ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 4: จิตใจที่ต่ำตม

 
“อย่าเลยนะครับ! คุณชายหวัง นี่มันยอมรับไม่ได้จริงๆ!” หัวหน้าหมู่บ้านตัวสั่นเทาด้วยความโกรธในขณะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าชายวัยกลางคนที่โดนอัดจนหมดสภาพ
 
นักเลงกำลังจะทำร้ายหัวหน้าหมู่บ้านด้วยแต่ก็สังเกตเห็นว่าชาวบ้านทุกคนได้มารวมกันรอบตัวเขา ชาวบ้านนั้นมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน
 
เขายอมถอยในตอนที่เห็นสถานการณ์นี้
 
“จะทำอะไรหน่ะ? พวกเจ้าอยากก่อกบฏหรอ? ไม่อยากทำนาแล้วใช่ไหม!? พวกเจ้าอยากเป็นผู้ลี้ภัยรึไง!?” นักเลงคนนึงตะโกนออกมา
 
อย่างไรก็ตาม ไม่มีชาวบ้านคนไหนยอมถอย พวกเขาหลายคนได้คว้าอุปกรณ์ทำเกษตรของตัวเองออกมาแล้วด้วย พวกเขาดูเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว
 
ในตอนที่พวกเขากำลังจะถึงจุดแตกหักนั้นเอง เฉินชาน พ่อของเฉินเฉินก็เข้ามาขัดอย่างกระทันหัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณชายหวัง ลองกลับไปถามพ่อของท่านดูสิ เขาจำเรื่องที่ภูเขาหลงซิงไม่ได้แล้วรึไง?”
 
สีหน้าของนายน้อยหวังเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
 
แต่เดิมแล้วตระกูลของเขานั้นเป็นเจ้าของที่ดินเล็กๆ ที่พวกเขากลายเป็นเจ้าของที่ดินใหญ่ได้ก็เพราะพ่อของเขา หวังหู่ได้ประสบความสำเร็จทางการทหาร และได้รับรางวัลเป็นที่ดินมากมายจากประเทศ
 
ซึ่งเครดิตส่วนใหญ่ที่พ่อของเขาสร้างนั้นอยู่ที่ภูเขาหลงซิง
 
ตอนนี้ชาวนาคนนี้ดูเหมือนกำลังจะบอกว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเขา
 
แต่ไม่ว่ายังไง วันนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ว่าชาวนากลุ่มนี้จะน่าสมเพช แต่มันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่หวาดกลัวความตาย
 
ถ้าพวกเขาก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้วเขาล้มเหลวที่นี่ มันก็คงจะน่าอับอายมากๆ
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “ช่างมันเถอะ! ในสามวันนี้จะมีคนมาเก็บค่าเช่าที่นี่! ถ้าพวกเจ้าจ่ายไม่ได้ ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกันถ้าข้าทำอะไรรุนแรง จำเอาไว้ซะว่าตระกูลหวังถูกเสมอ! ไปกลับกันได้แล้ว!”
 
เขาจ้องเด็กสาวตัวน้อยอย่างละโมบก่อนที่จะเดินจากไป
 
กลุ่มนักเลงของเขาเองก็เดินตามไปต่อโดยไม่ลืมที่จะถุยน้ำลายใส่พวกชาวบ้านก่อนที่จะจากไป
 

 
หลังจากนั้นซักพัก ชาวบ้านก็แยกย้ายกันไปหมด ทุกคนกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อพยายามคิดหาวิธีจ่ายค่าเช่าที่ดิน
 
เฉินชานและฉินโหลวเองก็กลับมาที่บ้าน พวกเขาทั้งคู่รู้สึกโล่งอกที่เห็นเฉินเฉินกลับมาได้อย่างปลอดภัย ฉินโหลวหยิกหูของเฉินเฉินในขณะที่บ่น “เจ้าต้องอวดด้วยรึไงว่าตัวเองวิ่งได้เร็วแค่ไหน? ครั้งหน้าห้ามออกไปเที่ยวเล่นมั่วซั่วอีกหล่ะเข้าใจไหม? ในโลกนี้มันมีคนไม่ได้อยู่เยอะ”
 
ในตอนที่เธอรับรู้ถึงรสนิยมของหวังเฟิง เธอก็รู้สึกว่าการปล่อยลูกชายออกไปข้างนอกด้วยตัวเองนั้นมันอันตรายเกินไป ถึงยังไงเขาก็มีหน้าตาดี!
 
เฉินเฉินหลบจากมือของแม่ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
 
“ข้ารู้ แต่อย่างน้อยข้าก็ได้เงินมานะครับ!”
 
“ว่าไงนะ!?” เฉินชานและฉินโหลวอุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขาทั้งคู่ตื่นเต้นมาก แต่ก่อนที่จะได้ถามเฉินเฉินก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องก่อน
 
“ท่านพ่อ ที่ท่านพูดกับหวังเฟิงนี่มันหมายความว่ายังไงหรอครับ? ท่านมีความสัมพันธ์กับตระกูลหวังหรอ?”
 
เมื่อได้ฟังคำถามของเฉินเฉิน ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเฉินชานก็เผยให้เห็นความเศร้าโศกในขณะที่เขาระบายออกมา “เมื่อยี่สิบปีก่อน ข้าเคยไปเข้าร่วมกองทัพด้วยกันกับพ่อของหวังเฟิง…”
 
“ท่านพ่อ นี่พวกท่านทั้งสองเคยเป็นสหายร่วมรบกันมาก่อนหรอ?” เฉินเฉินถามด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินเฉินชานพูดเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย
 
เฉินชานหัวเราะเยาะตัวเองในตอนที่เขาได้ฟังเช่นนี้ เขาอธิบาย “ตอนนั้นผู้อาวุโสหวังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกชาย ดังนั้นเขาก็เลยบังคับให้ลูกชายของชาวนาอย่างพวกเราเข้าร่วมกองทัพด้วย เพื่อให้พวกเราคอยปกป้องหวังหู่”
 
“การต่อสู้ที่ภูเขาหลงซิงนั้นโหดร้ายมาก ลูกชายของชาวนาคนอื่นๆได้ตายไปเพื่อปกป้องหวังหู่ในขณะที่เขาเอาแต่ซ่อนอยู่ในที่ปลอดภัย
 
“หลังจากสงครามจบลง เขาก็ชิงความดีความชอบทางการทหารของข้าไปและได้รับรางวัลตอบแทนมากมาย”
 
“ว่าไงนะครับ? มันเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?” จู่ๆน้ำเสียงของเฉินเฉินก็เพิ่มระดับขึ้นมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
 
แม้ว่าเขาจะพึ่งมาอยู่ในโลกนี้ได้ไม่กี่ปีและมีน้อยโอกาสที่เขาได้ติดต่อกับโลกภายนอก แต่เขาก็รู้ว่าการขโมยความสำเร็จทางการทหารนั้นมันร้ายแรงแค่ไหน นี่หวังหู่กล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?
 
เมื่อเห็นความสงสัยและความสับสนของเฉินเฉิน เฉินชานก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ตอนนั้น พ่อแม่ของพวกเราอยู่ในเงื้อมมือของผู้อาวุโสหวัง ไม่อย่างนั้นพวกเราจะปกป้องเขาในสนามรบอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นไปทำไมหล่ะ? ถ้าข้ากล้าพูดเรื่องขโมยความสำเร็จทางการทหารหล่ะก็ ข้าเกรงว่าปู่กับย่าของเจ้าคงอยู่ไม่ทันได้เห็นเจ้าเกิดมาดูโลกหรอก”
 
เฉินเฉินเงียบไปพักนึงหลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้
 
ปู่กับย่าของเขาตายไปตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้สองหรือสามขวบ เขาเป็นนักเดินทางท่องเวลา เพราะฉะนั้นเขาจึงมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านทั้งสองอยู่
 
“ในตอนที่ปู่กับย่าของเจ้าจากไป ตระกูลหวังก็ได้กลายเป็นหนึ่งในตระกูลสำคัญของประเทศ ข้าเป็นแค่ชาวนา ข้าไม่มีอำนาจใดๆ แถมยังต้องคอยดูแลเจ้ากับแม่ด้วย ดังนั้นข้าก็เลยหยุดคิดเรื่องความสำเร็จทางการทหารพวกนั้นแล้วตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย”
 
“ถ้าวันนี้นายน้อยหวังไม่ทำตัวน่ารังเกียจขนาดนี้…. ข้าก็คงไม่คิดจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นหรอก เจ้าคงจะไม่รู้แต่ลุงของตั๋วน้อยก็คือหนึ่งในลูกชายของชาวนาที่ตายไปเพื่อปกป้องหวังหู่”
 
บรรยากาศในห้องเงียบสงัด
 
ฉินโหลวช่วยจัดผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงของสามี และในตอนที่เธอได้ฟังเรื่องพวกนี้ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความรักใคร่
 
เธอรู้สึกตื้นตันที่สามีของเธอนั้นยอมปล่อยเรื่องทั้งหมดนี้ไปเพียงเพื่อความปลอดภัยของเธอกับเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินเองก็ถึงกับพูดไม่ออก
 
แค่ตระกูลหวังขโมยความสำเร็จทางการทหารไปก็ถือว่าแย่พอแล้ว ตอนนี้พวกเขายังอยากทำร้ายครอบครัวที่ต้องเสียลูกชายไปเพื่อพวกเขาอีกหรอ?
 
พวกเขาหยาบช้าเกินไปแล้ว!
 

 
ยิ่งหวังเฟิงคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นเท่านั้น ตระกูลหวังที่ยิ่งใหญ่ของเขามาเสียท่าต่อหน้าพวกชาวนาได้ยังไงกัน!? เขารู้สึกรับเรื่องนี้ไม่ได้เลย
 
และพอนึกถึงเด็กสาวหน้าตาน่ารัก เขาก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก เขาเร่งฝีเท้าขึ้น
 
ในตอนที่เขาไปถึงคฤหาสน์หวัง ก่อนที่เขาจะได้เจอหน้าพ่อของเขา เขาก็เริ่มตะโกนออกมาแล้ว “ท่านพ่อ! วันนี้ข้าถูกพวกหมู่บ้านหินรังแก แล้วก็มีชาวบ้านคนนึงที่พูดเรื่องภูเขาหลงซิงด้วย นั่นมันเรื่องอะไรกันครับ?”
 
ในทันทีที่เขาหยุดพูด ชายวัยกลางคนก็วิ่งออกมาจากหลังบ้านแล้วตบหน้าเขาโดยไม่ลังเล
 
“ไอ้ลูกไม่ได้ความ! เจ้าเห่าหอนอะไรออกมาห้ะ!?”
 
หลังจากตบหวังเฟิง หวังหู่ก็ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ลูกชายไม่ได้เรื่องของเขาคนนี้สมควรโดนตบจริงๆที่กล้าพูดเรื่องภูเขาหลงซิงออกมาดังขนาดนี้!
 
“ท่านพ่อ! ท่านตีข้าหรอ!” หวังเฟิงจับแก้มของเขาด้วยความไม่เชื่อ
 
“ข้าหล่ะอยากอัดเจ้าจริงๆ!” หวังหู่ยกมือขึ้นเหมือนกับจะตบเขาอีกครั้งแต่ก็ถูกหญิงสาวที่พึ่งมาถึงได้ไม่นานนักหยุดเอาไว้
 
“ท่านพ่อ อย่าตีท่านพี่อีกเลยค่ะ อะไรทำให้ท่านโมโหถึงขนาดนั้นหรอคะ?”
 
ความโกรธของหวังหู่หายไปในตอนที่เขาได้เห็นหวังซูฉิน ลูกสาวของเขา
 
ลูกสาวของเขาไม่ได้ห่วยแตกเหมือนหวังเฟิง ไม่เพียงแค่เธอจะมีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ แต่จากที่เจ้าเมืองบอก ดูเหมือนว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ฝึกตนด้วย ศักยภาพของเธอนั้นไร้ขีดจำกัด
 
หวังหู่มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นเธอ
 
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เขาแค่พูดเรื่องในอดีตที่ไม่ควรพูดออกมาเท่านั้นเอง”
 
“เรื่องอะไรหรอครับที่ไม่ควรพูด? ท่านคุยโวเรื่องความสำเร็จของท่านที่ภูเขาหลงซิงมาตั้งหลายครั้ง!” หวังเฟิงยังคงสับสน
 
หวังหู่กำลังจะตบลูกชายของเขาอีก และก็ถูกลูกสาวหยุดเอาไว้ได้อีกครั้ง
 
“ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้นหรอคะ? ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” หวังซูฉินถามอย่างใคร่รู้
 
ในตอนที่หวังหู่ได้ฟังเช่นนี้ เขาก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาดึงลูกๆทั้งสองเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้ามาแล้วเขาถึงจะเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีต
 
“ซูฉิน พวกมันก็เป็นแค่พวกชาวนา ความดีความชอบของพวกมันก็ถือเป็นความดีความชอบของข้าใช่ไหมหล่ะ? ถ้าข้าไม่ได้นำพวกมันเข้าร่วมกองทัพ พวกมันก็คงไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องทั้งหมดนั้นหรอก!”
 
หวังหู่ไม่ได้ให้ค่ากับเหตุการณ์พวกนั้นเลย แถมยังไม่พูดถึงพวกลูกชายของชาวนาที่ตายไปเพื่อเขาด้วย
 
ในความคิดของเขา เขาสมควรได้รับทุกอย่างแล้ว ถึงยังไงสถานะของเขาก็คือขุนนาง
 
หวังซูฉินขมวดคิ้วในตอนที่ได้ยินเช่นนี้ แล้วพูดอย่างจริงจัง “ท่านพ่อ ทำแบบนี้มันไม่ถูกนะคะ”
 
ในตอนที่หวังหู่ได้ฟังลูกสาวของเขา ใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขากำลังจะเถียงกับเธอและพูดเรื่องกฏของความเคารพกับเรื่องที่สูงที่ต่ำ แต่หวังซูฉินก็พูดขึ้นมาอีกครั้งพอดี
 
“ถ้าเหตุการณ์นี้ล่วงรู้ไปถึงคนอื่น มันจะทำให้ตระกูลของเราเสียหายจริงๆนะคะ ท่านพ่อ ทำไมท่านไม่ทำให้มันจบไปซะตั้งแต่เนิ่นๆหล่ะ? ถ้าชื่อเสียงของตระกูลเราได้รับความเสียหาย แล้วข้าจะสามารถฝึกตนได้ยังไง? ความตายของพวกน่าสมเพชมันเทียบกับชื่อเสียงของตระกูลเราหรืออนาคตของข้าไม่ได้หรอกนะคะ! ท่านพ่อ ท่านต้องหาทางทำอะไรกับเรื่องนี้!”
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของหวังหู่ก็แข็งทื่อ แล้วสีหน้าของเขาก็ดูชั่วร้ายขึ้นในเวลาไม่นาน
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset