ข้ามเวลาล่าฝัน – บทที่ 19 ตอนที่ 1

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 19 ตอนที่ 1

 

ห้องประชุมเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ตอนนี้ มีเด็ก 5 คนที่ได้รับการทดสอบ 5 นาทีไปแล้ว ยูริมเป็นคนที่สองหลังเดมยัง เธอดูท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ พอไม่ได้มีมือถือในมือ

เธอนั้นคล้ายกับเดมยัง เธอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ และพูดออกมา เธอพูดออกมาแน่ ๆ แต่คำที่เปล่งเสียงออกมานั้น คงจะหาใครที่เข้าใจมันได้ยาก เพราะเธอออกเสียงคำพูดได้ไม่ชัดเจน ฟังไม่เป็นคำ ยูริมได้เล่าเรื่องซินเดอเรลล่า แต่ก็ไม่มีใครฟังออกว่าเธอเล่าอะไรออกมา หลังจากเด็กสาวได้ลงมาจากเก้าอี้ สิ่งแรกที่เธอทำ ก็คือเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์มากำไว้ในมือทันที

โซยอน เป็นคนที่โดนเรียกเป็นรายต่อไป ตอนแรกเธอมีท่าทีที่ค่อนข้างมั่นใจ แต่หลังขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เธอก็ตัวแข็งทื่อทันที เพราะนักเรียนเกาหลีจะไม่ค่อยมีประสบการณ์การนำเสนองานหน้าห้องสักเท่าไหร่ ทำให้การต้องออกมาพูดต่อหน้าคนเป็นเรื่องที่กดดันพวกเขาเอามาก ๆ สุดท้าย โซยอนเองก็ทำได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็พอเล่าเรื่องลูกหมูสามตัวได้รู้เรื่องกว่าสองคนก่อนหน้า

โดจินออกมาเป็นรายต่อไป เขาเป็นคนที่ชอบดึงดูดความสนใจคนอื่นเป็นนิสัยอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้จึงดูไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับเขา อย่างน้อย ๆ  มันก็เป็นแบบนั้นจนมิโซบอกหัวข้อใหม่มาให้เขา หัวข้อที่ต่างกับคนก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง

“ตอนพูดให้พูดไปทางที่ฉันชี้นะ”

มิโซชี้ไปทางอิเซ และหัวข้อที่โดจินได้มานั้น…

“เล่นว่าตัวเองเป็นแฟนกันมาครบร้อยวัน และอธิบายแผนการฉลองวันครบรอบให้เธอฟัง”

เมื่อโดจินได้ยินแบบนั้นทำให้เขาเครียดมาก ถึงขั้นต้องกัดเล็บตัวเองไประหว่างพูด ถึงจะสามารถอธิบายออกมาได้ ในแบบที่ฟังดูสมเหตุสมผล แต่หลังจากโดจินกลับถึงที่นั่ง เขาก็ต้องยกน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ทันที

คนต่อไปคือแทจูน เขาไม่ได้รับหัวข้อแปลกประหลาดเหมือนโดจิน เขาแค่ถูกบอกให้แนะนำตัวเอง ถึงแม้จะต้องมองตามปลายปากกาของมิโซที่ชี้ไปที่คนนั้นทาง คนนี้ทาง และการต้องคอยสบตาคนไว้ตลอดนี่เองที่ทำให้เขาค่อนข้างลำบาก จนสุดท้ายเขาต้องพูดเชื่อมประโยคทุกครั้งด้วยคำว่า ‘แล้วก็…’

“ก็ดีขึ้นมาหน่อย” มิโซบอกความคิดตัวเองออกมาเป็นครั้งแรก ดีหน่อย

เด็กคนอื่นที่ไปก่อนแทจูนเริ่มทำหน้ามุ่ย

“เธอและเธอมาต่อ”

เกนซุคถูกเรียกออกไปพร้อมอิเซ พวกเขาไม่ต้องไปแย่งกันยืนบนเก้าอี้ แต่ยืนหันหน้าเข้าหากันแทน พวกเขาทั้งสองคนไม่มีท่าทางเกร็งใด ๆ เลย เกนซุคดูราวกับเป็นก้อนหินเหมือนทุกครั้ง ส่วนอิเซยิ้มออกมาอย่างน่ารักสดใสราวกับกระต่ายตัวน้อย ๆ

“5 นาที บทของพวกเธอคือชักชวนให้อีกคนมาเข้าศาสนาของตัวเอง จะใช้วิธีไหนก็ได้ เริ่ม”

มิโซนั่งลงดูการแสดงของทั้งสองบนเก้าอี้ ที่ผ่าน ๆ มา เธอมักจะเหลือบมองคนดู ขณะที่คนแสดงกำลังพูด หลายครั้งที่สายตาของมารุและมิโซสบกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะเธอตั้งใจมองนักเรียนทั้งสองคนอย่างจริงจัง

“สวัสดี มีเวลาสักเดี๋ยวไหม?” เกนซุคถาม

มารุรู้สึกตกใจมาก เพราะใบหน้าที่แข็งทื่อราวหินผาของเด็กหนุ่ม กลับกลายเป็นใบหน้าของพี่ชายแสนอ่อนโยนในพริบตา อิเซเองก็พูดขึ้นบ้างแหมือนกัน

“มีสิคะ มานั่งคุยกันหน่อยไหม?”

อิเซยื่นมืออกไปจับมือของเกนซุคไว้ ทำให้เด็กหนุ่มกระตุกไปนิดหน่อย เพราะเรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายของเขา มารุมองดูอย่างสนุกสนาน ถ้าไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ออกมาเล่นด้วยกัน คงไม่มีทางออกมาน่าสนใจขนาดนี้แน่ ถ้าเดมยังมาเล่นแทนเกนซุคล่ะ? หรือเอายูริมมาแทนอิเซ มันคงกลายเป็นการพูดคนเดียวตลอด 5 นาทีแน่ ๆ

เกนซุคก้มลงมองที่มือของตัวเอง ก่อนจะใช้มือข้างจับเข้าที่หลังมือของอิเซ เขาลดเสียงลงและเริ่มสวดภาวนา

“โอ้ พระผู้เป็นพ่อ…”

“เออ…”

อิเซได้แค่มองอย่างตกใจ คู่สนทนาของเธอจู่ ๆ ก็หลับตาลงสนิท เธอนั้นพยายามจะทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์นี้ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็สามารถดึงเกมกลับเข้ามาในเรื่องราวของตัวเองได้หมด สุดท้ายอิเซจึงได้แต่มองเกนซุคสวดภาวนา คำพูดเดียวที่เธอเอ่ยออกมาได้ในตอนจบคือ ‘อาเมน’

“เยี่ยม ทั้งสองคนเสียงชัดเจน และก็มีไหวพริบดี”

นี่เป็นคำชมจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกจากปากของมิโซ เกนซุคก้มหัวลงทำความเคารพก่อนจะเดินกลับเข้าที่ หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มเองก็คงรู้สึกเขินอายเช่นกัน

‘แต่การที่ปกปิดมันไว้ได้นี่แหละ ที่ทำให้เขาเป็นนักแสดง’

เดี๋ยวนะ มารุเริ่มหันมองรอบตัว ก่อนจะพบว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกไปพูด เพราะพวกปีสองไม่ได้เข้าร่วมทดสอบด้วยแต่แรก มารุจึงเตรียมใจลุกขึ้นยืม รอตาของตัวเอง

“ทุกคน ลุก”

มิโซพูดราวกับว่าการทดสอบจบลงแล้ว เหล่าปีหนึ่งต่างหันไปมองที่มิโซที หันไปมองที่มารุที ด้วยความงุนงง

“หะ?”

พวกปีหนึ่งเอาแต่ส่ายหัว มารุเองก็ยืนอยู่เฉย ๆ ถ้าเธอจะไม่ทดสอบเขา เขาก็ไม่ได้คิดจะติว่าอะไร

“หัวหน้า ออกมาข้างหน้า”

มิโซชี้ไปที่เก้าอี้ มารุเดินขึ้นไปด้านหน้า เขามองเห็นว่าเก้าอี้มีแต่รอยเปื้อนจากเท้าคนก่อน ๆ ที่ขึ้นไปเหยียบ และครูฝึกคนนี้ก็นั่งลงอย่างไม่สนใจ? มารุยอมรับนับถือในความกล้าของหญิงสาวก่อนเขาจะถอดรองเท้าและขึ้นไปยืนบนเก้าอี้บ้าง

“ปีสอง อยู่ตรงนั้นฟังนะ”

พวกปีสองพยักหน้ารับ

“ปีหนึ่ง… วิดพื้น”

“หะ?”

ห้องประชุมเกิดเสียงคุยกันดังขึ้น แต่สุดท้ายเหล่าปีหนึ่งก็ยอมเข้าท่าเตรียมวิดพื้นในที่สุด พวกผู้ชายดูจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพวกผู้หญิง… มารุเห็นแขนของบางคนเริ่มมีอาการสั่นแล้ว

* * *

Comment

Options

not work with dark mode
Reset