ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 111: ขอโทษนะ ข้าไม่ได้

ในขณะที่มองแจ้งเตือนที่ได้รับจากระบบ เฉินเฉินก็เริ่มวางแผนในหัวอย่างรวดเร็ว
 
เนื่องจากมีขีดจำกัดเรื่องระยะเวลาที่เขาสามารถอาศัยอยู่ในดินแดนลับได้ และเขาก็ยังต้องผ่านการทดสอบบางอย่างเพื่อให้ได้รับมรดกด้วย มันจะดีที่สุดถ้าเขาให้ความสำคัญกับมรดกที่มีค่ามากที่สุด
 
หลังจากร่างแผนการคร่าวๆ เฉินเฉินก็วิ่งไปยังมรดกเทพอสูร ซึ่งอยู่ไกลที่สุดโดยไม่ลังเล
 
จากการจัดเรียงของเขา เขาจะกลับมาเก็บมรดกของเจ้าสำนักรุ่นที่สองซึ่งอยู่จุดสูงสุดของวิญญาณแก่นแท้ หลังจากที่เก็บมรดกของเทพอสูร จากนั้นเขาก็จะมุ่งหน้าต่อไปเก็บมรดกที่ดีเป็นอันดับสอง
 
เขาจะทำการเก็บมรดกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาสิบวันนี้ ยิ่งมีมากก็ยิ่งสุขใจ
 
อย่างไรก็ตาม หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรและฆ่าสัตว์ร้ายไปสองตัวด้วยกริชร้อยพิษ เฉินเฉินก็รู้สึกสิ้นหวัง
 
มันเป็นเพราะเขาได้ผ่านมรดกของเจ้าสำนักอสูรรุ่นที่สอง
 
ไม่เหมือนกับมรดกชิ้นอื่นๆ มรดกของเจ้าสำนักอสูรรุ่นที่สองนั้นไม่ได้ซ่อนอยู่
 
มันมีอนุสาวรีย์ขนาดยักษ์อยู่บนยอดเขาที่บ่งบอกว่ามีมรดกอยู่ที่นั่น
 
นอกจากนั้น เจ้าสำนักไม่ได้ซ่อนการทดสอบหรือมีอะไรน่าประหลาดใจซ่อนเอาไว้เลย
 
การทดสอบนั้นชัดเจน เขาสามารถบอกได้ด้วยการมองแค่ปาดเดียว
 
ภูเขาที่เต็มไปด้วยหินคมๆ และจากระยะไกลๆ พวกมันดูเหมือนกับภูเขามีดเลย เท่าที่เฉินเฉินเห็น มีศพอยู่ประมาณเจ็ดหรือแปดศพ
 
นอกจากนี้ ยังมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ในพื้นที่ซึ่งกินรัศมีหนึ่งร้อยเมตรรอบอนุสาวรีย์หิน! พวกมันทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง!
 
มันเหมือนกับภูเขาเพลิง!
 
พอมองอุปกรณ์โทรมๆของเขา เฉินเฉินก็คิดว่าการลุยภูเขาเพลิงเพื่อให้ได้รับมรดกนั่นคงจะเป็นงานที่ยากลำบากมาก ต่อให้เขาได้มันมา เขาก็อาจจะไม่เหลือแรงที่จะใช้มันก็ได้
 
เมื่อเห็นแบบนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็รีบเปลี่ยนใจ
 
ถ้าเขาเคลื่อนไหวตามแนวคิดก่อนหน้านี้ มันคงจะเหมือนกับผู้เล่นมือใหม่ไปท้าทายลาสบอสของเกมส์
 
มันคือการหาเรื่องตาย
 
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน เฉินเฉินก็หันกลับไปแล้วเลี้ยวซ้าย
 
การทดสอบของเจ้าสำนักรุ่นที่สองยังน่ากลัวขนาดนี้ คงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามรดกของเทพอสูรจะมีพลังพิเศษอะไรบ้าง แล้วถ้ามันให้การทดสอบที่เขาไม่สามารถผ่านได้หล่ะ?
 
‘ไม่ได้ ข้ายังต้องยกระดับตัวเอง!’
 
เฉินเฉินไม่ใช่คนโลเล หรือคนโลภ เขารู้ว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองตลอดเวลา
 
ครู่ต่อมา เขาก็มาถึงมรดกของผู้อาวุโสระดับจุดสูงสุดของก่อกำเนิดวิญญาณและผ่านการทดสอบด้วยความช่วยเหลือของระบบ เช่นเดียวกับการดำเนินการเพิ่มเติมนิดๆหน่อยๆ ดังนั้นเขาจึงได้รับมรดกมา
 
“เด็กแห่งโชคชะตาเอ๋ย เจ้าต้องสูญเสียเรี่ยวแรงและเลือดเนื้อไปไม่ใช่น้อยเลยสินะ? เจ้ารู้สึกเวียนหัวและแขนขายวบยาบบ้างรึเปล่า? ฮ่าฮ่า! ถ้าเจ้าอยากได้รับมรดก เจ้าก็ต้องผ่านความยากลำบากพวกนี้ ขวดที่อยู่ข้างๆมันเก็บเลือดแก่นมังกรที่แท้จริงเอาไว้ ซึ่งข้าได้รับมาโดยบังเอิญ ถ้าเจ้าดื่มมัน มันจะช่วยเจ้าจากสภาพขาดเลือด และจะช่วยให้เจ้าฝึกวิชาขัดเกลาเลือดอสูรนภาได้!”
 
เมื่อเห็นเนื้อหาที่ผู้อาวุโสระดับสูงสุดของก่อกำเนิดวิญญาณทิ้งไว้ เฉินเฉินก็พึมพำ “ขอโทษนะ ข้าไม่ได้เลือดออก แต่ข้าก็ยังต้องดื่มมัน”
 
หลังจากที่พูดจบ เฉินเฉินก็ดื่มเลือดแก่นมังกรที่แท้จริงเข้าไปในอึกเดียว จากนั้นคลื่นพลังงานเลือดขนาดยักษ์ก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา!
 
ในตอนที่สัตว์ร้ายรอบตัวเขาเห็นภาพนี้ พวกมันก็หวาดกลัวจนหันหลังหนีหายเข้าไปในป่าในเวลาไม่นาน
 
เฉินเฉินรู้สึกได้ถึงพลังกายที่เพิ่มขึ้นมา และโดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็ทิ้งมีดไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถโค่นต้นไม้ต้นเล็กๆได้ด้วยมือเปล่า
 

 
ช่วงกลางดึก
 
เฉินเฉินได้มาถึงหน้ามรดกของเจ้าสำนักอสูรรุ่นก่อนด้วยสภาพโทรมไปทั้งตัว
 
“แด่ผู้ถูกโชคชะตากำหนด ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้กระดูกของเจ้าคงหักไปอย่างน้อย 30 ซี่ได้แล้วสินะ? แต่ว่าเจ้าก็ยังสามารถดึงดันถ่อมาจนถึงที่นี่ได้ เจ้าเป็นคนที่หาได้ยากยิ่ง กล่องที่อยู่ข้างๆเจ้าได้เก็บยาขี้ผึ้งที่ทำมาจากกระดูกของอสูรเสือระดับวิญญาณแก่นแท้ที่ข้าเคยสังหารเอาไว้ จงใช้มันทาตามร่างกายของเจ้าและเข้าญาณเป็นเวลาชั่วยามนึงเพื่อทำการรักษากระดูกที่หักของเจ้า”
 
“โอเค ขอบคุณมาก!”
 
เฉินเฉินหยิบหนังสือลับขึ้นมาแล้วนำขี้ผึ้งกระดูกเสือมาทาตามร่างกายของเขา ไม่นานนัก กระดูกในร่างกายของเขาก็เริ่มแตกและพองขึ้นเหมือนกับถั่ว
 
เฉินเฉินเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าและคำราม ในตอนที่เขาได้สติกลับมา เขาก็ตัวสูงขึ้นสองเซนติเมตร
 
วันต่อมา…
 
“แด่ผู้ถูกโชคชะตากำหนด ข้ามั่นใจเลยว่าตอนนี้เส้นเอนในร่างกายของเจ้าต้องขาดแล้วแน่ ๆ แต่อย่าได้หวาดกลัวไป…”
 
ในวันที่สาม…
 
“แด่ผู้ถูกโชคชะตากำหนด ข้าคิดว่าเจ้าคงทำให้ตัวเองเป็นหมันแล้วสินะ? อย่าได้ตื่นตระหนกไป…”
 
ในวันที่สี่…
 

 
ในวันที่แปด…
 
เฉินเฉินเดินไปด้วยความไม่มั่นคงเพราะเขาไม่ค่อยชินกับความแข็งแกร่งของร่างกายเขาในปัจจุบัน ซึ่งได้รับการพัฒนาค่อนข้างเร็วในช่วงไม่กี่วันมานี้
 
ในส่วนของเชือกและอุปกรณ์อื่นๆ เขาได้ทิ้งพวกมันไปหมดแล้ว เหลือเอาไว้แค่กระเป๋าสะพายใบเดียว ซึ่งเก็บคู่มือลับของพวกเก่งๆเอาไว้ เช่นเดียวกับของขวัญอวยพรที่ยอดเยี่ยมบางส่วน
 
ในเวลานี้ เขาได้กลับมาที่มรดกของเจ้าสำนักอสูรรุ่นที่สองซึ่งอยู่จุดสูงสุดของวิญญาณแก่นแท้อีกครั้ง
 
ภูเขาไฟที่ดูน่ากลัวนี้ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
 
ในตอนที่เขาเหยียบเข้าไป หินที่ทั้งคมและสูงชันก็กลายเป็นขี้เถ้าในทันที เฉินเฉินไม่ได้ใช้ระบบด้วยซ้ำ
 
อันที่จริง ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ร่างกายของเขาได้รับภาระหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งมรดกผ่านการทดสอบและกับดักต่างๆ
 
ดังนั้นนี่คือสาเหตุที่เมื่อวาน เขาได้รับมรดกของยอดฝีมือระดับวิญญาณแก่นแท้แปดคนมาภายในวันเดียว
 
ตอนนี้ จากมรดก 28 ชิ้นที่ระบบตรวจจับได้ มีแค่ภูเขาเพลิงและรูปปั้นเทพอสูรที่เหลืออยู่
 
ตึง ตึง ตึง…
 
ในระหว่างทาง ก้อนหินได้พุ่งขึ้นฟ้าไปในขณะที่เฉินเฉินเดินผ่านภูเขา และมาถึงรัศมีไฟในเวลาไม่นาน
 
หลังจากลังเลอยู่พักนึง เฉินเฉินก็ก้าวเข้าไปในทะเลเพลิง
 
ความเจ็บปวดจากการถูกเผาที่เขาจินตนาการเอาไว้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่เขารู้สึกว่าพลังงานเลือดในร่างกายของเขากำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว โดยไร้ซึ่งความลังเล เฉินเฉินก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และพุ่งออกไปเป็นระยะสิบเมตร
 
ตูม ตูม ตูม!
 
หลังจากเกิดระเบิดดังถึงสิบระลอก เฉินเฉินก็ข้ามทะเลเพลิงมาได้และมาอยู่ตรงหน้าอนุสาวรีย์หิน
 
ไม่มีโต๊ะหรือกล่องสมบัติอยู่ที่นี่ มันเป็นแค่พื้นที่ว่างเปล่า
 
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เฉินเฉินเหยียบเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ อนุสาวรีย์หินก็เปล่งแสงสว่างจ้า
 
หลังจากนั้นในทันที ภาพลวงตาของคนๆนึงที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขานั้นไม่ค่อยชัดเจน แต่เฉินเฉินสามารถบอกได้ในชั่วพริบตาว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
 
เจ้าสำนักรุ่นที่สองของสำนักอสูรเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา!
 
“เจ้าเด็กที่น่าสงสาร เจ้ายังต้องการที่จะแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ต้องตายเช่นนั้นเหรอ? ข้ารู้ว่าเจ้ามีร่างกายที่พิเศษเหมือนกับข้า ไม่อย่างนั้น เจ้าคงจะตายไปตั้งนานแล้ว
 
“เจ้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีจิตใจที่ไร้ซึ่งผู้ใดเปรียบ ต่อให้ร่างกายของเจ้าตาย เจ้าก็ยังต้องการกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น เจ้าหนู ข้าต้องยอมรับเลย เจ้าทำให้ข้าประทับใจ และเจ้าก็มีคุณสมบัติในการเป็นศิษย์ของข้า ปีศาจอมตะ เพราะฉะนั้นข้าจะสอนวิชาที่ไร้เทียมทานของข้าให้กับเจ้า วิชาอมตะไขว่คว้าสวรรค์!”
 
เฉินเฉินพูดไม่ออก คนๆนี้ดูเท่สำหรับเขาแต่ในความเป็นจริงนั้น มันไม่มีสติจริงๆอยู่
 
ไม่อย่างนั้นทำไมมันถึงบอกว่าเขาตายไปแล้วล่ะ?
 
นี่มันคือการโกหกหน้าด้านๆ!
 
‘เสียใจด้วยนะ ข้าไม่ได้ตาย’
 
ก่อนที่เฉินเฉินจะเย้ยหยันเขาจบ รัศมีแสงเส้นนึงก็ถูกยิงออกมาจากอนุสาวรีย์หินอีกครั้ง และส่องลงมาที่เฉินเฉิน
 
มีความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเฉินเฉินอย่างรวดเร็ว มันคือวิชาอมตะไขว่คว้าสวรรค์!
 
ในตอนนี้เอง คนๆนั้นได้พูดขึ้นอีกครั้ง
 
“จงถือกำเนิดใหม่ซะ เจ้าเด็กโง่ ในตอนที่ข้าตาย ข้าได้ทิ้งแก่นแท้ความเป็นอมตะจำนวนมหาศาลเอาไว้ ตอนนี้ เจ้าจะได้ทั้งหมดไป!”
 
ในทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง หยดฝนสีทองก็เริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า
 
ฝนนี้ทำให้ร่างกายของเฉินเฉินดูเหมือนกับถูกชุบด้วยทอง มันทำให้ร่างกายของเขาแผ่รัศมีแสงสีทองเปล่งปลั่งออกมา
 
ในตอนที่ฝนหยุดตก เฉินเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกระโดดลงมาจากภูเขา
 
ตูม!
 
ด้วยการต่อยธรรมดา เฉินเฉินได้ขยี้ก้อนหินใหญ่เท่าบ้านเป็นชิ้นเล็กๆ
 
ในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถสู้ด้วยตัวเองได้โดยใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียว!
 
เขาได้ฝึกตนมาเป็นเดือนๆจนพัฒนาระดับการฝึกตนมาถึงขนาดนี้ แต่เขายังได้ขัดเกลาร่างกายมาเป็นเวลาแปดวันด้วย
 
หลังจากได้ประโยชน์มาจากยอดฝีมือคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง เขาก็สามารถเพิ่มการฝึกตนของเขามาถึงระดับที่น่าหวาดหวั่นนี้ได้
 
คงไม่มียอดฝีมือคนไหนที่อยากให้การทดสอบที่ตัวเองออกแบบมาอย่างประณีตถูกคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของมนุษย์คนนึงที่พัฒนาขึ้นมาได้จนถึงขอบเขตที่น่าตกใจท่ามกลางดินแดนลึกลับนี้!
 
ไม่ต้องพูดถึงความยากในการตามหามรดกพวกนี้เลย แค่การเอาชีวิตรอดในป่าแห่งนี้ด้วยร่างกายมนุษย์ธรรมดาก็ต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาลแล้ว
 
การใช้เวลาสิบวันในการตามหามรดกที่พึงพอใจและทำการทดสอบให้ผ่านก็ถือว่ายากมากๆแล้ว
 
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าของขวัญส่วนใหญ่ที่ได้รับจากยอดฝีมือนั้นคงถูกใช้ไปกับการรักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่การเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย
 
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว พวกเขาไม่น่าจะทำให้คนๆนึงพัฒนาได้อย่างพรวดพราดถึงขนาดนี้
 
“ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นหรอก”
 
เฉินเฉินรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างรู้กาลเทศะก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังรูปปั้นเทพอสูร
 
ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาในตอนนี้ เขาได้โกงดินแดนลับอย่างแท้จริงแล้ว!
 
“ด้วยพรสวรรค์ประจำตัวของข้าและความได้เปรียบที่เพิ่มเข้ามา การจะได้มรดกของเทพอสูรก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหม?”
 
ด้วยความคิดเช่นนี้ เฉินเฉินก็มีความกล้าๆกลัวๆที่น้อยลงและมีความมั่นใจที่มากขึ้น
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset