ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 38: ขอร้องหล่ะ ฆ่าข้าเถอะ

ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินเฉินก็ได้พากลุ่มของเขาเดินทางไปตามถนนหลายกิโลเมตร ทันใดนั้นเอง เขาก็หยุดม้าของเขา
 
“จางจี พาคนกลับไปดูให้หน่อยว่าพวกนั้นฆ่ากันเองรึเปล่า”
 
จางจีรู้สึกสับสนอย่างมากเพราะเขาไม่รู้ว่าเฉินเฉินกำลังสื่ออะไร
 
ซึ่งเฉินเฉินก็ไม่ได้คิดจะอธิบาย แต่เขาพูดต่อแทน “ถ้าพวกนั้นฆ่ากันเอง ให้ฆ่าหัวหน้านักรบซะ”
 
“เอ๊ะ? เข้าใจแล้วครับ!”
 
แม้ว่าเขาจะมีคำถาม แต่จางจีก็ไม่คิดจะขัดคำสั่งเฉินเฉิน เขาเริ่มขี่ม้าย้อนกลับไปทางเดิม
 
ในตอนที่จางจีย้อนกลับไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็หยุดพักตามปกติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินยังไม่ว่างจากงาน เขาเริ่มจัดการเจ้าจิ้งจอกสองหางที่พึ่งจับมาให้อยู่ในสภาพที่ถูกที่ควร
 
ขั้นแรก เขาใช้เถาวัลย์กักอสูรมัดจิ้งจอกสองหางเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็เก็บน้ำอมฤตภายในเอาไว้ในกล่องที่แต่เดิมเคยเก็บน้ำอมฤตขั้นสร้างรากฐานเอาไว้
 
เขาไม่รู้ว่ากล่องนี้มีราคาเท่าไหร่ แต่เขารู้ว่ามันสามารถกันไม่ให้พลังเซียนกระจายไปรอบ ๆได้ ด้วยการเก็บน้ำอมฤตอสูรเอาไว้ภายในกล่อง จิ้งจอกสองหางก็จะไม่สามารถเรียกมันกลับไปได้
 
ตามที่คาดเอาไว้ เมื่อเห็นน้ำอมฤตอสูรถูกเก็บเอาไว้ในกล่องนั้น เจ้าจิ้งจอกสองหางก็พยายามต่อต้านเหมือนพวกมักเกิ้ล (คนที่ไม่มีพลังเวทย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์) แล้วแสดงความสิ้นหวังออกมาทางดวงตาของมัน
 
“ทำไมเจ้าถึงใจเสาะขนาดนี้ เจ้านำความอับอายมาให้ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ!”
 
จิ้งจอกสองหางสบถออกมาดังลั่น ตอนนี้ความหวังในการหนีรอดได้หายไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดสุภาพอีกแล้ว
 
เมื่อได้ฟังคำพูดของอสูร เฉินเฉินก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “ถ้าข้าใจแคบจริง ๆ ข้าคงจะฆ่าเจ้าไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
 
“เอาหล่ะ กลับมาที่ประเด็นหลักเลยแล้วกัน เจ้าเป็นอสูรตัวแรกที่ข้าเคยเจอ ข้าอยากจะถามคำถามเจ้านิดหน่อย”
 
ที่เฉินเฉินไม่ฆ่าจิ้งจอกสองหางก็เพราะมีเหตุผลอยู่ อสูรจิ้งจอกตัวนี้ไม่ใช่แค่อสูรตนแรกที่เขาเคยพบ แต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตฝึกตนที่ไม่ใช่มนุษย์ตัวแรกที่เขาเคยเห็นด้วย
 
เห็นได้ชัดเลยว่ามันรู้จักโลกมากกว่าชาวบ้านอย่างเขา ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยโอกาสรีดข้อมูลที่มีประโยชน์แบบนี้ให้หลุดรอดไปแน่
 
“เหอะ ทำไมข้าต้องตอบคำถามเจ้าด้วย?” จิ้งจอกสองหางหลับตา แล้วตัดสินใจที่จะไม่ตอบอะไร
 
“ทำไมงั้นหรอ? ข้าจะแสดงให้เจ้าดูละกันว่าข้ามีอะไรบ้าง!”
 
หลังจากที่พูดจบ เฉินเฉินก็เปิดย่าม ข้างในนั้นมีของกระจุกระจิกอย่างพวกหินกับกระดูกอยู่ ซึ่งพวกมันทั้งหมดสามารถยับยั้งอสูรได้
 
“ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะเอาย่ามนี้แขวนไว้กับตัวเจ้า และใช้หนังของเจ้าเป็นกระดาษชำระหลังจากที่เจ้าตาย”
 
จิ้งจอกสองหางอดตัวสั่นไม่ได้ในตอนที่มันได้เห็นของในย่าม หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ๆ มันก็ยอมแพ้ในที่สุด
 
อสูรตัวนี้ยังไงก็ไม่รอดแล้ว ดังนั้นทำไมไม่พยายามจะตายแบบที่สบายขึ้นหน่อยหล่ะ?
 
“ว่ามาเจ้าหนู จะถามอะไรก็ถาม ข้ายอมแพ้แล้ว!”
 
“เจ้าฝึกตนไปถึงขั้นไหนแล้ว”
 
“น่าจะเทียบเท่ากับฝึกพลังปราณระดับแปดสำหรับผู้ฝึกตนอย่างเจ้า”
 
“ฝึกพลังปราณขั้น 8? อ่อนแอจังเลยนะ…แล้วที่เจ้าแปลงเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะมีสถานะการฝึกตนถึงระดับที่เพียงพอหรอ?”
 
จิ้งจอกรู้สึกโมโหมาก เหตุผลหลักที่มันพ่ายแพ้ก็อย่างที่เห็น เจ้าเด็กนี่มีของมากมายที่เอาไว้ต่อกรกับอสูร—แม้กระทั่งสมบัติอย่างไม้ควบคุมมังกรด้วย
 
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพึ่งอุปกรณ์มากมาย แต่อีกฝ่ายก็ยังหัวเราะเยาะมัน
 
“ที่ข้าแปลงเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะพ่อแม่ของข้ามีความสามารถนั้น”
 
“เจ้ารู้จักอสูรตนอื่นไหม? แถวนี้มีอสูรอีกรึเปล่า?”
 

 
ในจุดนี้ เฉินเฉินได้กลายเป็นเด็กขี้สงสัย และยิงคำถามไม่หยุด ตอนแรก เจ้าจิ้งจอกรู้สึกค่อนข้างรำคาญกับคำถาม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เฉินเฉินอ่านบทไถ่โทษอสูรออกมาเสียงดัง ความรำคาญของมันก็หายไปเกือบหมด เพราะมันเริ่มตอบคำถามในลักษณะที่เหมือนกับหุ่นยนต์แทน
 
ก่อนที่เฉินเฉินจะรู้สึกตัว เวลาก็ล่วงเลยไปสามสิบนาทีแล้ว ครู่ต่อมา เสียงม้ากลุ่มนึงก็ดังขึ้นใกล้ ๆ จางจีได้กลับมาแล้วพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
 
“พี่ใหญ่ พวกนั้นฆ่ากันเองจริง ๆด้วยครับ ในตอนที่ข้าไปถึง หัวหน้าอัศวินกำลังสู้กับลูกน้องสามคน ส่วนคนที่เหลือตายหมดแล้ว”
 
หลังจากที่ฟังคำพูดของจางจีและเป็นไปตามที่คาดไว้ เขาก็ถามต่อ “เจ้าฆ่าหัวหน้านักรบไปรึเปล่า?”
 
“ตามที่พี่สั่งเลยครับ” จางจีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
 
“ดีแล้วหล่ะ”
 
“แต่พี่ใหญ่ พี่รู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นจะสู้กันเอง?” จางจีไม่สามารถทำความเข้าใจเหตุผลที่พวกนักรบต่อสู้กันเองได้เลย ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถามเฉินเฉินที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย
 
เฉินเฉินหยิกหูจิ้งจอกสองหางที่อยู่ในมือ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าก็ไม่มั่นใจหรอก แต่ไม่ว่ายังไงก็น่าจะมีพวกนั้นส่วนนึงที่อยากจะกลับ”
 
“จางจี เจ้าก็รู้ว่าพวกเรามีข้อมูลเรื่องในสถานี ถ้าไม่มีใครกลับไปได้และฝั่งนั้นส่งคนไปถามที่สถานี เจ้าคิดว่าพวกเราจะถูกกล่าวโทษเรื่องที่พวกนั้นหายไปไหมหล่ะ?”
 
เหงื่อที่หน้าของจางจีเริ่มไหลลงมา
 
ในตอนนั้น พวกเขาอาจจะถูกเหมารวมเรื่องการหายตัวไปของกลุ่มนักรบ เช่นเดียวกับความตายของนายน้อยของพวกนั้นด้วย!
 
“พี่ใหญ่ พี่พูดถูกแล้ว! ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก”
 
“ในส่วนเรื่องที่พวกนั้นต่อสู้กันเอง มันก็เดาได้ไม่ยากหรอก นักรบบางคนอยากกลับ ในขณะที่มีบางส่วนไม่อยากกลับ พวกนั้นก็เลยต้องต่อสู้กันถึงตาย เพราะถ้าพวกที่กลับไปอธิบายสถานการณ์ให้เจ้านายฟัง พวกที่ไม่ได้กลับก็จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าไม่รู้จบ”
 
ในขณะที่เฉินเฉินอธิบายต่อ ใบหน้าของจางจีก็เริ่มแสดงความสับสน
 
ในขณะนั้นเองเจ้าจิ้งจอกก็เริ่มพูดขึ้นมาด้วยท่าทีรังเกียจ “พวกมนุษย์ก็แค่ชอบต่อสู้กันเองเท่านั้นแหล่ะ มันจะมีเหตุผลอะไรนักหนา?”
 
“หืม? แล้วทำไมมนุษย์ถึงชอบต่อสู้กันเองขนาดนั้นหล่ะ? อธิบายมาให้ชัด ๆซิ” ดวงตาของเฉินเฉินเปล่งประกาย ความสนใจของเขากลับมาที่เจ้าจิ้งจอก
 
ณ จุดนี้ เจ้าจิ้งจอกรู้สึกเสียใจที่พูดมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันไม่กล้าปิดปากเงียบ มันจึงเริ่มเล่าเรื่องราว
 
เฉินเฉินพยักหน้าไม่หยุดในขณะที่ฟัง หลังจากที่เรื่องจบ เขาก็เข้าใจโลกนี้มากขึ้น
 
ประเทศที่เขาอยู่ในขณะนี้ถูกเรียกว่ารัฐจิ้น ซึ่งอยู่เบื้องหลังสำนักที่แข็งแกร่ง
 
มีทั้งหมด 36 รัฐที่ถูกปกครองโดยรัฐจิ้น โดยในแต่ละรัฐนั้นจะมีหนึ่งสำนักคอยคุ้มครองอยู่ ซึ่งสำนักเทียนหยุนก็เป็นหนึ่งในนั้น
 
นอกจากนี้ ยังมีสำนักเล็ก ๆกระจายไปทั่วภูเขา
 
สำนักและรัฐจิ้นนั้นส่วนใหญ่จะพึ่งพากันเอง เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง รัฐโจว
 
ผู้ฝึกตนในรัฐโจวนั้นบูชาลัทธิมาร และมีพื้นฐานที่ต่างกับรัฐจิ้น ซึ่งส่งผลให้มีสงครามระหว่างรัฐและสำนักไม่มีที่สิ้นสุด
 
ถึงแม้ว่าโดยหลักแล้วรัฐจิ้นจะผนึกกำลังกันเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู แต่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐจริง ๆแล้วไม่ได้เข้ากันดีเลย การเย้ยหยันดูถูกถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องพูดถึงการใช้กำลังเข้าปะทะกันเลย
 
ด้วยเหตุนี้เอง คำกล่าวของจิ้งจอกสองหางที่บอกว่ามนุษย์ชอบสู้กันเองจึงไม่ได้ไร้เหตุผล
 
“ลัทธิมารคืออะไร? อธิบายมาซิ แล้วก็เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับสำนักเทียนหยุนบ้าง? แข็งแกร่งแค่ไหน?”
 
เมื่อได้ฟังคำถามที่รัวเข้ามาของเฉินเฉิน จิ้งจอกก็เริ่มรู้สึกอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายขึ้นมา ไม่ว่าชายที่รัวคำถามพวกนี้อยู่จะเป็นใคร แต่เขาดูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย เขาดูเหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องอะไรไลย!
 
และเจ้าจิ้งจอกก็ถูกชาวบ้านคนนี้จับเป็นโดยที่ถอดน้ำอมฤตอสูรของมันออกไปอีก!
 

 
ในขณะที่เวลาผ่านไป ในที่สุดทั้งกลุ่มก็ออกมาจากป่าลึกและภูเขาก็อยู่เบื้องหลัง เฉินเฉินยังคงหาเวลาไปขุดนู่นขุดนี่เป็นบางครั้ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาออกไป เขาก็จะเอาเจ้าจิ้งจอกไปด้วยแล้วถามคำถามมันไม่หยุด
 
ในตอนนี้ เจ้าจิ้งจอกได้ตอบคำถามจนคอแห้งอย่างเข้าใจได้ ลิ้นสีชมพูของมันแลบออกมาเหมือนหมา และลมหายใจก็ถี่ขึ้น
 
“เจ้าทำแบบนั้นด้วยหรอ? หรือจริง ๆแล้วเจ้าเป็นหมา?” เฉินเฉินถามด้วยความประหลาดใจ
 
เมื่อได้ฟังคำถามของเฉินเฉิน ในที่สุดเจ้าจิ้งจอกก็ฟุบไปด้วยน้ำตาที่เอ่อนอง แล้วร้องไห้ฟูมฟาย “หมาอสูรอะไรกัน เจ้านั่นแหล่ะหมาอสูรตัวจริงที่มีจมูก! ฆ่าข้าเถอะ ข้าขอหล่ะ ข้าอยากจบกับคำถามปัญญาอ่อนพวกนี้แล้ว!”
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset