ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 41: ท่านหญิงมู่หลง

“เจ้าจิ้งจอกน้อย ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดเรื่องนึง ข้าขอถามหน่อย…. ในห้องโถงนี้ใครมีอนาคตที่ดีที่สุด?”
 
เฉินเฉินถามด้วยสีหน้าผิดหวัง
 
“เจ้า”
 
อสูรจิ้งจอกลดเสียงของมันแล้วตอบกลับ ในตอนที่มันพูดออกมา มือที่จับคอมันอยู่ก็คลายลงเล็กน้อย
 
“เจ้ามีสายตาที่เฉียบแหลมดีนี่ เจ้าอาจจะเป็นอสูร แต่ก็ซื่อสัตย์อยู่นะ”
 
เฉินเฉินคลายมือออกอย่างเต็มที่ รอยยิ้มของเขาสดใส
 
หลังจากนั้นซักพัก จางจีก็เดินขึ้นมาพร้อมกับกาน้ำที่ดูหรูหรา และพนักงานบริการของหอลมใบไม้ผลิเองก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร
 
ชุดอาหารราคาสองพันตำลึงนั้นโดดเด่นจริงๆ จางจีตกตะลึงเมื่อได้เห็นความงดงามของทุกจานอาหาร
 
แม้กระทั่งเฉินเฉินก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ
 
เขาไม่เคยเห็นชุดอาหารระดับนี้มาก่อน แม้กระทั่งในชีวิตก่อนของเขา
 
อำนาจซื้อสำหรับสองพันตำลึงเงินในโลกนี้มันระดับเดียวกับหลายล้านในชีวิตก่อนของเขาเลย
 
เขาคงจะตัวสั่นถ้าเขาได้เห็นชุดอาหารราคาหลักล้านในชีวิตก่อนของเขา
 

 
เวลาล่วงเลยไปได้ซักพักแล้ว พวกที่คอยประจบก็เกือบจะแยกย้ายไปหมดแล้ว และพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารของตัวเอง ท่านหญิงมู่หลงเองก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น
 
ณ ตอนนี้ ชั้นล่างของหอลมใบไม้ผลิเริ่มวุ่นวายขึ้นมา เฉินเฉินมองไปแล้วเห็นว่ามีเวทีขนาดยักษ์ถูกจัดเอาไว้ที่ด้านล่าง มีสัตว์จำพวกเสือ หมีที่ถูกจับยัดเอาไว้ในกรงเริ่มถูกทยอยนำขึ้นไปบนเวที
 
“มีละครสัตว์ด้วยหรอ?”
 
ดวงตาของเฉินเฉินเปล่งประกายขึ้นและเขาก็ดูสนใจ
 
พูดตามตรง ในโลกฝึกตนนี้มันมีกิจกรรมบันเทิงน้อยมาก ในหมู่บ้านหิน เขาทำได้แค่เล่นกับดิน ความบันเทิงขั้นสูงอย่างละครสัตว์นั้นเป็นเรื่องแปลกหูแปลกตาสำหรับเด็กในหมู่บ้านหิน
 
เมื่อเห็นคนในเมืองสายลมสีครามตรงมาที่นี่ พวกคุณหนูในห้องโถงก็ไปรวมตัวกันที่ราวบันไดแล้วพูดเกี่ยวกับพวกเขา
 
“นายหญิง เห็นลูกหมาที่ชายคนนั้นอุ้มอยู่ไหมคะ? มันน่ารักมากเลย”
 
“ใช่ มันน่ารักจริงๆ แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะใช่หมานะ มันดูเหมือนจิ้งจอกมากกว่า”
 
ที่อีกด้านนึง ท่านหญิงมู่หลงกับสาวใช้ของเธอที่กำลังถูกประจบได้มองมาทางเฉินเฉิน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นอสูรจิ้งจอกในอ้อมแขนของเฉินเฉิน
 
“หืม ท่านหญิงมู่หลงคนนี้ฉลาดใช้ได้เลยนะเนี่ย”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เฉินเฉินก็ชื่นชมในใจ จากคนมากมายที่เจอมานี้ ในที่สุดก็มีคนที่สามารถบอกได้ว่าตัวที่เขาอุ้มอยู่นั้นเป็นจิ้งจอกไม่ใช่สุนัข
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือพนักงานบริการที่เคยคุยกับเขาก่อนหน้านี้รีบเข้าไปแก้ความเข้าใจผิดให้พวกเธออย่างรวดเร็ว
 
“ท่านหญิงมู่หลง นั่นก็ยังไม่ถูกซะทีเดียวหรอกครับ ที่แขกท่านนั้นกำลังอุ้มอยู่ก็คือสุนัขศักดิ์สิทธิ์อักกราอิสโร มันเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมากเลยครับ!”
 
“ช่างมีพรสวรรค์อะไรอย่างนี้!”
 
เฉินเฉินพึมพำ เขาเกือบจะลืมชื่อที่เขาคิดขึ้นมาเมื่อก่อนหน้านี้ไปแล้ว แต่พนักงานคนนี้กลับจำมันได้ทุกคำจริงๆ
 
ก่อนที่เขาจะหยุดพึมพำ พวกผู้ชายก็ตรงมาหาเขาเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือด
 
“ท่านครับ ข้าขอซื้อสุนัขของท่าน 1,000 ตำลึง! เพื่อนำไปให้ท่านหญิงมู่หลง!”
 
“ข้าให้ 2,000 ตำลึงเลย!”
 
“สี่พันตำลึง!”
 
“หมื่นตำลึง!”
 
ในขณะที่พวกผู้ชายกำลังเปิดประมูลกันอยู่นั้น สาวใช้ของท่านหญิงมู่หลงก็อดเย้ยหยันกับภาพนี้ไม่ได้ และเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา
 
นายหญิงของเธอคือความภาคภูมิใจของสวรรค์ ชายหนุ่มทุกคนในห้องโถงต่างก็คอยมาห้อมล้อมนายหญิงของเธอ ยกเว้นคนกลุ่มนี้ที่ดูไม่แยแสอะไร ซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิดจริงๆ
 
ตอนนี้ คนกลุ่มนี้น่าจะตระหนักได้ถึงเสน่ห์ของนายหญิงของเธอแล้วใช่ไหม!?
 

 
ปัง!
 
ในตอนนั้นเอง เฉินเฉินก็ทุบโต๊ะอย่างรุนแรงแล้วลุกขึ้น เขาจ้องมองทุกคน “มาเปิดประมูลกันต่อหน้าข้าแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน? ข้าดูเหมือนคนที่ต้องการเงินขนาดนั้นเลยรึไง?”
 
ทุกคนพากันเงียบกริบ
 
มันใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะมีคนเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ท่านครับ ในเมื่อท่านไม่ได้ต้องการเงิน ทำไมท่านไม่มอบสุนัขตัวนี้ให้ท่านหญิงมู่หลงซะหล่ะครับ?”
 
“ทำไมข้าต้องยกสัตว์เลี้ยงของข้าให้ด้วย?” ใบหน้าของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย
 
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกหลังจากได้ยินประโยคนี้
 
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจท่านหญิงมู่หลงและไม่ได้ผลเลย ซึ่งเด็กคนนี้มีวิธีอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับไม่สามารถแยกจากกับสุนัขได้
 
การเปรียบเทียบนี้มันน่าหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
 
แต่ถึงยังไง ที่นี่มันก็ไม่ใช่ดินแดนของพวกเขา เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินไม่เต็มใจ พวกคุณชายก็ไม่อยากบังคับเช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีต่อหน้าท่านหญิงมู่หลงได้ และมันก็คงจะไม่คุ้มเลยสักนิด
 
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อล้างความอับอาย ตำรวจในชุดเครื่องแบบคนนึงก็รีบวิ่งขึ้นมาชั้นบนอย่างกระทันหัน
 
“เรียนทุกท่าน มีข่าวมาจากฝ่ายป้องกันเมืองว่า เจ้าชายเจ็ดองค์ที่มุ่งหน้าไปยังรัฐจี่เมือสองวันก่อนพร้อมกับกลุ่มคน 200 คน ได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุในตอนที่เดินทางผ่านเนินเขาวัวทมิฬครับ
 
ถ้าท่านใดอยากไปที่รัฐจี่  ข้าแนะนำให้เลือกใช้เส้นทางอื่นจะดีที่สุด และชวนนักเดินทางคนอื่นไปด้วยจะดีกว่าครับ”
 
ในทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็มองหน้ากัน ไม่มีใครอยากดูละครสัตว์อีกแล้ว พวกเขาทุกคนเริ่มกังวลเหมือนกับมดที่อยู่บนกระทะร้อนๆแทน
 
กลุ่มคน 200 คนหายตัวไป… นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
 
คนพวกนี้เป็นคนมีฐานะทั้งหมด และถ้าพวกเขาทุกคนหายไปโดยไม่มีใครหนีรอดมาได้ ก็แสดงว่าในการจะเดินทางไปนั้นอย่างน้อยก็ต้องมีพลังมากกว่านั้นหลายเท่า
 
และมันก็ต้องมีการจัดระเบียบและดูแลความเรียบร้อยด้วย
 
“ต้องเป็นสายลับจากรัฐโจวที่แอบเข้ามาในรัฐจี่ของเราแน่เลย ไม่อย่างนั้นใครจะมีความแข็งแกร่งระดับนั้นได้หล่ะ?”
 
“ถ้ามีหนอนบ่อนไส้จากสำนักมารอยู่ที่นี่ ทำไมสำนักเทียนหยุนถึงไม่ส่งคนมาช่วย?”
 
ทุกคนพูดคุยกัน และยิ่งพวกเขาคิดถึงมัน พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้
 
หลังจากนั้นซักพัก ทุกคนก็โบ้ยความผิดไปให้สำนักเทียนหยุน
 
“สำนักเทียนหยุนไม่สนใจพวกเราเลยสักนิด”
 
“ใครจะไปสนใจสำนักแบบนี้กัน? ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปเลย ข้าจะกลับบ้านแล้ว ลาก่อนทุกคน!”
 

 
เมื่อเห็นเพื่อนของพวกเขาออกไป คนอื่นๆก็พากันหวั่นวิตก แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงหันไปมองท่านหญิงมู่หลง
 
เมื่อเทียบกับพวกเขา ท่านหญิงมู่หลงคือศิษย์อัจฉริยะที่สำนักเทียนหยุนให้ความสนใจ และมีเซียนคอยตามมาคุ้มกันเธอด้วย ถ้าพวกเขาอยู่ใกล้กับเธอไว้หล่ะก็คงจะปลอดภัย
 
ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจ ท่านหญิงมู่หลงก็พูดขึ้นมา
 
“ถ้าพวกเจ้ากลัวจะตามข้ามาด้วยก็ได้ในตอนที่เวลามาถึง สำนักเทียนหยุนจะไม่เพิกเฉยต่อความปลอดภัยของทุกคนอย่างแน่นอน”
 
ในตอนที่ทุกคนได้ยินสัญญาของท่านหญิงมู่หลง พวกเขาก็เกือบจะร้องไห้ออกมา พวกเขาเข้าไปขอบคุณเธอทีละคน จนแทบจะคุกเข่าคำนับอยู่แล้ว
 
แม้กระทั่งเฉินเฉินก็ยังมองเธอใหม่
 
จะว่าไปเธอก็เป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่นะ
 
“ทำไมเจ้าไม่มาขอบคุณท่านหญิงกัน? เจ้าจะไม่ไปที่สำนักเทียนหยุนรึไง?” สาวใช้ที่ติดตามท่านหญิงมู่หลงสังเกตเห็นว่าเฉินเฉินยังดูละครสัตว์ด้านล่าง สีหน้าของเธอจึงยิ่งดูรำคาญมากขึ้น
 
“หา? ข้ากับพี่ใหญ่จะไปที่สำนักเทียนหยุน แต่พวกเราจะใช้เส้นทางอื่น”
 
จางจีอธิบาย เฉินเฉินได้วางแผนการเดินทางไปรัฐจี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือพวกเขาจะเลือกเส้นทางที่มีคนน้อยๆ เพื่อที่จะหาสมบัติได้ง่ายขึ้น
 
ถ้าพวกเขาไปกับคนจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็คงจะไม่เจออะไรเลยในระหว่างทาง!
 
“เหอะ อย่าแอบตามมาทีหลังก็แล้วกัน!” สาวใช้เอามือเท้าเอว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ
 
“หวนน้อย หยุดพูดเถอะ ในอนาคตพวกเขาอาจจะได้เป็นเพื่อนร่วมสำนักของพวกเราก็ได้นะ”
 
ท่านหญิงมู่หลงห้ามเธอไม่ให้พูดต่อ
 
แต่คนที่อยู่รอบๆนั้นแสดงสีหน้าที่ต่างออกไป เพราะท่านหญิงพูดว่า ‘สำนักของพวกเรา’ มันก็หมายความว่าสาวใช้คนนี้เองก็จะเข้าสำนักเทียนหยุนใช่ไหม? หรือว่าเธอได้รับเหรียญของสำนักเทียนหยุนด้วย?
 
เมื่อคิดได้แบบนี้ สายตาของพวกเขาที่มีต่อสาวใช้ก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
 
ในสำนักนั้น พื้นเพครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรแก่การเอ่ยถึงเลย ถ้าพวกเขาทุกคนเข้าสำนักเทียนหยุนได้ สาวใช้ก็จะมีสถานะเดียวกันกับพวกเขา
 
แถมยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับท่านหญิงมู่หลงอีก สาวใช้คนนี้อาจจะมีอนาคตที่สดใสกว่าพวกเขาทุกคนก็ได้…
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset