ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 130: ชายแก่ที่เกรี้ยวกราด

เมฆทัณฑ์สายฟ้าได้กระจายหายไป
 
เฉินเฉินเริ่มจริงจังมากขึ้นและเขาเก็บแหวนเก็บของทั้งหมดลงไปอย่างไม่มีความลังเลใจ เขาถอดเกราะต้านทานไฟฟ้าที่ส่องประกายสีทองออกมา ก่อนที่จะคำนับไปยังบนท้องฟ้า
 
“สวรรค์ ข้าได้ถูกผลักลงไปอยู่ในความยากลำบากและความสิ้นหวัง มันจึงทำให้ข้าได้พูดจาไร้สาระไป พวกเราจะพบเจอกันอีกหลายต่อหลายครั้ง ฉะนั้นได้โปรดอย่าเก็บมันเอาไปคิดเลย ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะทำร้ายใครในอนาคต ได้โปรดอย่าทำเรื่องแบบนั้นอีกเลย… ดูสิ สวรรค์ได้ทำร้ายคนบริสุทธิ์ไปมากมายเพียงใดและได้ทำลายความสงบที่เกิดขึ้น!”
 
ในเวลาเดียวกัน มันก็มีเสียงฟ้าร้องด้านบนท้องฟ้า
 
“นั่นคือสมบัติของสำนักอู๋ซิ่น…”
 
ก่อนที่เขาจะพูดเสร็จ สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไปและเขาก็ชี้ไปนิ้วไปด้านหน้า หลังจากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาและสังหารผู้อาวุโสสำนักอู๋ซิ่นไป
 
“ครั้งสุดท้ายแล้ว!”
 
หลังจากพึมพำเสร็จแล้ว เฉินเฉินทะยานขึ้นไปบนฟ้าและบินไปยังที่ที่ห่างไกล
 
พูดตามปกติแล้ว ผู้อาวุโสขั้นก่อกำเนิดวิญญาณจากสำนักอู๋ซิ่นน่าจะกลับมาแล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถ้าเขาไม่รีบมากพอ เขาอาจจะไม่ได้กลับออกไปเลยอีกก็ได้
 
ในสวนที่เขาสลบไปก่อนหน้านี้ เฉินเฉินพบชิงเฉียนและชิงเฮงที่นอนสลบอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง เขาถอนหายใจออกมาและลากทั้งสองคนออกมาจากซากปักหักพัง ก่อนที่จะป้อนน้ำอมฤตให้พวกเขากิน ก่อนที่จะลากพวกเขาออกไปจากสำนักอู๋ซิ่น
 
เมื่อเป็นผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคำที่พึ่งเลื่อนขั้นมาใหม่ เขาก็พยายามที่จะทำเรื่องที่ดี
 

 
หลังจากบินไปห้าสิบเมตร เฉินเฉินก็ค่อยผ่อนคลายและปลุกทั้งสองขึ้น
 
“พวก….พวกเราอยู่ที่ไหนกัน? เกิดอะไรขึ้น?” ทันใดนั้นเอง ชิงเฉียนที่กำลังฝันอยู่ เธอก็ดูสับสนตอนที่เธอถูกปลุกให้ตื่น
 
ยังไงก็ตาม ชิงเฉิงดูเหมือนจะจำได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสำนักอู๋ซิ่นและเขาดูตื่นตระหนก
 
‘สำนักอู๋ซิ่นถูกทำลายไปแล้ว!’
 
‘ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซิ่นจะต้องเกรี้ยวกราดมากแน่! นี่คือรากฐานที่พวกเขาสร้างกันมาอย่างเนิ่นนานนับพันปี!’
 
“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าพาพวกเราออกมางั้นเหรอ?” ชิงเฉียนถาม เธอมองไปยังเฉินเฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อนแล้วเธอก็ดูตึงเครียดมากขึ้น
 
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว เฉินเฉินถอนหายใจออกมาและพูดอย่างเบาๆ “สำนักอู๋ซิ่นจะไม่ปล่อยให้ใครก็ตามหนีไปอย่างแน่นอนกับเรื่องที่เกิดขึ้น อา พวกเราต่างเป็นคนนอกกันทั้งคู่และถ้าข้าไม่พาพวกเจ้าออกมา พวกเจ้าทั้งสองคนอาจจะตายกันก็ได้”
 
“แต่ท่าน…ระดับการฝึกตนของท่าน…” ชิงเฉียนสับสน
 
“ข้าได้เรียนรู้วิชามาบ้างจากสำนักอสูร ซึ่งมันสามารถช่วยชีวิตของพวกเราได้ในยามคับขันเช่นนี้” เฉินเฉินพูด
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ชิงเฉียนก็ตระหนักได้ ตั้งแต่ที่เขาซ่อนตัวอยู่ในสำนักอสูร เขาจะต้องได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมากจากสำนักอสูรอย่างแน่นอน
 
‘แต่ศิษย์น้องเฉินได้เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยข้าและพ่อของข้า เจ้าจะกลับไปยังสำนักอู๋ซิ่นได้อีกหรือ?’
 
ด้วยความคิดนี้ที่อยู่ในหัวของเธอ เธออดที่จะเป็นกังวลไม่ได้และหันไปมองทางเฉินเฉิน
 
“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าช่วยอธิบายให้พวกเราหน่อยสิว่า พวกเราควรที่จะทำอะไรต่อกันดี?”
 
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขาดูคาดหวังว่ามันจะดีกว่านี้
 
“นักบุญของสำนักอู๋ซิ่นไม่ได้เป็นคนของสำนักอู๋ซิ่นที่ข้าชอบตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าจะไม่ได้สู้กับสำนักอสูรแล้ว พวกเขาก็จะหยุดปัญหาภายในก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้ ลูกศิษย์บางคนที่ก้าวข้ามระดับในจุดแก่นกลางของสำนักจนทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่!”
 
“สำนักอู๋ซิ่นแบบนี้ไม่ได้มีดีพอสำหรับข้าหรอก ข้าจะไปยังสำนักอื่นและช่วยพวกเขาต่อสู้กับสำนักอสูร”
 
หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไปก่อนเขาจะเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า
 
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฉินเฉินแล้ว ชิงเฉียนก็ตกตะลึงและเธอตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
 
‘ศิษย์น้องเฉินกำลังร้องไห้?’
 
‘เอ่อ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกแบบนั้น ตั้งแต่ที่สำนักที่รักของเขาถูกทำลายไปและเขาต้องออกไปจากพวกมัน ข้าจินตนาการได้เลยว่าเขาน่าสงสารมากเพียงใด’
 
ด้วยความคิดนี้ในหัวของเขาแล้ว ชิงเฉียนต้องการที่จะปลอบประโลมเฉินเฉิน แต่เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี
 
ในเวลาเดียวกัน เฉินเฉินโบกมือให้กับเธอ
 
“นักบุญ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อแล้วละ ข้าได้แสดงเจตจำนงของข้ามาแล้วว่าต้องการต่อสู้กับสำนักอสูร ปัญหาเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับข้าหรอก”
 
“มันมีข่าวลือว่าสำนักเทียนหยุนมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการเผชิญหน้ากับสำนักอสูร ข้าจะไปเข้าร่วมกับสำนักอสูร เมื่อข้าไปถึงที่นั่น ช้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะยอมรับของเสียอย่างข้าไปหรือไม่ ฮ่าๆ เส้นทางนี้ช่างอีกยาวไกลนัก ท่านนักบุญ พวกเราจะพบกันใหม่ เมื่อโชคชะตานำพามาให้เราพบกันอีกครา!”
 
หลังจากพูดเสร็จ เฉินเฉินลุกขึ้นยืนและเดินไปยังทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น
 
เธอมองไปยังแผ่นหลังที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังปาดน้ำตาของเขา ชิงเฉียนหัวใจแตกสลาย
 
‘ในโลกเช่นนี้ มันยังมีวีรบุรุษอีกมากมายที่ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงอะไร พวกเขาเป็นคนที่น่านับถือเสียจริง’
 

 
เฉินเฉินเดินไปไกลอีกหลายร้อยเมตร ก่อนที่จะเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพียงเวลาไม่นานเขาก็เดินไปไกลจากพวกเขาทั้งสองคน
 
เมื่อมองไปยังหน้ากากในมือของเขา เฉินเฉินพูดไม่ออก
 
หลังจากผ่านวันที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนาน ของขวัญจากภรรยาของอาจารย์ของเขาก็พังพินาศลง
 
โชคยังดีที่เขามีไหวพริบมากพอที่จะไม่เปิดเผยตัวตนของเขา
 
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไม่ได้ธรรมดาทั่วไปและเขายังเชื่อว่าชิงเฉียนจะจำเขาได้ทันทีที่เห็นเขา
 
“เอาละ ตอนนี้ไม่มีใครจากสำนักอสูรอยู่ที่นี่แล้ว มันถึงเวลาที่จะไปหาอาจารย์แล้วละ”
 
‘ภรรยาของอาจารย์คงจะให้หน้ากากกับเขามาเยอะมาก ข้าจะไปขอเขามาสักชิ้นหนึ่ง’
 
‘นอกจากนี้แล้ว ข้าจะต้องไปมอบสมบัติที่ได้รับมาส่วนหนึ่งจากสำนักอู๋ซิ่นให้กับอาจารย์ด้วย’
 
สำนักเทียนหยุนยังอีกนานมากเกินกว่าที่พวกเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะท้าชิงกับสำนักอสูร ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องมีทรัพยากรไว้ใช้จำนวนมาก
 
ของส่วนใหญ่ที่อยู่ในมือของเขานั้นมันไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่และของเหล่านี้ ถ้ามอบมันให้กับสมาชิกของเทียนหยุนแล้ว มันจะทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้นไว้กว่านี้
 
นอกจากนี้แล้ว อาจารย์ของเขาที่อยู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณระดับกลางก็ยังอยู่น้อยกว่าเล็กน้อยและมันยังมีความแตกต่างกันอีกมากระหว่างเขากับยอดฝีมือจากสำนักอสูร
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินเร่งความเร็วขึ้นและบินไปทางสำนักพยัคฆ์ขาว
 
สำนักพยัคฆ์ขาวนั้นคือสนามรบหลักที่สามสำนักร่วมมือกันเผชิญหน้ากับสำนักอู๋ซิ่น เขาคิดว่าอาจารย์ของเขาน่าจะยังอยู่ที่นั่น
 
‘สำหรับยอดฝีมือขั้นก่อกำเนิดวิญญาณของสำนักอู๋ซิ่นจะต้องกลับไปกันหมดแล้วใช่ไหม?’
 
‘ข้าละสงสัยจริงว่าปฏิกิริยาของอาจารย์จะเป็นยังไง เมื่อเขาเห็นว่าข้ามีทรัพยากรมากถึงเพียงนี้’
 

 
มันเป็นไปตามที่เขาจินตนาการเอาไว้
 
มันมีซากปรักหักพังอยู่ด้านบนเหนือสำนักอู๋ซิ่น
 
ชายแก่หัวหงอกหลายคนมองไปยังภาพด้านล่าง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
 
พวกเขาอดจะเชื่อไม่ได้ว่านี่คือสำนักอู๋ซิ่น!
 
บรรพบุรุษที่เดินนำอยู่สั่นสะท้านอย่างหนักหน่วง ออร่าอันแข็งแกร่งของเขาระเบิดเข้าใส่ซากปรักหักพังด้านล่าง!
 
“มันเป็นใคร! มันเป็นใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น!” บรรพบุรุษของสำนักอู๋ซิ่นมองขึ้นไปบนฟ้าและคำรามออกมา!
 
ไม่มีใครตอบเขาและเขารู้ดีว่าแทนที่จะบ่นเอาแต่อย่างนี้ มันน่าจะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ด้านในซากปรักหักพังนั่น
 
เขาเมินไปยังผู้รอดชีวิต บรรพบุรุษของสำนักอู๋ซิ่นบินไปยังพระราชวังอู๋ซิ่นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินผ่านคลังสมบัติไป เขามองเข้าไปคลังสมบัติที่ว่างเปล่า ตาของเขากระตุกอย่างต่อเนื่องและกัดฟันแน่น
 
โชคยังดีที่เขาได้ฝึกวิชาฉิงเต๋าขั้นสุดยอดซึ่งมันได้ช่วยเขาไม่ให้เขาสติแตกไป
 
ชั่วขณะต่อมา ท่านบรรพบุรุษก็ได้มาถึงห้องโถงของพระราชวัง
 
เขาได้มาถึงพระราชวังอู๋ซิ่น
 
มันมีหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกกว่าพันเมตรและกว้างกว่าหนึ่งร้อยเมตร! มันเหมือนกับว่ามีหินก้อนยักษ์บินลงมาจากท้องฟ้า!
 
มันไม่มีอะไรอยู่ด้านในเลยสักนิดเดียว ไม่มีแม้แต่หินวิญญาณสักก้อน ไม่ต้องพูดถึงแก่นวิญญาณเลย มันเหลือเพียงแต่พลังวิญญาณที่หนาแน่นลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งมันเคยบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีแก่นวิญญาณเคยตั้งอยู่
 
ยังไงก็ตาม มันจะมีประโยชน์อะไรอีกกัน? โดยปราศจากแก่นวิญญาณเป็นรากฐานแล้ว พลังวิญญาณก็จะหายไปในเวลาไม่ช้า
 
“รากฐานของสำนักอู๋ซิ่นได้หายไปหมดแล้ว…”
 
สีหน้าของบรรพบุรุษหน้าแดงฉานและเลือดไหลออกมาจากปากของเขา
 
ยอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณที่เห็นก็ตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้น
 
“ท่านบรรพบุรุษ! ใจเย็นนะครับ!”
 
“ไสหัวไป!”
 
บรรพบุรุษของสำนักอู๋ซิ่นคำรามออกมาอย่างโกรธเคืองและซัดยอดฝีมือกระเด็นออกไป พวกเขาต่างบินออกไปจากหลุมขนาดใหญ่อย่างไม่ยินดี
 
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
 
บรรพบุรุษของสำนักอู๋ซิ่นได้พบกับเศษซากของโลงศพแล้ว
 
เมื่อเห็นซากโลงศพ บรรพบุรุษคำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยวแล้วเขาก็หัวเราะและร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาดูน่าสงสารยิ่งกว่าตอนที่เขาพบว่าฉงเย่ตายไปเสียอีก!
 
“หุ่นศพอสูรหยินได้ถูกทำลายไปแล้ว…ข้า…ข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านผู้นั้นยังไงกัน?! หงุดหงิดเหลือเกิน!”
 
เขามองขึ้นไปบนฟ้า เขารับแรงกระแทกนี้ไปไม่ไหว ก่อนที่จะปิดตาและสลบลงไปในหลุม

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset