ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 122: นี่คือนรกเหรอ?

สีหน้าของหยวนฉิงเทียนแข็งทื่ออย่างกะทันหัน
‘ลักพาตัวผู้หญิงคนนี้มีประโยชน์อะไรกัน? เธอกินไม่ได้ซักหน่อย และเธอก็กินพื้นที่มากด้วย’
อย่างไรก็ตาม เข้าไม่กล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจของศิษย์พี่ และไม่นานนักก็ซ่อนตัวในความว่างเปล่า
เฉินเฉินปิดกั้นออร่าของเขา
ระดับการฝึกตนของผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงอยู่แค่ขั้นปลายของสร้างรากฐานและเธอก็ต่อสู้ไม่เก่งด้วย ถ้าเธอต่อสู้กับคนอื่นจริงๆ เธอคงไม่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งโยวหลานชิน
อย่างไรก็ตาม ในการเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ เขาที่เป็นเซียนแก่นทองคำก็ยังต้องลอบโจมตีจริงๆ…
‘อ้ะ!’ เฉินเฉินถอนหายใจ
ในตอนนี้เอง ศิษย์หญิงและผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงก็แยกกันและเข้าไปในสวนสมุนไพรเพื่อตรวจสอบสมุนไพรชำระวิญญาณ
เมื่อเห็นว่าสวนยังอยู่ดี ผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงก็หันหลังกลับและเดินออกไปในขณะที่พึมพำกับตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“เมื่อไหร่สงครามจะจบซักทีนะ?”
ในทันทีที่เธอพูดออกมาเช่นนั้น คนๆนึงก็กระโดดออกมาจากพงหญ้าและปิดปากของเธอ
ในขณะที่มองร่างสีดำที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธออย่างกะทันหัน สายตาของผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงก็เต็มไปด้วยความกลัวไม่รู้จบ!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะทำการเคลื่อนไหวต่อไป หยวนฉิงเทียนก็ปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเธออย่างกะทันหันและใช้มือฟาดเข้าที่คอของเธอจนสลบไป
หลังจากทำให้เซียนหญิงที่เป็นผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงสลบไปแล้ว พวกเขาทั้งสองก็ลากตัวเธอเข้าไปในป่าลึกอย่างระมัดระวัง
ศิษย์หญิงที่เข้ามาตรวจสอบสมุนไพรชำระวิญญาณในสวนไม่ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอด้วยซ้ำ และยังคงวิเคราะห์และตรวจสอบสมุนไพรวิญญาณด้วยตัวเอง

ในป่าลึก หยวนฉิงเทียนมองดูผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงที่หมดสติด้วยสีหน้าผิดหวัง
เขาคิดเอาไว้ว่าเขาควรจะได้เริ่มค้นหาห้องสมบัติของสำนักชิงหลิง และชิงสมบัติไปให้หมด จากนั้นก็เก็บพวกมันเข้าไปในแหวนเก็บของของเขา!
ตอนนี้ เขากำลังแบกตัวภาระมาด้วย ภาระซึ่งเขาไม่สามารถเก็บเข้าแหวนเก็บของได้ แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
‘ศิษย์พี่คิดอะไรอยู่นะ?’ เขาสงสัย
“เจ้ามันไม่รู้อะไร! ผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักชิงหลิง ถ้าเจ้าลักพาตัวเธอ สำนักชิงหลิงก็จะไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม”
เฉินเฉินคาดหวังจากเขามากกว่านี้
หยวนฉิงเทียนเบ้ปากแล้วพึมพำออกมา “พวกเราควรปลุกเธอแล้วถามที่อยู่ของห้องสมบัติไหมครับ?”
“ทั้งหมดที่เจ้าคิดได้คือห้องสมบัติสินะ? เจ้าช่วยปรับปรุงตัวเองให้มีเหตุผลมากกว่านี้อีกจะได้ไหม? คนที่มีสถานะสูงส่งอย่างพวกเราจะมาขโมยของได้ยังไงกัน?” เฉินเฉินมองชิงเฉียนแล้วพูดเสริม “พวกเรากำลังขโมยคน…ไม่ใช่ของ”
แน่นอนว่าลึกๆลงไปแล้ว เฉินเฉินมีอีกความคิดนึง
พวกเขาสามารถฉกชิงของจากห้องสมบัติได้จริงๆแต่การชิงของจากห้องสมบัติของสำนักชิงหลิงคงจะค่อนข้างสูญเปล่า
ถ้าห้องสมบัติของสำนักชิงหลิงถูกปล้น มันก็จะทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ที่จะเตือนให้สำนักอื่นๆระวังตัวมากขึ้น ซึ่งนั่นคงจะทำให้พวกเขาปล้นห้องสมบัติของสำนักอื่นได้ยาก
ดังนั้น พวกเขาต้องเลือกขโมยจากสำนักใหญ่ ถ้าให้ดีที่สุดก็คงจะเป็นสำนักอู๋ซิน มีแค่การทำเช่นนั้นอีกฝ่ายถึงจะเสียหายหนักจริงๆ
“ก็ได้ครับ ข้าจะทำตามคำสั่งของศิษย์พี่ แล้วพวกเราจะเอายังไงต่อดี? พวกเราควรวางยาในสวนสมุนไพรของสำนักชิงหลิงหรือว่าฆ่าพวกเขาบางส่วนแล้วค่อยจุดไฟเผา” หยวนฉิงเทียนถามเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างหวั่นกลัวเฉินเฉิน
หลังจากที่คิดอยู่พักนึง เฉินเฉินก็พูดออกมา “ข้าคิดว่าพวกเราควรหนี วันนี้พวกเราแค่ลองโยนหินถามทางเท่านั้น ลักพาตัวเซียนหญิงได้ก็เพียงพอแล้ว ข้ากลัวว่าถ้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้มันจะมีเรื่องให้กังวลมากขึ้นอีก”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน หยวนฉิงเทียนก็พยายามแบกผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงที่อยู่บนพื้น แต่ก็ถูกเฉินเฉินห้ามเอาไว้
หยวนฉิงเทียนสับสนและคิดในใจ ‘ในเมื่อข้าเป็นศิษย์น้องข้าก็ควรจะทำหน้าที่นี้ไม่ใช่เหรอ?’
เฉินเฉินพูดอย่างชอบธรรม “ฉิงเทียน ข้ามาจากสาขาขัดเกลาร่างกาย ข้าควรจะทำงานสกปรกเนื่องจากข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า”
ก่อนที่หยวนฉิงเทียนจะได้ตอบสนอง เฉินเฉินก็อุ้มผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงขึ้นและแบกเธอไว้บนหลังของเขา
ต่อจากนั้นเอง กลิ่นหอมก็ลอยเข้าจมูกของเขา นอกจากนั้น ที่แผ่นหลังของเขายังรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ
เฉินเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ และตอบในใจ ‘อายุจิตของหยวนฉิงเทียนยังเด็กเกินไป การที่เขารู้มากเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี มันจะปลอดภัยกว่าถ้าให้ข้าแบกรับสิ่งเย้ายวนนี้’          อ่านโดจิน doujinza.com
ด้วยความคิดนี้เอง เฉินเฉินก็รีบเร่งฝีเท้าของเขาและเดินตรงไปที่ชายแดนของสำนักชิงหลิง

ไม่นานนัก พวกเขาสองคนก็ออกมาจากค่ายกลป้องกันภูเขาได้และหนีออกจากดินแดนของสำนักชิงหลิง
ในขณะที่มองเซียนหญิงของสำนักชิงหลิงที่อยู่บนหลังของเฉินเฉิน หยวนฉิงเทียนก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยจริงๆ
พวกเขาบุกเข้าไปที่อาณาเขตของหนึ่งใน 36 สำนัก และลักพาตัวผู้สืบทอด แถมยังหลบนี้ได้สำเร็จจริงๆ!

“เจ้ารู้นะว่ากลับไปแล้วควรพูดยังไง?”
เฉินเฉินแบกหยวนชิงหลิงเอาไว้บนหลังและบินขึ้นฟ้า ตลอดเวลานั้นเขาได้พูดกับหยวนฉิงเทียนในความมืดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้ารู้แล้วครับ พวกเราแค่จับตัวเธอได้ในระหว่างทาง” หยวนฉิงเทียนตอบอย่างหนักแน่น
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่พูดไปตามนั้น เฉินเฉินก็จะไม่พาเขาไปด้วยในอนาคต
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าหลุดพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป เจ้าก็จงกลับไปที่สาขาสองด้วยตัวเองซะ!”
หลังจากพูดคุยกันในระหว่างทาง พวกเขาก็ไปถึงค่ายของสาขาพิษในเวลาไม่นาน
ภายในค่าย สมาชิกของสาขาต่างๆกำลังประชุมวางแผนกันอยู่ในขณะที่หัวหน้าของสาขาพิษกำลังนั่งอยู่ข้างๆ และฟังโจวฉางกับโจวเฟิงอย่างเงียบๆ
เซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณนั้นมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เก่งเรื่องโจมตีเมืองเลยจริงๆ

“พวกเราขอให้สำนักหุ่นเชิดส่งอาวุธปิดล้อมมาดีไหม? พูดตามตรง หลังจากที่เจ้าพวกสำนักใจหยาบนั่นเข้าไปในเมือง ค่ายกลป้องกันก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว และการใช้กำลังโจมตีตรงๆก็คงจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล!” หนึ่งในเซียนแก่นทองคำของสำนักอสูรพูด
“มันก็ได้อยู่หรอก แต่อาวุธกับอุปกรณ์ของสาขาหุ่นเชิดมันมีขนาดใหญ่เกินไป จะให้จับพวกมันยัดเข้าแหวนเก็บของยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นในระหว่างการขนส่งพวกมันจะทำให้เกิดเสียงดังมากเกินไป พวกเราอาจจะถูกปล้นในระหว่างทางก็ได้”
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดี? ข้าได้ยินมาว่าสำนักอู๋ซินกำลังวางแผนโจมตีสำนักพยัคฆ์ขาวกับสำนักวิหคสีชาดอยู่ เจ้าสำนักที่สังกัดกับสำนักอู๋ซินก็ทะลวงไปถึงระดับก่อกำเนิดวิญญาณแล้วด้วย พวกเราจะมามัวชักช้าไม่ได้อีกแล้ว พวกเราต้องกดดันสำนักอู๋ซินให้ส่งยอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณมาให้มากขึ้นอีก
อันที่จริง ตอนนี้รัฐโจวเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการทำสงครามกับรัฐจินและหลายสาขาก็ได้ทำการยึดเมืองไปห้าหรือหกเมืองแล้ว
สำนักอู๋ซินไม่ได้สนใจเรื่องนี้และรวบรวมขุมกำลังส่วนใหญ่ไปป้องกันสำนักสำคัญๆแทน ซึ่งสำนักชิงหลิงก็คือหนึ่งในนั้น
ส่วนขุมกำลังที่เหลือนั้นมีไว้จัดการกับสำนักพยัคฆ์ขาว สำนักวิหคสีชาด สำนักมังกรมรกตและสำนักอื่นๆที่ตั้งใจจะต่อต้าน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดจะขับไล่สำนักอสูรออกจากรัฐจินหลังจากที่ได้รับชัยชนะ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ยังใช้สำนักอสูรในการกวาดล้าง 36 สำนักของรัฐจินด้วย

ในขณะที่กลุ่มคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เฉินเฉินก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงที่อยู่บนหลัง
ทุกคนต่างก็หันไปมองเฉินเฉิน นายน้อยของสาขาขัดเกลาร่างกายด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับการปรากฎตัวของผู้หญิงที่อยู่กับเขา
‘นายน้อยคนนี้มีรสนิยมพิเศษเหรอ? แต่ว่า เขาพาเธอมาที่ค่ายใหญ่ไม่ได้นะ!’
“นายน้อย แม่นางคนนี้เป็นใครครับ?” โจวเฟิงลุกขึ้นมาแล้วถามด้วยความงุนงง ในขณะที่ชี้ไปยังผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงที่สวมชุดสีเขียว
ในตอนนี้เอง สายตาของเฉินเฉินก็ดูสงบนิ่งและเขาก็ตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “ข้าเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอเป็นผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงและลูกสาวของเจ้าสำนักชิงหลิง ข้าเจอเธอในระหว่างทางก็เลยลักพาตัวมา”
“อะไรนะ!?” ฝูงชนต่างอ้าปากเหวอด้วยความตกใจ
‘นายน้อยสำนักออกไปแค่ครู่เดียว แต่เขากลับมาพร้อมกับผู้สืบทอดสำนักอื่น นี่ข้าฝันไปรึเปล่า?’
‘ถ้านี่คือเซียนหญิงของสำนักชิงหลิงตัวจริง ข้าก็มีวิธีการร้อยแปดพันเก้าในการจัดการกับชิงเฮง!’
เมื่อเห็นคนพวกนี้ดูค่อยๆชั่วร้ายขึ้น เฉินเฉินก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเหยียดหยามในใจ
แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้สำนักอสูรชนะได้ง่ายเกินไป แต่เอาจริงๆเขาก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้พวกเขาเอาชนะรัฐจินได้ด้วย
สำนักอสูรไม่สามารถรองรับสำนักเทียนหยุนได้
ผลลัพธ์ในอุดมคติของเขาก็คือการทำลายสำนักอู๋ซิน และให้สำนักเทียนหยุนเข้ามาแทนที่สำนักอู๋ซินในการควบรวม 36 สำนัก ด้วยวิธีนี้เอง สมดุลของรัฐโจวกับรัฐจินก็จะถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
เขาจะสร้างฐานที่มั่นทั้งสองฝ่ายและจะกลายเป็นผู้ชนะตัวจริง
อย่างไรก็ตาม การทำเรื่องพวกนั้นเป็นอะไรที่ยากอย่างสุดๆ
“เอ่อ…”
ในขณะที่พวกเขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิง ชิงเฉียนก็ค่อยๆลืมตาขึ้น และก็เห็นแต่พวกคนแปลกหน้า
มีพวกคนที่สวมหน้ากากน่าขนลุกและศพที่เน่าไปครึ่งนึง บางคนเป็นชายแก่มีอายุที่สภาพเหมือนหนังหุ้มกระดูก ในขณะที่คนอื่นเป็นผู้หญิงแปลกๆที่สวมแค่เศษผ้า
ในขณะที่มองคนกลุ่มนี้ ชิงเฉียนก็แทบจะน้ำตาไหลออกมา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในช่วงเวลานี้ เธอถูกครอบงำด้วยความกลัว
“ข้าอยู่ที่ไหน? นี่คือนรกเหรอ?”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset