันเยียนมองนางด้วยดวงตากลมโตสุกสกาวทั้งคู่ มองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วพิจารณาดูนางอย่างละเอียด จากนั้นผลักสาวใช้ที่กำลังประคองอยู่ออกไปแล้วเดินตรงเข้าไปข้างหน้านาง แล้วโพล่งขึ้นโดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีคนอยู่ในร้านมากแค่ไหน “เจ้าคือคนที่แย่งท่านพี่ชื่อจื่อไปจากข้า?”
 
 
คนที่กำลังกินบะหมี่มันฝรั่งอยู่ต่างก็สำลัก กระแอมไอขึ้นไม่หยุด
 
 
เมิ่งอี้กับองครักษ์ทุกคนต่างโอดครวญขึ้นในใจ แย่แน่คราวนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะระเบิดอารมณ์แล้ว ของที่อยู่ในร้านคงจะพังพินาศหมดแน่
 
 
แต่นึกไม่ถึงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะอึ้งเพียงเท่านั้น จากนั้นก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “แม่นางเป็นใคร ข้ายังไม่รู้จักเจ้าเลย แล้วจะไปแย่งคนของเจ้าได้เช่นไร?”
 
 
หลินหันเยียนเบะปาก “เจ้าไม่ต้องมาแกล้งโง่เลย พี่อวี้บอกข้าหมดแล้ว เจ้าก็คือคนที่มาแย่งท่านพี่ซื่อจื่อไปจากข้า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเหลือบมองหวงฝู่อวี้แวบหนึ่ง
 
 
พลันหวงฝู่อวี้รู้สึกเสียวสันคอวาบ ผวาจนต้องหดคอลง แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามีเยียนเอ๋อร์อยู่ตรงหน้า ก็ยืดคอตรง แสดงท่าทางราวกับว่าไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
 
 
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ เสียงใสของหลินหันเยียนก็ดังขึ้น “ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ วันนี้ข้าอยากประลองกับเจ้าดู”
 
 
แขกที่อยู่ในร้านสำลักขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงกระแอมไอดังขึ้นกว่าเดิม
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองแขกแล้วพูดกับคนที่อยู่ตรงนั้นว่า “ขออภัยจริงๆ เจ้าค่ะ วันนี้ร้านของเรามีเรื่องที่ต้องจัดการก่อน รบกวนทุกท่านออกไปก่อน สำหรับเงินค่าบะหมี่มันฝรั่งข้าไม่รับแล้ว”
 
 
อันที่จริงแขกที่นั่งอยู่สามคนนั้นกินไปประมาณหนึ่งแล้ว พอได้ฟังคำของเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกดีใจแทบแย่ จึงไม่ได้ว่าอะไรอีก จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
 
 
ในร้านไม่มีคน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ต้องกังวลในคำพูดแล้ว นางยืนอย่างสบายอารมณ์ข้างๆ ตู้ แล้วถามขึ้นอย่างสบายๆ ว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดข้าต้องประลองฝีมือกับเจ้า?”
 
 
“ท่านนี้ก็คือคุณหนูจวนราขเลขาของเรา มีฐานะสูงส่ง เด็กชนบทอย่างเจ้าได้ประลองด้วยก็ถือว่าเป็นเกียรติแก่เจ้ามากแล้ว” หลินหันเยียนยังไม่ได้พูด สาวใช้หน้าตางดงามที่อยู่ข้างหลังนางกล่าวเสียงหวานหยาดเยิ้มขึ้นมา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลงเล็กน้อย พิจารณาดูสาวใช้แวบหนึ่ง
 
 
สาวใช้มองมาที่นางเช่นกัน ในแววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและริษยา
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมุมปากขึ้น แล้วพูดกับหลินหันเยียนว่า “ดูท่าทางแล้วพวกเจ้าคงไม่ได้มากินบะหมี่มันฝรั่ง แต่มาหาเรื่องมากกว่า”
 
 
“คนอย่างเจ้า แค่เพียงคนถือรองเท้าของคุณยังไม่ควรค่าพอ ยังมีค่าพอให้คุณหนูของเรามาหาเรื่องอีกหรือ?” สาวใช้เอ่ยพูดขึ้นอีก
 
 
หลินหันเยียนไม่ได้ยับยั้งสาวใช้ ไม่รู้ว่าจงใจหรือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วกันแน่
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียง “หึ” แล้วพูดขึ้นว่า “จวนราขเลขาช่างอบรมมาดียิ่งนัก สาวใช้เล็กๆ ยังกล้าแย่งเจ้านายพูดได้”
 
 
สาวใช้ถูกย้อนจนเสียหน้า
 
 
หลินหันเยียนกลับเป็นคนที่ไม่พอใจ “ข้าโตมาพร้อมกับเฉี่ยวเยว่ รักกันดุจพี่น้อง ต่อไปต้องแต่งเข้าจวนอ๋องฉีไปกับข้า”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาอีกครั้ง ถามว่า “แล้วอย่างไร?”
 
 
“ดังนั้นนางจึงมิใช่สาวใช้ของข้า แต่เป็นพี่น้องของข้า” หลินหันเยียนกล่าว
 
 
“ต่อจากนั้นเล่า?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ
 
 
หลินหันเยียนไม่เข้าใจว่านางถามถึงอะไร จึงเบิกตากว้างแล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “อะไรคือต่อจากนั้น?”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้าเฉี่ยวเยว่ พอเห็นนางหน้าแดงอย่างขวยเขิน ก็เข้าใจทันทีว่าที่สาวใช้คนนี้จงใจทำเช่นนี้เพราะเหตุใด
 
 
หลินหันเยียนหันไปมองเฉี่ยวเยว่ตามสายตาของนาง พอเห็นนางมีใบหน้าแดงก่ำก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “เฉี่ยวเยว่ เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
 
 
เฉี่ยวเยว่ส่ายหน้าพัลวัน พูดขึ้นว่า “คุณหนูข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ตอนที่ออกมาข้าใส่เสื้อผ้าเยอะไปหน่อย พอเข้ามาในร้านแล้วรู้สึกค่อนข้างร้อนไปบ้าง”
 
 
หลินหันเยียนไม่สงสัยอะไรอีก แล้วหันมาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวเสียงแข็งว่า “ข้าอยากประลองกับเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นฝ่ายชนะ รอข้าแต่งงานแล้วจะอนุญาตให้เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องฉี ถ้าหากเจ้าแพ้เจ้าก็พาคนของเจ้ากลับชนบทไป แล้วไม่ต้องมาเมืองหลวงอีก”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ขออภัย คุณหนูท่านนี้ หากเจ้าจะมากินบะหมี่มันฝรั่งพวกเราก็ยินดีต้อนรับ หากมาหาคนประลองยุทธ์ก็ต้องขออภัยด้วย ข้าไม่มีเวลามาเล่นด้วย เชิญเจ้าเลี้ยวซ้ายแล้วเดินออกไปให้ไกล”
 
 
ไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับนางมาก่อน หลินหันเยียนอึ้ง
 
 
เฉี่ยวเยว่กลับเอ่ยพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าคนป่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าพูดกับคุณหนูของเราเช่นนี้ได้อย่างไร? หากไม่เห็นแก่หน้าของซื่อจื่อ เจ้าคิดว่าคุณหนูของเราจะยอมลดตัวมาสนใจเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเคร่งขรึม น้ำเสียงเริ่มเจือแววเกรี้ยวกราดขึ้นหลายส่วน “เป็นแค่แมวแค่หมาก็ยังกล้ามาโอหังต่อหน้าข้า คิดว่าข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้าใช่ไหม?”
 
 
หวงฝู่อวี้เห็นนางทำหน้าขรึมก็รีบเดินเข้าไปพูดกับหลินหันเยียนว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้าบอกว่าจะมาลิ้มลองบะหมี่มันฝรั่งมิใช่หรือ? แต่กลับมาประลองยุทธ์กับแม่นางเมิ่งได้อย่างไร?”
 
 
หลินหันเยียนไม่ได้พูดอะไร เฉี่ยวเยว่พอได้ฟังคำพูดของเมิ่งเชี่ยวโยวก็ไม่พอใจ จึงชี้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความโกรธว่า “เจ้าว่าใครเป็นหมาเป็นแมว จะบอกให้ ถึงข้าจะเป็นสาวใช้แต่ก็มีความละอายมากกว่าหญิงชาวบ้านอย่างเจ้าที่คิดหาวิธีปีนขึ้นเตียงของซื่อจื่อให้ได้”
 
 
เฉี่ยวเยว่พูดออกมาแล้วหวงฝู่อวี้ก็ตื่นตระหนก รีบตำหนินางขึ้นทันที “เฉี่ยวเยว่ เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?”
 
 
ทว่าเฉี่ยวเยว่กลับยิ่งมีอารมณ์ เอ่ยพูดอย่างคมกริบว่า “คุณชายรองเจ้าคะ ข้าพูดผิดไปหรือ? ในเมืองหลวงผู้ใดต่างก็รู้ว่านางฉวยโอกาสที่บ้านของตนมีบุญคุณในการเลี้ยงดูซื่อจื่อมาหลายปี จึงเกาะซื่อจื่อแน่นไม่ยอมปล่อย เวลานี้ก็ยังมามอบตัวเองให้ถึงหน้าประตู จนทำให้คุณหนูของเราต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะ”
 
 
“กัวเฟย โยนออกไป!” นางเพิ่งจะพูดจบ เสียงอันเย็นชาของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้น
 
 
กัวเฟยรับคำ แล้วเดินเข้าไปหาสาวใช้
 
 
สาวใช้เห็นเข้ามีร่างกายกำยำ สูงใหญ่องอาจ จึงตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้ากล้าหรือ ข้าเป็นถึงสาวใช้ของคุณหนูจวนราขเลขา ถ้าขืนเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า ก็เท่ากับว่าเจ้าตบหน้านายท่านกับนายหญิงตระกูลเรา พวกท่านไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่นอน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงเข้มขึ้น “โยนออกไป!”
 
 
หลินหันเยียนกรีดร้องขึ้นว่า “พวกเจ้ากล้าหรือ!”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “คุณหนูหลินอยากลองดูไหม?”
 
 
หวงฝู่อวี้รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดคำไหนคำนั้น จึงรีบเข้ามาขวางหน้าหลินหันเยียนแล้วขอร้องแทนว่า “อย่า อย่าเลย แม่นางเมิ่งเจ้าอย่าโมโหเลย รอให้เยียนเอ๋อร์กลับไปแล้ว ข้าจะให้นางสั่งสอนสาวใช้คนนี้ให้ดี เจ้าอย่าทำอะไรเยี่ยนเอ๋อร์เลย”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตามองเขา แล้วเอ่ยเสียงเฉียบขาดขึ้นว่า “กัวเฟย เจ้ายังรออะไรอีก โยนออกไป!”
 
 
—————————-

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset