ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 44: เจ้าคือใครกัน?!

“มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะ ที่จะมีชื่อเสียง ดูอย่างมู่หลงหยุนหลานสิ เธอเป็นคนดังไม่ใช่หรือไง? ดังนั้นคนจำนวนมากจึงหาข้อผิดพลาดของเธอยังไงละ” เฉินเฉินพูดอย่างเฉื่อยชา เขาดูเหมือนไม่ชอบความโด่งดัง
 
จางจีตัวสั่นสะท้านกับสิ่งที่เฉินเฉินพูด เขาครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่จะพบว่าสิ่งที่เฉินเฉินพูดนั้นเป็นเรื่องจริง หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
 
“พี่ใหญ่….พี่พูดถูกแล้ว แต่ด้วยพรสวรรค์ของพี่แล้ว มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่จะไม่มีชื่อเสียง!”
 
เฉินเฉินมึนงงไปชั่วขณะ แต่อดจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
 
เขาเอ็นดูต่อท่าทางที่จริงจังของจางจี ถึงแม้ว่ามันดูเหมือนเขากำลังเยินยออยู่ก็ตาม เฉินเฉินรู้ดีว่าคำพูดของเขานั้นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ
 
นี่มันทำให้เขามีความสุขมาก…
 
หลังจากผ่านค่ำคืนที่ได้นอนอย่างสงบในโรงเตี๊ยม เฉินเฉินและจางจีต่างมุ่งหน้าตรงไปยังสนามซ้อมของเมืองจี๋โจวในยามเช้า
 
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่กองกำลังทหารต่างฝึกฝนเป็นประจำ แต่มันถูกจองไว้ให้สำนักเทียนหยุนคัดเลือดลูกศิษย์ในวันนี้
 
เมื่อเฉินเฉินและจางจีมาถึงสนามซ้อม คนนับพันคนก็ได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
 
หนึ่งในพวกเขาเหล่านั้นคือมู่หลงหยุนหลาน ในตอนนี้เธอยืนอยู่อย่างเงียบๆในฝูงชน ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าเข้าใกล้เธอเลย
 
เมื่อเทียบกับความสง่างามของเธอที่แสดงออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้เธอนั้นดูเย็นชา ตึงเครียดมากจนทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เธอถอยห่างออกไป
 
นอกจากเธอแล้ว ชายอีกคนหนึ่งก็ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน เขายืนอยู่ตรงนั้นตัวคนเดียว โดยมีพื้นที่ว่างรอบตัวเขา เหมือนกับว่าเขาจะกลืนกินคนอื่น
 
“เขาคือใครกัน? ทำไมเขาดูดีได้ถึงเพียงนี้กันเนี่ย?” เฉินเฉินถามออกมา ก่อนที่คนรอบตัวเขาจะตอบกลับมาในทันที
 
“เขาเป็นลูกชายของนายพลจี๋โจว เขาคุ้นเคยกับการฆ่าฟันมาตั้งยังเยาว์วัย เขายังมีออร่าสังหารที่อยู่ล้อมรอบตัวเขาอีก มันจึงไม่มีใครเลยที่กล้าจะเข้าใกล้เขา”
 
‘นายพลจี๋โจว…..ภูมิหลังของเขานั้นดูดียิ่งกว่ามู่หลงหยุนหลานอีก!’ เฉินเฉินประหลาดใจ
 
นายพลจี๋โจวนั้นมีหน้าที่ในการดูแลกองทัพของเมืองจี๋โจว เขามีอำนาจเป็นรองเพียงแค่เจ้าเมืองจี๋โจวเท่านั้น
 
เมื่อเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอันดับสองของรัฐใหญ่เช่นนี้แล้ว เขาจึงมีพลังและอำนาจมากกว่าเหล่าคนที่แข็งแกร่งในเมืองแห่งนี้
 
หลังจากพูดคุยกับคนที่อยู่รอบข้างเขา พวกเขาก็เริ่มเข้ากันได้ดี
 
นอกจากนี้ เฉินเฉินยังมีความเก่งกาจในด้านการต้มตุ๋นคนอื่นอีกด้วย คนที่เขาคุยกันอยู่ด้วยนั้นเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเสียดายที่ไม่ได้รู้จักกับเฉินเฉินมาก่อนหน้านี้
 
ทันใดนั้นเอง ชายแก่หัวหงอกพร้อมกับหนวดสีขาวก็เดินไปยืนบนเวทีใหญ่ในสนามซ้อม
 
“เงียบ!”
 
เพียงแค่คำพูดเพียงคำเดียว เสียงพูดคุยนับพันเสียงในสนามซ้อมต่างเงียบลงในทันที ทุกคนต่างรับรู้ถึงตัวตนของชายแก่ทันทีที่พวกเขาเห็น ดังนั้นพวกเขาต่างจึงเงียบลงและไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา
 
“คนที่มีเหรียญตราของสำนักเทียนหยุน เดินขึ้นมาบนเวทีได้เลย” ชายแก่พูดต่อ หลังจากที่ทุกคนเงียบลง
 
เมื่อเขาพูดเสร็จ คนไม่ถึงร้อยคนก็เดินขึ้นไปบนเวที
 
พวกเขาทั้งหมดต่างดูภาคภูมิใจและดูมีความมั่นใจกันทั้งนั้น
 
มู่หลงหยุนหลานและสาวใช้ของเธอก็อยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับลูกชายของนายพลจี๋โจว
 
“พี่ใหญ่ ข้าไปก่อนนะ!” จางจีบอกกับเฉินเฉิน ก่อนที่จะหยิบเหรียญตรายืนยันตนออกมา
 
เฉินเฉินให้กำลังใจเขาก่อนที่จะตบไหล่เพื่อบอกเขาให้ไปยังบนเวทีได้อย่างสบายใจ
 
เมื่อมองแผ่นหลังของจางจีที่เดินจากไป เฉินเฉินก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
 
ถ้าเขาไม่ได้ปรากฏขึ้นตัวขึ้นแล้ว เขาคนนี้คงจะร่ำรวยกว่าเขามากแล้วละ
 
และเขายังคงรู้สึกขอบคุณกับเขามากถึงเพียงนี้อีก ปฏิบัติกับเขาราวกับพี่ชายตัวเองอีก
 
‘เอาละ เมื่อข้าสร้างสำนักหรือเป็นหัวหน้าอะไรสักอย่างในอนาคต ข้าจะทำให้เขากลายเป็นรองเจ้าสำนักเอง’ เฉินเฉินปลอบประโลม
 

 
ชายแก่บนเวทีเก็บเหรียญตราเสร็จ ก่อนที่จะก้มมองลงด้านล่างเวทีอีกครั้งหนึ่ง
 
“ใครก็ตามที่มีพ่อแม่หรือผู้อาวุโสที่ฝึกตน เดินขึ้นมาบนเวทีได้เลย”
 
ทันทีที่เขาประกาศออกมา กลุ่มคนอีกนับร้อยคนก็เดินขึ้นไปบนเวที
 
พรสวรรค์ในการฝึกตนนั้นขึ้นอยู่กับสายเลือดเช่นกัน ปกติแล้ว ถ้าพ่อแม่เป็นเซียนแล้ว พวกเขาส่วนมากก็จะกำเนิดลูกที่มีพรสวรรค์ในการฝึกตนออกมาเช่นเดียวกัน
 
เพื่อตรวจสอบศักยภาพแล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนที่จะเรียกพวกเขาขึ้นมาบนเวที
 
ผู้อาวุโสตรวจสอบพวกเขา หลังจากนั้นคนจำนวนประมาณห้าสิบคนก็เดินลงเวทีไปด้วยสภาพที่ผิดหวัง
 
มีคนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน ถ้าจำนวนของมันยังเป็นจำนวนเท่านี้ต่อคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีแล้วละก็มันจะเป็นจำนวนที่มากจนจินตนาการออกมาไม่ได้เลย
 
เมื่อเขาตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้เสร็จ ชายแก่ที่ยืนอยู่บนเวทีก็หมดความสนใจแล้ว
 
ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตของเขา มันเกือบจะเสร็จแล้ว ถ้ามันมีคนอีกนับสิบคนจากพันคนที่ยังผ่านเกณฑ์ มันก็เป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้วละ
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็เตรียมที่จะออกคำสั่งให้คนตั้งแถวและเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อตรวจสอบ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา มันก็มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวและเขาก็เปลี่ยนความคิด
 
“ถ้าเจ้าคิดว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เดินขึ้นมาบนเวทีได้เลย”
 
เมื่อพวกเขาได้ยินมัน คนนับพันคนที่อยู่ต่างเงียบงัน ไม่มีใครสักคนกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
 
ถ้าพวกเขาเดินขึ้นไปบนเวทีและโดนปฏิเสธไปโดยผู้อาวุโสแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก พวกเขาจะกลายเป็นที่โด่งดังในเมืองจี๋โจวมากและพวกเขาจะมีหน้าไปพบกับคนอื่นได้ยังไง?
 
ไม่เพียงแค่พวกเขาจะทำให้ตัวเองอับอาย การกระทำของพวกเขายังจะทำให้พ่อแม่ของเขาอับอายอีกด้วย
 
ยังไงก็ตาม เฉินเฉินไม่ได้สนใจเลยสักนิด เขาต้องการที่จะเดินผ่านฝูงชนและเดินขึ้นไปเวที แต่คนที่คุยกับเขาก่อนหน้านี้ก็รั้งเขาไว้
 
“พี่ชาย ถ้าเจ้าขึ้นไปคนเดียวและไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน ข้าละกลัวว่าเจ้าจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองจี๋โจวเนี่ยสิ!”
 
“ใช่เลย พี่ชาย ความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกัน หลังจากนั้นเจ้าก็สามารถแอบแฝงตัวเข้าไปโดยไม่เป็นที่สังเกตมากเท่าไหร่ได้!”
 
เมื่อมองไปที่ความกังวลบนใบหน้าของพวกเขา เฉินเฉินพูดออกมาอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวลไปหรอกหน่า ถ้าข้าไม่มีความสามารถในการฝึกตนและกลายเป็นตัวตลกของเมืองจี๋โจวแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาหัวเราะไปเถอะ เส้นทางของการฝึกตนเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่จะมีโอกาสตายด้วยซ้ำไป”
 
หลังจากพูดจบ เฉินเฉินก็สะบัดมือของพวกเขาออกและเดินตรงไปยังเทวี
 
เมื่อพวกเขาเห็นแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของเฉินเฉิน ใบหน้าของพวกเขาต่างดูซับซ้อนขึ้น
 
“เขาเดินตรงเข้าไป แม้ว่าจะมีสายตานับพันจับจ้องเขาอยู่…..เขาคือต้นแบบของรุ่นพวกเราเลย”
 
“เฮ้อ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองจี๋โจว ข้าก็จะไม่ทิ้งเพื่อนคนนี้ไปอย่างแน่นอน พี่ชาย เจ้าคิดว่าไง?”
 
“เจ้าหมายความว่ายังไง? ข้าดูเหมือนเป็นพวกขี้กลัวที่คบเพื่อนโดยหวังผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวงั้นหรือไง?”
 
…เมื่อเดินผ่านกลุ่มคนไป เฉินเฉินก็ได้เข้าใกล้เวทีอย่างช้าๆ
 
ทุกคนในสนามซ้อมต่างสังเกตเห็นเขาแล้ว
 
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขา เฉินเฉินก็ยิ้มกว้างและเดินขึ้นไปบนเวที
 
“เขางั้นเหรอ? เจ้าเด็กเวรนั่น! ข้าไม่เชื่อเลยว่าจะมาถึงจี๋โจวได้อย่างปลอดภัยแบบนี้”
 
ด้านหลังของชายแก่ สาวใช้ของมู่หลงหยุนหลานประหลาดใจที่เห็นเฉินเฉิน
 
มู่หลงหยุนหลานก็มองไปที่เฉินเฉินบนเวที สีหน้าของเธอดูจริงจังอย่างมาก เหมือนกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
 
“ฮวนน้อย เขาทำถูกแล้วละที่ไม่ตามพวกเรามา คิดถึงพวกคนที่โดนฆ่าไปโดยสำนักอสูรสิ…”
 
มู่หลงหยุนหลานร้องไห้ออกมา
 
ยังไงก็ตาม ฮวนน้อยยังคงมีรอยยิ้มที่ดูถูกอยู่ เธอตอบกลับไป “คุณหญิง อย่าโทษตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ท่านไม่ได้บังคับให้พวกเขาตามท่านมาสักหน่อย มันเป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถมากพอจึงโดนฆ่าไป”
 
“สำหรับเจ้านี่แล้ว เขาไม่ได้ตามท่านไปเพราะว่าเขาต้องการเป็นคนพิเศษยังไงละ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ถูกหรือผิดเลย ทุกคนตามท่านไป ยกเว้นเขาและไม่มีใครสักคนที่เดินขึ้นมาบนเวทีเลยสักนิด ข้าเห็นคนแบบเขามามากแล้วละ คนที่คิดว่าตัวเองเท่ห์และน่าจับตามองกับการทำเรื่องแบบนี้ แต่ความจริงแล้ว มันก็เป็นแค่เรื่องที่พวกเขาเพ้อฝันไปเองเท่านั้น”
 

 
“พี่ใหญ่ก็ยังคงเป็นพี่ใหญ่อยู่ตลอด ความมั่นใจ…ออร่าของเขา..เมื่อไหร่กันนะที่ข้าจะเป็นได้อย่างกับเขา?”
 
นอกจากกลุ่มคนที่พูดคุยกันบนเวทีแล้ว คนด้านล่างต่างแสดงความคิดเห็นออกมาเต็มไปหมด
 
“เขาคือใครกัน? ทำไมเขาถึงเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้กัน?!”
 
“พระเอกอย่างข้ายังไม่กล้าขึ้นไปเวที เขามีสิทธิ์อะไรกัน?”
 
“พี่ชาย ตั้งแต่ที่พี่เป็นพระเอกแล้ว พี่ขึ้นไปบนเวทีดีไหม?”
 
“ข้าแค่ล้อเล่นหน่า ล้อเล่นอะ เข้าใจไหม? อย่าคิดจริงจังไปสิ”
 

 
ผู้อาวุโสบนเวทีประหลาดใจเมื่อเห็นคนเดินขึ้นมาบนเวทีจริงๆ แต่ความประหลาดใจของเขาก็หายไปทันที มันถูกแทนที่ไปด้วยความจริงจังแทน
 
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคือใครกัน?!” เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงดังก้องที่ใสฟังชัด มันทำให้ทั่วทั้งสนามซ้อมต่างตกอยู่ในความเงียบงัน
 
ทุกคนต่างปรารถนาที่จะรับรู้ถึงตัวตนของชายที่บ้าบิ่นคนนี้
 
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม เฉินเฉินโค้งตัวเล็กน้อยก่อนที่จะแนะนำตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น
 
“ข้าคือเฉินเฉินจากหมู่บ้านหิน มณฑลเสฉวน เมืองเฟยหยุน จี๋โจวครับ”
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset