ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 39: พล่ามตลอดเวลา

“จะรีบตายไปไหนกันเล่า? ข้ายังมีคำถามอีกเยอะเลยนะ”
 
เฉินเฉินสับสน เขาว่ากันว่าใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศก็ยังดีกว่าตายด้วยเกียรติ แต่เจ้าจิ้งจอกสองหางนี่ดูอยากรีบตายมาก แม้แต่จางจีก็ไม่สามารถแข่งความมุ่งมั่นได้เลย
 
“ข้าจะไม่ตอบคำถามอะไรเจ้าแล้ว” จิ้งจอกสองหางตอบอย่างสิ้นหวัง
 
เฉินเฉินทอดสายตาออกไปไกลในตอนที่ได้ฟังคำตอบของมัน เค้าลางของเมืองค่อย ๆปรากฎขึ้นในทัศนวิสัยของเขาแล้ว
 
มันเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกที่พวกเขาผ่านในระหว่างทาง เมืองสายลมสีคราม มันคือหนึ่งในเมืองใหญ่ภายใต้การดูแลของรัฐจี่
 
“เจ้าหมาน้อย ในตระกูลหมาเจ้าก็ถือว่าสวยใช้ได้เลยนะ เดี๋ยวข้าหาหมาตัวผู้มาเป็นคู่ให้เจ้าเอง ในตอนที่ข้าไปถึงเมืองสายลมสีครามเป็นไง?
 
เฉินเฉินมองไปทางเมืองใหญ่ที่อยู่ไกล ๆ น้ำเสียงของเขาจริงจัง
 
หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน จิ้งจอกสองหางก็แทบจะระเบิดความโกรธออกมา เพราะมันเริ่มจ้องกลับมาเหมือนกับว่ากำลังมองอสูรอยู่
 
ในฐานะอสูรจิ้งจอก ถ้ามันไปผสมพันธุ์กับหมา มันก็คงจะถือเป็นการสร้างความอัปยศครั้งใหญ่ให้กับบรรพบุรุษของมัน แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม!
 
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ๆ ในที่สุดมันก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ชื่อของข้าคือหูเซียงเอ๋อ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าในหัวขี้เลื่อยของเจ้ามันยัดอะไรอยู่ และคำถามที่เจ้าถามข้าก็ดูงี่เง่ามาก แต่กลยุทธ์ที่เจ้าเรียนรู้สำหรับจัดการกับอสูรมันช่างชั่วร้ายจริง ๆ!”
 
“สมองของข้าเต็มไปด้วยสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ อสูรอย่างเจ้าจะไปรู้อะไรหล่ะ? อ๋อใช่ เจ้าหมาน้อย ข้าต้องหาอะไรให้เจ้ากินหล่ะ? อย่าบอกนะว่ามนุษย์”
 
“ข้าคือหูเซียงเอ๋อ แน่นอนว่าข้ากินเนื้อ!”
 
“แล้วเจ้ากินกระดูกด้วยไหม?”
 
“ข้าเป็นจิ้งจอก ไม่ใช่หมา! ข้าไม่กินกระดูกหรอก!”
 
“โอเค เจ้าหมา”
 
“…”
 

 
พอเข้ามาในเมืองสายลมสีคราม ทัศนียภาพที่ต้อนรับเฉินเฉินนั้นพลุกพล่านกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก
 
ด้วยความที่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญในเส้นทางไปสู่รัฐจี่ เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์มากมายจึงมาหยุดพักกันในเมืองนี้ ด้วยความหวังที่ว่าพวกเขาอาจจะได้พบเจอคนที่สามารถติดไปด้วยได้ในระหว่างการเดินทาง
 
“พี่ใหญ่ เมืองสายลมสีครามมีผู้คนพลุกพล่านไปหมดเลย! แล้วมันก็ใหญ่กว่ามณฑลเสฉวนหลายเท่าเลยด้วย!”
 
จางจีขี่ม้าในขณะที่มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวั่นเกรงและความประหลาดใจที่แสดงอยู่บนหน้าของเขา นอกจากนี้เขายังดูกลัวเล็กน้อยเนื่องจากความจริงที่ว่าผู้คนไม่รู้จักเขาและมองเขาเป็นชาวบ้านคนนึงที่มาเยี่ยมเยือนเมืองนี้เป็นครั้งแรก
 
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า” เฉินเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ ถึงแม้ว่าเมืองสายลมสีครามจะใหญ่ แต่มันก็ยังไม่ได้น่าหลงใหลจริง ๆ
 
ไม่ว่ามันอาจจะดูยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่มันก็เทียบไม่ได้กับเมืองหลวงใหญ่ ๆในชีวิตก่อนของเขา
 
หูเซียงเอ๋อกรอกตาใส่เฉินเฉิน เจ้าเด็กบ้านี่ดูยังไงก็เป็นชาวบ้านเหมือนกัน แต่เขาอยากทำตัวให้เหมือนกับคนที่เคยท่องโลกกว้างมา ความจริงนี้ทำให้เฉินเฉินดูค่อนข้างน่ารำคาญในสายตาของหู่เซียงเอ๋อ
 
“พี่ใหญ่ ดูเหมือนว่าโรงเตี๊ยมแถวนี้จะเต็มหมดแล้วนะครับ พวกเราควรไปที่ไหนดี?”
 
จางจีเหลือบมองรอบ ๆ และอดรู้สึกกังวลไม่ได้ในตอนที่เขาเห็นโรงเตี๊ยมทุกแห่งเต็มไปด้วยผู้คน
 
“แน่นอนว่าต้องเป็นสถานที่ที่หรูที่สุดในเมืองสายลมสีครามอยู่แล้ว นั่นไงหล่ะ เห็นตึกที่สูงที่สุดตรงนั้นไหม? นั่นแหล่ะสถานที่ที่พวกเรากำลังจะไป”
 
เฉินเฉินพูดด้วยกำลังใจเต็มที่ในขณะที่เขาชี้ไปยังอาคารไม้หลังใหญ่เจ็ดชั้นที่อยู่ไกลออกไป
 
เขาไม่ใช่พวกยากจนอีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกมั่นใจไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม
 
“หอลมใบไม้ผลิ!” ตอนนี้จางจีเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกตนแล้ว ดังนั้นเขาจึงมองเห็นป้ายโรงเตี๊ยมตั้งแต่แวบแรก ในตอนที่เขาเห็นภาพที่ตระการตาของโรงเตี๊ยม เขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
 
ในตอนนั้นเอง เสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามก็ดังเข้ามา “หอลมใบไม้ผลิไม่ใช่สถานที่ที่พวกบ้านนอกทั่วไปเข้าไปได้หรอกนะ นอนวันนึงก็ต้องเสียอย่างน้อยหนึ่งพันตำลึงแล้ว”
 
เฉินเฉินมองไปยังต้นเสียง บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมที่ข้างถนน มีกลุ่มคนกำลังกินอาหารอยู่ที่โต๊ะ คนที่พูดนั้นกำลังพิงราวบันไดชั้นสองอยู่ และมองกลุ่มของเฉินเฉินด้วยความขบขัน
 
 
เฉินเฉินหัวเราะเยาะในตอนที่เห็นคน ๆนั้น แล้วพึมพำออกมา “ก็แค่วันละพันตำลึงเอง มีคนที่จ่ายไม่ไหวด้วยหรอเนี่ย? พวกเจ้าทุกคนช่างต่ำต้อยอะไรขนาดนี้?”
 
“นี่เจ้า!”
 
คนที่อยู่บนชั้นสองโมโหมากจนเขาพ่นไวน์ออกมาจากปาก แต่ก่อนที่จะได้พูด เฉินเฉินและผู้ติดตามของเขาก็ได้จากไปแล้ว
 

 
“พี่ใหญ่ วันละพันตำลึง…มันน้อยจริง ๆหรอครับ?”
 
ครู่ต่อมา จางจีก็รู้สึกคับข้องใจจนอดถามไม่ได้
 
ท่าทีการพูดของเฉินเฉินนั้นเป็นการพูดข่มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้จางจีสงสัยในตัวตนของเขา แม้ว่าเขาจะสามารถจ่ายวันละพันตำลึงไหว แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายกับการใช้จ่ายแค่วันเดียว
 
“ใช่แล้วมันก็แค่จำนวนเล็ก ๆ ก็แค่พันตำลึง มันนับเป็นเงินได้ด้วยหรอ? จางจี ข้าก็ไม่ได้อยากจะแสดงความคิดเห็นกับเจ้ามากนะ แต่มันถึงเวลาที่เจ้าจะผันตัวใหม่แล้วจริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนที่เจ้าออกไปข้างนอกในโลกนี้คืออะไร? แน่นอนอยู่แล้วว่ามันคือชื่อเสียง! ชื่อเสียงหน่ะ เจ้าเข้าใจใช่ไหม? มันหมายความว่าต่อให้ผู้คนจะไม่รู้จักเจ้า พวกเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าดูเท่ในตอนที่พวกเขาได้พบกับเจ้า! นี่แหล่ะคือชื่อเสียง!”
 
ในขณะที่เฉินเฉินพูด เขาก็รวบหางทั้งสองของจิ้งจอก แล้วคลายพันธนาการให้มัน จากนั้นเขาก็เอาเถาวัลย์กักอสูรไปผูกที่คอของมันแทน
 
จางจีไม่เข้าใจคำพูดของเฉินเฉินเลยจริง ๆ เขาเป็นลูกชายของตระกูลที่ร่ำรวยในมณฑลเล็ก ๆ เขาจะไปรู้เรื่องที่ซับซ้อนแบบนั้นได้ยังไง? ถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาอยู่ที่เมืองใหญ่อย่างเมืองสายลมสีคราม
 
“หลังจากนี้ไม่ต้องพูดอะไรอีก แค่ดูข้าก็พอ นับจากนี้ไปเจ้าควรจะหัดเรียนรู้วิถีต่าง ๆ และอย่าทำให้ตัวเองอับอายในตอนที่อยู่ข้างนอกได้แล้ว”
 
หลังจากที่เฉินเฉินพูดกับจางจีและคนที่เหลือจบแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจในตอนที่จัดท่าทีของเจ้าอสูรจิ้งจอกสองหางเสร็จ ซึ่งมันดูคล้ายกับหมาอย่างบอกไม่ถูก
 
ในตอนนั้นเอง คนในกลุ่มก็พยักหน้าอย่างเต็มที่ พูดตามตรง พวกเขารู้สึกค่อนข้างกังวลเพราะมันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาเมืองใหญ่แบบนี้
 
“เจ้านั่นแหล่ะที่เป็นไอ้บ้านนอก!” หูเซียงเอ๋อบ่นด้วยความไม่พอใจ
 
“เฉินเฉินตบก้นของหูเซียงเอ๋ออย่างแรงในตอนที่ได้ยิน จากนั้นเขาก็พึมพำอย่างโหดร้าย “ถ้าเจ้ากล้าพูดแบบนี้อีกในระหว่างที่พวกเราจะไปหาอะไรกินหลังจากนี้ นับจากนี้ไปข้าจะบอกกับอสูรทุกตนที่เจอว่าอสูรจิ้งจอกที่ชื่อหูเซียงเอ๋อเคยผสมพันธุ์กับหมา!”
 
หูเซียงเอ๋อเงียบไปในทันที
 
ไม่มีอะไรที่มันทำได้แล้ว เจ้าเด็กนี่เป็นคนที่โหดร้ายเกินไป
 

 
ครู่ต่อมา ในที่สุดทั้งกลุ่มก็มาถึงหอลมใบไม้ผลิด้วยรถม้าของพวกเขา
 
ทางซ้ายของหอลมใบไม้ผลิ มีพื้นที่กว้างขวางซึ่งมีรถม้าจอดเต็มอยู่ และโดยไม่มีข้อแตกต่าง รถม้าทุกคนนั้นหรูหรามากจนทำให้รถม้าสามคันที่เฉินเฉินเอามาดูเรียบและต่ำต้อยไปเลยเมื่อนำมาเทียบกัน
 
“หึ มีทีจอดเยอะเลยนี่ ไม่เลว”
 
เฉินเฉินหัวเราะเบา ๆกับภาพรถม้าหรูหราที่จอดเรียงกันเป็นแถว
 
ในตอนที่เขาพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนประจำอยู่ที่จอดรถของหอลมใบไม้ผลิก็เริ่มเข้ามาที่รถม้าของพวกเขา
 
เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นในตอนที่เห็นรถม้าโทรมๆที่เฉินเฉินและคนอื่นๆเอามา
 
ที่จอดรถของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็เข้ามาจอดรถม้าได้ มีแค่คนที่จ่ายเงินให้หอลมใบไม้ผลิเท่านั้นที่สามารถใช้ที่จอดรถนี้ได้
 
“พวกเจ้า….”
 
หนึ่งในเจ้าหน้าที่กำลังจะเข้ามาไล่ออกไป ในตอนนั้นเองเฉินเฉินก็ลงจากม้าอย่างสง่างามและพูดกับจางจีที่อยู่ข้างๆเขา “พวกบ้านนอกพวกนี้นี้น่าจะไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน รถม้าที่พวกเขาใช้ดูหรูมากจนดึงดูดความสนใจเกินไป แต่ข้าเข้าใจนะ ถึงยังไงคนพวกนี้จะมีเงินซักเท่าไหร่กันเชียว? พวกเขาน่าจะมาจากตระกูลที่มีเส้นสายจำกัด ดังนั้นคงไม่มีใครสนใจพวกเขาจริงๆหรอกต่อให้พวกเขาจะทำตัวขี้อวดก็ตาม…”
 
“เอ๊ะ? เอ่อ…นั่นสินะครับพี่ใหญ่ พี่พูดถูก”
 
จางจีมีสีหน้าสับสน แต่ก็เออออตามเฉินเฉินไปโดยไม่รู้ตัว
 
สีหน้าของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา และหน้าที่บึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที
 
“ไม่ทราบว่า คุณท่านเป็นใครหรอครับ….?” เจ้าหน้าที่นำมาพยายามจะสืบหาตัวตนของเฉินเฉิน
 
ถึงยังไง ลักษณะการพูดของชายคนนี้ก็น่าตกใจจริง ๆ และพวกเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
 
และโดยที่คาดไม่ถึง เฉินเฉินก็สะบัดมือใส่พวกเขา แล้วตอบกลับอย่างจริง ๆ “อย่าถามเรื่องที่ไม่ควรถามจะดีกว่านะ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าอยากหาเรื่องร้ายแรงให้ตัวเอง!”
 
เจ้าหน้าที่สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ฟังคำขู่ของเฉินเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ตัวตนของนายน้อยที่อยู่ตรงหน้า แต่พวกเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ธรรมดา
 
โดยไม่พูดอะไรอีก เฉินเฉินก็โยนอัญมณีจำนวนนึงให้พวกเขา
 
“เอารถม้าของพวกเราไปจอดที่ช่อง VIP แล้วคอยดูแลให้ดีด้วย”
 
“เอ๊ะ? ช่องอะไรนะครับ?” เจ้าหน้าที่รับอัญมณี และดูสับสนเป็นอย่างมาก
 
เฉินเฉินดุอีกครั้ง แล้วถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเป็นสถานที่ที่ต่ำต้อยจริง ๆ ไม่รู้จักแม้กระทั่งช่อง VIP เอาเถอะแค่คอยดูรถม้าของข้าให้ดีก็พอ”
 
“ครับ… ครับท่าน!”
 
ณ จุดนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเหงื่อแตกพลั่ก ในความคิดของพวกเขา พวกเขาเข้าใจว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีพื้นเพไม่ธรรมดา ซึ่งพวกเขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
 
ในระหว่างนั้นเอง พวกเขาก็อดรู้สึกเสียใจกับตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าหอลมใบไม้ผลิจะเป็นโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุดในเมืองสายลมสีคราม มันก็ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงเมื่อเผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตตัวจริงอย่างนายน้อยที่อยู่ข้างหน้า…
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset