ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 103: การปรากฏตัวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เฉินเฉินนั่งลงในห้องโถงไร้หัวใจเป็นเวลานาน มีความคิดมากมายแล่นอยู่ในหัวของเขา
 
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉงเย่ถึงไม่ได้ทำให้เขายุ่งยาก มันเป็นเพราะว่าเขาไม่มีใครให้ใช้งาน
 
เขาสามารถที่จะจัดการกับเซี่ยวฮวง ซวนฮงและคนอื่นจากสิบแปดสำนักด้วยตัวเองได้ ยังไงก็ตามเย่หวู่เชิงมันจัดการยากเกินไป
 
ตั้งแต่ที่ฉีปู่ฝานตายไปแล้ว เขาจึงพึ่งได้แค่ตัวเองเท่านั้น เพื่อที่จะไม่ทำให้การประลองจัดอันดับสามสิบหกสำนักพัง
 
แน่นอนว่าเฉินเฉินไม่ได้คาดคิดว่าฉงเย่จะทำตามสัญญาที่จะปล่อยเขาไปหลังจากจัดการเย่หวู่เชิง
 
คนที่เขาเชื่อใจได้ในยามคับขันมีเพียงแค่คนข้างกายเขาเท่านั้น
 
ยังไงก็ตามเขายังคงมีความสงสัยอยู่ในตัวของหยวนฉิงเทียนที่ทำตัวเป็นหุ่นอยู่
 
ตั้งแต่ที่ฉงเย่เลือกที่จะใช้งานเฉินเฉินแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่มีใครอื่นให้ใช้งานและมันแปลว่าเขาไม่รู้ว่าระดับการฝึกตนของหยวนฉิงเทียนสูงมากเพียงใด
 
‘หยวนฉิงเทียนเป็นคนของสำนักอู๋ซิ่นหรือเปล่าเนี่ย? หรือว่า…’
 
ความคิดที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้โผล่ขึ้นมาในหัวของเฉินเฉิน
 
เขารู้สึกว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในการประลองจัดอันดับวันนี้
 
ยังไงก็ตาม ไม่สำคัญว่ายังไง เขาจะต้องไปแจ้งกับอาจารย์ของเขาก่อน
 
ไม่ว่าสำนักอู๋ซิ่นจะโจมตีเขาหรือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของการประลองจัดอันดับก็ตามที เขาก็มั่นใจ ตราบเท่าที่อาจารย์อยู่เคียงข้างเขา
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไร้ความลังเล หลังจากที่เขาเดินออกไปจากพระราชวังแล้ว เขาก็หยิบเหรียญตราออกมาแจ้งให้กับเซี่ยวอู่โยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
 
เฉินเฉินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานและพบว่าทุกคนต่างตื่นเต้นกับการกลับมาอย่างปลอดภัยของเขา
 
ยังไงก็ตามเฉินเฉินกลับไม่มีความสุข เขากลับเริ่มเตรียมแผนการหลายอย่างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้น
 
“ผู้อาวุโสจ้าว ถ้าข้าถูกจับกุมไปหลังจากการประลองหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเจ้าหนีไปก่อนนะ เข้าใจไหม? ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า” เฉินเฉินแจ้งผู้อาวุโสจ้าวอีกครั้งหนึ่ง
 
“แต่ว่า…”
 
“ไม่มีแต่ ข้าไม่ตายง่ายๆหรอก ถ้าพวกเจ้ายังอยู่กับข้า ข้าคงไม่สามารถจะหนีไปไหนได้”
 
เฉินเฉินดูจริงจังหลังจากที่พูดคำพูดเหล่านั้นจบ เขาหันหลังและเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมก่อนที่พวกเขาจะเถียงกลับมาได้ เขาเดินมุ่งตรงไปยังสังเวียน
 
แน่นอนว่าเขาจะไม่ตายอย่างง่ายดายหรอก ยกเว้นว่าเขาจะพบกับผู้ฝึกตนที่สามารถเผาเขากลายเป็นขี้เถ้าโดยการตบเพียงครั้งเดียว ไม่อย่างงั้นแล้วด้วยสมบัติสวรรค์ที่เขามีในแหวนเก็บของ เขาจะฟื้นตัวได้ในนาทีเดียว
 

 
ชั่วครู่ต่อมา ด้านบนสังเวียน
 
ผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักต่างรวมตัวกัน แต่คนจากสิบแปดสำนักหายไป
 
เวทีที่ถูกจัดไว้สำหรับสำนักที่สอง ซึ่งมันถูกเผื่อไว้ให้กับฉีปู่ฝานนั้นว่างเปล่า เหลือเพียงแค่ธงของสำนักหลัวโยวที่โบกสะบัดไปมา
 
นอกจากนี้แล้ว สองในสิบก็หายไปเช่นกัน
 
เหตุผลมันเป็นเพราะว่า…
 
ผู้สืบทอดทุกคนต่างมองไปที่เฉินเฉินที่นั่งอยู่บนที่ที่จัดไว้ของสำนักลำดับ 14
 
มันเป็นเพราะเขา!
 
เมื่อคืนก่อน เขาได้สังหารผู้สืบทอดไปสามคนบนถนน รวมทั้งฉีปู่ฝานที่เป็นอันดับสอง
 
เมื่อมีความคิดนี้ปรากฏขึ้นแล้ว ฝูงชนต่างมองไปที่เฉินเฉินด้วยความประหลาดใจ มันเป็นความรู้สึกนับถือที่พวกเขามีต่อผู้เก่งกาจ
 
แม้ว่าโยวหลานซินที่อยู่ข้างกายเฉินเฉินยังระมัดระวังคำพูดของเธอเองเลย
 
“ศิษย์พี่เฉินคะ…อะแฮ่ม เมื่อคืนที่ข้าพนันหินวิญญารไปกับฉีปู่ฝานไปสองร้อยนั่น ข้าขอโทษ…”
 
“ไม่เป็นไร” เฉินเฉินตอบกลับอย่างนิ่งเฉย
 
ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเกี่ยวกับหินวิญญาณ
 
เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเฉินเฉิน หัวใจของโยวหลานซินสั่นสะท้านเล็กน้อย ทันทีหลังจากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าเก็บของออกมาและโยนให้กับเฉินเฉิน
 
“โรงพนันคืนหินวิญญาณของพี่ให้กับข้าและเจ้าของต้องการให้ข้ามอบสิ่งนี้ให้กับพี่ เขาหวังว่าพี่จะไว้ชีวิตเขาค่ะ”
 
เฉินเฉินรับกระเป๋าเก็บของไป เขาเหลือบตามองไปข้างในและพบว่ามีหินวิญญาณอยู่ในนั้นสามหมื่นก้อน
 
มันเห็นได้ชัดว่าฉีปู่ฝานเลือกที่จะมอบหินวิญญาณของฉีปู่ฝานให้กับเขา
 
มันสมเหตุสมผลที่เขาหวังว่าเฉินเฉินจะไม่ฆ่าเขาทิ้ง ถ้าเขาเลือกที่จะเอาเงินพนัน นักพนันและโรงพนันทั้งหมดในเมืองหลวงคงจะต้องปิดตัวหรือเลิกกันทั้งหมดแล้วละ
 
แม้ว่าโรงพนันจะไม่ต้องจ่ายเงินคืน ธุรกิจของพวกเขาก็คงจะพังอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครเลือกที่จะพนันอีกต่อไป
 
เพียงแค่เฉินเฉินกำลังจะเก็บกระเป๋าของไป ฉงเย่ที่อยู่ห่างออกไปพูดขึ้น
 
“เมื่อคืน ผู้สืบทอดสำนักหลัวโยวและสำนักเทียนหยุนเกิดข้อขัดแย้งกันขึ้น ด้วยเหตุนี้ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนจะขึ้นมาอยู่อันดับสอง”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กลุ่มผู้สืบทอดต่างมองไปที่เฉินเฉินอย่างระมัดระวัง
 
พวกเขาต่างรู้ดีว่าฉงเย่และเฉินเฉินแอบพบกันอย่างลับๆ ตัดสินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว มันเหมือนว่าสำนักเทียนหยุนได้เข้าร่วมกับสำนักอู๋ซิ่น
 
สายตาที่ดูสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของซวนฮง เซี่ยวฮวง เย่หวู่เชิงและคนอื่น
 
อันดับสองนั้นเป็นที่ที่จัดไว้ให้กับสำนักมังกรมรกต ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สำนักศักดิ์สิทธิ์
 
“ฉงเย่เลือกที่จะวางแผนเช่นนั้นไว้เพื่อทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกเรา”
 
หลังจากที่พึมพำกับตัวเงอแล้ว เฉินเฉินลุกขึ้นไปนั่งบนสำนักอันดับสองโดยที่ไม่ปฏิเสธอะไร เพียงเวลาไม่นานสำนักเทียนหยุนก็ถูกแทนที่โดยสำนักหลัวโยว
 
เมื่อเห็นดังนี้ ฉงเย่ก็ฉีกยิ้ม
 
เขาหันไปมองผู้สืบทอดทั้งหมดที่อยู่และพูดอย่างเย็นชา “ให้วันสุดท้ายของการประลองจัดอันดับเริ่มต้นขึ้นด้วยเถอะ”
 
ทันทีที่การประลองจัดอันดับเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ก็เกิดขึ้นตามที่เฉินเฉินคิด
 
มันแทบจะเงียบอยู่ตลอดเวลา มันเกิดการท้าชิงขึ้นระหว่างคนที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร ซึ่งมันเป็นการต่อสู้สลับตำแหน่งกันและสำนักที่โดนท้าชิงก็ยอมแพ้อย่างง่ายดาย
 
ทุกคนต่างรอคอยการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในตอนกลางวัน
 
เย่หวู่เชิง เซี่ยวฮวงและคนอื่นต่างไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ ในตอนนี้พวกเขาเลือกที่จะปกป้องตัวเอง สำหรับพันธมิตรของพวกเขาแล้ว พวกเขาคงจะทำได้แค่ภาวนาเท่านั้นแหละ
 
พันธมิตรระหว่าง 36 สำนักมันบอบบางมาก
 
เพียงแค่นั้นเองตอนเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันแทบจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญต่อสู้กันเลย
 
ในช่วงตอนกลางวัน บรรยากาศของทั่วทั้งสนามก็เปลี่ยนไป
 
มันไม่ผ่อนคลายเหมือนกับตอนเช้าอีกแล้ว มันกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดและมีร่องรอยที่สื่อถึงการสังหารหมู่
 
ในเวลาเดียวกัน เย่หวู่เชิงและคนอื่นต่างจับตามองไปที่ฉงเย่
 
ตราบเท่าที่ฉงเย่ใช้โอกาสของเขาในการท้าชิงกับอีกคนและกลับไปยังอันดับหนึ่ง มันก็ถึงเวลาของพวกเขาที่จะจัดการเรื่องราวที่ติดค้างไว้กับสิบแปดสำนัก
 
ในตอนนี้สิบแปดสำนักที่ไม่มีฉีปู่ฝานนั้นไม่ได้สร้างภัยคุกคามอะไรสักนิด
 
เฉินเฉินลงไปนอนก็น่าจะเป็นคนเดียวที่ก่อปัญหาได้
 
ยังไงก็ตาม เฉินเฉินจะโจมตีพวกเขา? พวกเขาไม่มีไอดีเลยสักนิด มันจะต้องเป็นการพนันครั้งใหญ่
 
มองไปที่เย่หวู่เชิงและคนอื่นแล้ว ฉงเย่เหลือบตามองไปที่เฉินเฉิน เขาพยายามที่จะเตือนเขาด้วยสายตา หลังจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปในสังเวียน
 
“ฉงเย่ของสำนักอู๋ซิ่นต้องการที่จะท้าชิงหยวนฉิงเทียนของสำนักวายุซ่อนเร้น”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้ว เย่หวู่เชิงและคนอื่นต่างกำหมัดแน่น
 
เมื่อฉงเย่แทนที่หยวนฉิงเทียนและกลับไปยังอันดับหนึ่ง มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มท้าชิง!
 
ยังไงก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมามันทำให้พวกเขาตกตะลึง!
 
หยวนฉิงเทียนที่ทำตัวเป็นหุ่นประดับไม่ได้ยอมแพ้ทันที เขากลับบินขึ้นไปบนสังเวียน
 
ฉงเย่มองไปที่หยวนฉิงเทียนที่อยู่ด้านหน้าเขา ฉงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
 
‘นี่มันหมายความว่ายังไง? เขาต้องการสู้กับข้าเนี่ยนะ?’
 
ก่อนที่เขาจะคิดออก หยวนฉิงเทียนเคารพต่อฉงเย่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ “ศิษย์พี่ฉงเย่ครับ ท่านเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในรัฐจินและข้านับถือท่านมานานแล้ว ข้าต้องการที่จะต่อสู้กับท่านอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง ได้โปรดทำตามความปรารถนาของข้าด้วยเถิดครับ”
 
“หยวนฉิงเทียน เจ้าบ้าไปแล้วหรือยังไง?” ฉงเย่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
 
‘นี่มันใช่เวลาการประมือหรือยังไง?’
 
‘นอกจากนี้แล้ว ผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักต่างรู้ว่าเจ้าอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ตอนนี้เจ้าต้องการให้ข้าสู้กับเจ้าเนี่ยนะ? ไม่ใช่มันจะบอกว่า 36 สำนักว่าข้าฉงเย่ไม่สามารถที่จะควบคุมคนของตัวเองได้อย่างไรกัน?’
 
“ศิษย์พี่ฉง ข้าไม่ได้เสียสติอะไร ข้าหวังว่าท่านจะทำตามความปรารถนาของข้า” หยวนฉิงเทียนโค้งตัวมากกว่าเดิม น้ำเสียงของเขาดูจริงใจมาก
 
ตาของฉงเย่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและเขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ที่เจ้าต้องการได้รับบทเรียนแล้วสินะ อย่าโทษข้าละกันถ้าข้าทำร้ายเจ้าแรงไป!”
 
ทันทีที่เขาพูดจบ ออร่าแก่นทองคำครึ่งหนึ่งก็ระเบิดออกและเขาพุ่งเข้าใส่หยวนฉิงเทียนด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ก่อนที่จะฟาดไปที่หัวใจของหยวนฉิงเทียน
 
แรงระเบิดมันรุนแรงมากกว่าที่เขาโจมตีใส่เย่หวู่เชิงและหลินจินก่อนหน้านี้เสียอีก มันเห็นได้ชัดเจนว่าเขาหงุดหงิดอย่างมาก!
 
บึ้ม! มันเกิดการแรงระเบิดที่น่าตกตะลึงขึ้น!
 
ผู้สืบทอดมองไปที่หยวนฉิงเทียนอย่างตกตะลึง เนื่องจากเขาฟาดฝ่ามือกลับไปยังฉงเย่และทั้งสองคนต่างปะทะกันอย่างสูสี ออร่าที่น่าหวาดหวั่นระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง มันทำให้สังเวียนพังลง
 
ยังไงก็ตามหยวนฉิงเทียนไม่ได้ล่าถอย
 
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เฉินเฉินตกตะลึง
 
ก่อนหน้านี้เขาได้สังเกตเห็นแสงในดวงตาของหยวนฉิงเทียนส่องประกายออกมา
 
มันเห็นได้ชัดเจนว่าเขาวางแผนการอะไรบางอย่างเอาไว้
 
นั่นหมายความว่า….ตัวแปรของการประลองจัดอันดับ 36 อันดับได้ปรากฏตัวขึ้น

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset