ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 32: เจ้าผักบุ้งน้อย

เมื่อคำชื่นชมของจางจีต่อเฉินเฉินยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความคิดของเฉินเฉินก็เริ่มที่จะล่องลอยไปไกล
 
ถ้าเขากลายเป็นหมอระดับตำนานจริงๆ โดยการพึ่งพาเพียงแค่ระบบตรวจสอบ ถ้าเขาไปที่อื่นจะเป็นยังไงกัน?
 
ถ้าเขาอยู่ในห้องครัว เขาจะรู้ทันทีว่าอาหารประเภทไหนเหมาะที่จะผสมกันและกัน เพื่อที่จะได้เสริมสร้างสารอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด
 
ถ้าเขาไปยังร้านตัดเสื้อ เขาจะรู้ว่าเสื้อประเภทไหน ใส่แล้วเข้ากัน เพื่อที่จะทำให้คนๆนั้นดูดีที่สุด
 
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเขาไปที่ซ่องแล้ว เขาก็จะรู้ว่าหญิงสาวคนไหนเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด ในด้านความยาว ความลึก…
 
“เอ้ย! ข้าคิดเรื่องบ้าอะไรกันอยู่วะเนี่ย”
 
เฉินเฉินตื่นตระหนก เขารีบดึงตัวเองกลับออกมาจากความเพ้อฝันไร้สาระ
 
ยังไงก็ตาม เขาได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาไปถึงสถานที่แห่งไหนสักแห่ง เขาจะลองใช้ระบบทดสอบดูว่ามันใช้งานได้แบบนั้นหรือเปล่า
 
..
 
“ก้อนหินผสมหยก +1”
 
“ผลไม้ที่มีพิษรุนแรง +1”
 
“ดินที่มีพลังปราณ +1”
 
“รากต้นไม้ที่แฝงไปด้วยแก่นดิน +1”
 

 
ครึ่งวันต่อมา เฉินเฉินและเพื่อนร่วมพ้องเขาต่างเดินทางไกลนับร้อยกิโลเมตรก็มาหยุดอยู่สถานที่ดูแลม้า หนึ่งในสองรถเกวียนที่ว่างเปล่าตอนแรกก็เต็มไปแล้วครึ่งหนึ่ง
 
รถเกวียนเต็มไปด้วยของป่าทุกอย่างที่เฉินเฉินพบเจอ
 
สายตาของคนดูแลม้าเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองไปยังเฉินเฉิน มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองไปที่ยังพวกปัญญาอ่อนอยู่
 
คนเลี้ยงม้าเข้าใจเกี่ยวกับรถเกวียนที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและผลไม้ ยังไงก็ตาม ไอ้การขุดดินแล้วโยนเข้าไปในรถเกวียนนี่มัน?
 
มันมีแม้แต่กระทั่งก้อนหิน ซึ่งมันหนักหลายสิบกิโลกรัมเลยด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าม้ามันจะเหนื่อยบ้างหรือไง?
 
แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรออกมา สุดท้ายแล้วเฉินเฉินก็เป็นเซียน เขาอาจจะมีเหตุผลที่พวกเขาไม่เข้าใจ
 
จางจีไม่ได้ตั้งคำถามด้วยเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เฉินเฉินนำของกลับมา เขาก็จะประหลาดใจไปสักพักหนึ่ง ในบางครั้งบางคราว เขาก็ทำตัวเหมือนกับว่าเขาประหลาดใจ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาคิดเกี่ยวกับอะไร
 
เมื่อพวกเขามาถึงที่พักแห่งนี้ มันก็เป็นช่วงเวลาสองถึงสามทุ่มแล้ว
 
“มีใครในที่แห่งนี้ที่มีความคิดชั่วร้ายไหม?”
 
เฉินเฉินถามขึ้น เขาลุกขึ้นยืนอยู่ตรงใจกลางของที่พัก
 
มันเหนื่อยล้าเกินไปที่จะพยายามป้องกันต่อทุกคน มันเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือกว่าที่จะถามคำตอบนี้กับระบบ
 
“มันไม่มีค่ะ” ระบบตอบกลับ
 
เฉินเฉินมองไปที่จางจีได้ยินคำตอบนี้และตอบกลับ “พวกเราสามารถไปนอนอย่างเงียบสงบคืนนี้ได้”
 
“เอิ่ม พวกเราจำเป็นต้องมีคนเฝ้ายามไหม?” จางจีสงสัย
 
“ไม่จำเป็น เมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่หรอก”
 
“เอาละ…” จางจีตกลงอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
 
พูดอย่างซื่อสัตย์แล้ว เขายังตื่นตัวอย่างมากภายใน
 
ช่วงต้นเดือนสิงหาคมเป็นวันที่สำนักเทียนหยุนจะเปิดรับสมัครศิษย์นอกสำนัก เด็กหนุ่มทั้งหมดในเขตจีต่างโหยหาที่จะเดินบนเส้นทางเซียนและคนเหล่านี้ต่างมีความมั่นใจและมีเงินมากพอที่จะเดินทาง พวกคนเหล่านี้ที่มีเงินมากพอที่จะเดินทางก็เป็นลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยกันทั้งนั้น
 
ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มที่ร่ำรวยเหล่านี้ต่างเป็นเป้าหมายชั้นยอดสำหรับเหล่าโจรและนักปล้น
 
อีกอย่างหนึ่ง ควบคู่ไปกับนักปล้นและโจรแล้ว กลุ่มของคนดีจะออกมาซ่อนตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อแสร้งเป็นโจรเพื่อปล้นชิงสิ่งของจากนักเดินทาง เพื่อป้องกันการโดนล้างแค้น เด็กหนุ่มร่ำรวยที่เป็นเหยื่อส่วนใหญ่ต่างถูกสังหารทิ้ง เพื่อปกปิดร่องรอย
 
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มเด็กหนุ่มที่ร่ำรวยซึ่งมาจากเมืองใหญ่จะเดินทางกันเป็นกลุ่มและจำวนของบอดี้การ์ดของพวกเขาจะมีจำนวนเกินกว่าหนึ่งร้อยคน
 
ยังไงก็ตาม สำหรับคนอย่างจางจีที่เดินทางมาจากเมืองเล็กแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก มันไม่ได้มีคนจำนวนมากเท่าไหร่ที่มาจากบ้านนอกอย่างเขา ซึ่งมีเจตนาที่จะไล่ตามเส้นทางของการฝึกตน
 
ถ้าจางจีไม่ได้รับเหรียญตรามาจากสำนักเทียนหยุดก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมันเป็นสัญญาว่าเขาจะได้รับการเข้าสู่สำนักเทียนหยุน เมื่อเขามาถึงรัฐจีแล้ว มันคงไม่มีทางเลยที่เขาจะยินยอมรับความเสี่ยงนี้
 

 
เขาก็เลิกคิดต่อ จางจีเหลือบตามองไปที่เฉินเฉินและเขาก็รู้สึกถึงความปลอดภัย
 
“โชคดีที่พี่เฉินอยู่ที่นี่ พี่ได้ช่วยข้าไว้ถึงสองครั้งสองคราแล้ว ข้าไม่รู้ว่าท่านพี่จะช่วยข้าอีกกี่ครั้งในอนาคต เฮ้อ จางจีได้ติดหนี้ชีวิตพี่ไว้ทั้งชีวิตเลย พี่เฉิน”
 
จางจีส่ายหัวและเดินกลับไปยังห้อง พวกเขาจะต้องลุกขึ้นตั้งแต่รุ่งสางเพื่อออกเดินทางต่อ นั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องนอนพักบ้างแล้ว
 

 
เมื่อเทียบกับอารมณ์ที่กังวลของจางจีแล้ว เฉินเฉินผ่อนคลายอย่างมาก เมื่อกลับมายังห้องที่ถูกจัดไว้โดยที่พักแล้ว เขาก็หยิบพืชสีชมพูเล็กออกมา
 
เขาได้ขุดพืชสีชมพูเล็กนี้ออกมาจากข้างถนน มันเหมือนกับผักบุ้งธรรมดาทั่วไป
 
ยังไงก็ตาม แม้ว่ามันจะดูเหมือนผักบุ้งธรรมดาทั่วไป มันก็ยังได้รับการยืนยันจากระบบว่าเป็น ผักบุ้งที่มีสติปัญญาเสียแล้ว
 
“แม้แต่ผักบุ้งนี่ก็ยังมีสติ นี่มันโลกที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้กันเนี่ย”
 
หลังจากพูดออกมา เฉินเฉินก็หยิบ ‘ก้อนหินที่บรรจุไปด้วยหยก’ ออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
 
เขาก็หยิบมีดที่ได้รับมาจากห้องเก็บสมบัติและใช้มันเปิดหิน หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็เปิดรูขนาดใหญ่ได้ ซึ่งมันเปิดเผยให้เห็นถึงมรกต
 
ในโลกก่อนหน้านี้ของเฉินเฉิน เจ้าก้อนหินอย่าง ‘หินที่บรรจุไปด้วยหยก’ นี้สามารถที่จะขายได้อย่างน้อยก็สิบล้าน มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่หาได้ยากมากจนโอกาสที่จะพบเห็นมันแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว
 
ยังไงก็ตาม ตราบเท่าที่เฉินเฉินดูแล้ว เขาก็ไม่ได้พลาดอะไรมากไปสักเท่าไหร่
 
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกตน เขาก็ได้เน้นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการฝึกตนก่อนเป็นอันดับแรกและเลิกสนใจเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองไปเลย
 
หลังจากที่ขุดรูออกมา เฉินเฉินก็หยิบก้อนดินมาจากกระเป๋าเช่นเคย
 
นี่คือ ‘ดินที่บรรจุไปด้วยพลังปราณ’
 
หลังจากที่รดน้ำมันเสร็จ เจ้าผักบุ้งนี้ก็ดูมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด
 
“น่าสนใจดีนี่!”
 
แทนที่จะสนใจมรกตนั่น เฉินเฉินกลับสนใจเจ้าผักบุ้งที่แปลกประหลาดนี่มากกว่า
 
“เจ้าผักบุ้งน้อย เจ้าเข้าใจคำพูดที่ข้าพูดไหม?”
 
เฉินเฉินถามเจ้าผักบุ้ง
 
เมื่อเขาพูดกับผักบุ้งกลางดึก เฉินเฉินรู้สึกตัวเองกลายเป็นไอ้โง่ชอบกล ถ้ามันเกิดขึ้นในชาติก่อนแล้ว เขาคงจะต้องถูกพาไปโรงพยาบาลจิตเวทแน่นอน
 
ยังไงก็ตาม ในช่วงเวลานี้ เจ้าผักบุ้งขยับสั่นไหวไปมา
 
ตาของเฉินเฉินโตขึ้น ต้องบอกก่อนว่าเขาได้ปิดประตูและหน้าต่างทุกบานก่อนที่จะทำสิ่งที่โง่เง่านี้
 
นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่เป็นเพราะลม
 
เจ้านี่ขยับตัวงั้นเหรอ?
 
มันขยับตัวด้วยเองละ!
 
“โว้ว นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? น่าสนใจจริง โคตรน่าสนใจเลย ลองขยับให้ข้าดูอีกรอบหนึ่งสิ!” เฉินเฉินพูด เขาลูบไปที่เจ้าผักบุ้งอย่างอ่อนโยน
 
วินาทีต่อมา เจ้าผักบุ้งก็ขยับตัวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เฉินเฉินจะได้ประหลาดใจ กิ่งไม้ของเจ้าผักบุ้งมันงอตัวลงและดอกไม้ก็หันหน้าหนีจากทิศของเฉินเฉิน มันเหมือนกับว่ามันกำลังเขินอายอยู่
 
เฉินเฉินพูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
“ข้าโอเคดีนะกับเจ้าหมูที่มันเข้าใจภาษามนุษย์หน่ะ แต่เจ้าผักบุ้งก็ทำได้ด้วยเหรอ?”
 
เฉินเฉินตกใจมาก
 
หลังจากสังเกตดูอีกครั้งหนึ่ง เขาอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “เจ้าพุ่มไม้น้อย ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าดอกไม้น้อยแทนนะ เมื่อข้าไปยังสำนักเทียนหยุน เจ้าจะตามข้าไปฝึกตนละ”
 
เขาไม่มั่นใจว่าเจ้าผักบุ้งจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า แต่มันหันหน้ากลับมาหาเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นเจ้าดอกไม้น้อยหันกลับมา เพียงไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ทุบหินต่อมา หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง หยกด้านๆก็ถูกแกะสลักกลายเป็นแจกัน
 
หลังจากแกะสลักหินเสร็จ เฉินเฉินก็ทำความสะอาดพื้นและวางเจ้าผักบุ้งไว้บนหัวเตียง
 
ก่อนที่เขาจะเตรียมนอนหลับอย่างสบายใจ มันก็มีเสียงควบม้าดังขึ้นจากด้านนอกที่พักซะอย่างงั้น
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset