ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 47: แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?

เช้าวันต่อมา
 
เฉินเฉินและจางจีได้มาถึงจุดที่นัดรวมตัวกัน คนเกือบสองร้อยคนที่ถูกเลือกไว้ได้มาถึงแทบจะทั้งหมดแล้ว
 
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างขนของมาเพียงไม่กี่อย่าง มันมีสัมภาระเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น มีเพียงแค่เฉินเฉินเท่านั้นที่แบกรถเกวียนมาถึงสามคัน
 
“เฉินเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องแบกของมาเยอะหรอก เมื่อพวกเราไปถึงสำนักเทียนหยุน พวกเราจะส่งของที่สำคัญให้กับเจ้าเองละ” เว่ยฉานเฮออดที่จะเตือนเขาออกมาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นรถเกวียนสามคันเต็มไปด้วยของมากมาย
 
“ผู้อาวุโสครับ ของที่ข้าขนมานี่มันเป็นของที่ดีเยี่ยมทั้งหมด มันไม่มีทางที่ข้าจะทิ้งมันไปได้เลย ยังไงก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าพวกผู้ฝึกตนที่เก่งกาจต่างมีถุงเก็บของหรือแหวนเก็บของอยู่นี่ครับ ผู้อาวุโสมีมันบ้างไหมครับ? ท่านให้ข้ายืมสักวงได้ไหม? เดี๋ยวอนาคตข้าจะคืนให้ท่านสองวงเลย”
 
ตาของเว่ยฉานเฮอกระตุกกับสิ่งที่เฉินเฉินพูด เขารีบแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินทันที
 
ผู้คนรอบข้างเขาต่างมีสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
 
เขาคนนี้ทำตัวสนิทสนมกับทุกคน ลูกศิษย์แบบเขากล้าดียังไงถึงมีหน้ายืมของผู้อาวุโสกัน? ไม่เพียงแค่นั้น ผู้อาวุโสยังไม่ด่าเขาอีก ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนดูสามารถที่จะพูดคุยเล่นกันได้มากเกินไปอีก
 
ชั่วครู่ต่อมา สมาชิกทั้งหมดต่างได้มาถึงจุดนัดหมาย เว่ยฉานเฮอได้กล่าวว่าเจ้าสำนักจะมาถึงในอีกไม่นานเช่นกัน ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ออกจากเมืองไป
 
พวกเขาทั้งหมดต่างขึ้นบนหลังม้า ด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองจี๋โจว
 
คนธรรมดาทั่วไปจำนวนมากต่างรวมตัวกันดูเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างมีสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
 
พวกเขารู้ดีว่า ตอนนี้กลุ่มคนเหล่านี้จะยังเป็นแค่คนธรรมดาก็ตาม แต่พวกเขาจะกลับมาในฐานะเซียน ซึ่งแตกต่างไปจากพวกเขาทั้งหมด
 
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงเดินตามข้ามากัน?”
 
เฉินเฉินนั้นอยู่ด้านหลังของขบวน เขาจ้องไปที่เว่ยฉานเฮออย่างระมัดระวัง เว่ยฉานเฮอนั้นดูเหมือนทำตัวใกล้ชิดกับเขาอย่างมาก
 
“เจ้าเด็กน้อย ทำไมข้าต้องตามเจ้าไปด้วยกัน? ข้าแค่อยากอยู่ข้างหลังแค่นั้นเอง!” เว่ยฉานเฮอเถียงกลับอย่างกระอักกระอ่วน
 
เฉินเฉินเร่งความเร็วขึ้นทันทีที่เขาได้ยิน เขาได้มุ่งตรงไปยังใจกลางของขบวนทันที
 
เว่ยฉานเฮอแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธกับสิ่งที่เขาเห็น เขาตามเจ้าเด็กนี่ไปเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเขาปกป้องเจ้าเด็กนี่ได้ แต่เขายังไม่รู้สึกขอบคุณอีก! แย่มาก!
 
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังรีบมุ่งตามไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเด็กนี่แล้ว เจ้าสำนักคงจะเผาเขาทั้งเป็นแน่ๆ
 
ก่อนที่เฉินเฉินจะได้ตั้งคำถามอะไร เว่ยฉานเฮออธิบายออกมาก่อน “ข้าพึ่งมีความคิดว่าข้าจะต้องปกป้องลูกศิษย์จากตรงกลางของขบวนมากกว่า”
 
เฉินเฉินยิ่งสงสัยกับสิ่งที่เขาได้ยินมากขึ้นไปอีก เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ผู้อาวุโส ข้าได้ยินมาว่าเหล่าผู้ฝึกตนเคยพูดถึงการสับเปลี่ยนวิญญาณมาก่อน คนของท่านต้องการสับวิญญาณของข้า เพราะว่าข้ามีพรสวรรค์อย่างงั้นหรือ?”
 
“การสับเปลี่ยนวิญญาณมีเพียงแค่ระดับวิญญาณแก่นแท้*เท่านั้นแหละ มันไม่มีคนที่อยู่ในระดับนั้นในรัฐจินเลยสักคน เจ้าไปได้ยินเรื่องไร้สาระแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน?”
 
เว่ยฉานเฮอหัวเราะออกมา สับเปลี่ยนวิญญาณ? เขาปรารถนาว่าเขาจะทำมันได้ด้วยซ้ำไป แต่เขาไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอที่จะทำมันได้
 
“เอาละ มันก็ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วละ แต่ข้ายังคงมีคำถามอยู่อีกหลายอย่างง…”
 

 
การสนทนาของทั้งสองคนทำให้ลูกศิษย์ที่เหลือต่างเต็มไปด้วยความอิจฉา มีเพียงแค่ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์เท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษในการพูดคุยแบบนั้นกับผู้อาวุโส แม้ว่าจะเป็นก่อที่จะเข้าสำนักก็ตาม
 
ถ้าพวกเขาเดินเข้าไปถามแล้ว พวกเขาคงจะโดนทักทายโดยการกรอกตากลับแน่นอน
 

 
พวกเขาได้เดินทางออกไปจากประตูเมืองจี๋โจวและเดินไปถึงเส้นทางหลักแล้ว
 
สีหน้าของเว่ยฉานเฮอเปลี่ยนเป็นจริงจัง ถ้าพวกเขาถูกโจมตีโดยสำนักอสูรแล้ว มันก็คงน่าจะเกิดขึ้นบนเส้นทางหลักนี่แหละ
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาต้องการให้พวกเขาเดินทางช้ากว่านี้ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา เสียงมันก็ดังเข้ามาในหูของเขาก่อน
 
“ฉานเฮอ ไม่ต้องกังวลไป มุ่งหน้าต่อไปนั่นแหละ ข้า เจ้าสำนักได้มาพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุด วันนี้ ข้าจะคอยดูสิว่าพวกสำนักอสูรจะมีความกล้าในการสร้างความวุ่นวายจริงๆหรือเปล่า!”
 
เสียงนี้ได้ทำลายความกังวลทั้งหมดของเว่ยฉานเฮอไป ในจุดนี้เขากังวลแทนว่าสำนักอสูรจะไม่ปรากฏตัวขึ้นแทนเสียมากกว่าแล้ว
 
ด้านบนก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าของพวกเขา มีคนมากมายกำลังจ้องลงมาบนผืนดินด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
 
“ท่านลุง ท่านตรวจสอบแล้วหรือยัง เจ้าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉานเฮอนั้นมีร่างกายต้นกำเนิดจริงๆ”
 
“ใช่ เขามีมัน!”
 
“ข้ามั่นใจด้วยเช่นกัน! นอกจากร่างกายต้นกเนิดแล้ว มันไม่มีร่างกายชนิดอื่นที่ข้าจะคุ้นชินอีก”
 
ชายคนที่ตั้งคำถามยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่จะพึมพำ “พระเจ้าได้ประทานพรกับสำนักเทียนหยุนของข้าแล้ว”
 
“เจ้าสำนัก เขาควรได้รับการสั่งสอนจากคนไหนดี? พูดตามจริงแล้ว ข้าไม่เคยมีลูกศิษย์มาก่อนเลยสักคน…”
 
“ศิษย์พี่ ท่านพูดได้ยังว่าท่านไม่มีลูกศิษย์สักคน? ไม่ใช่เจ้าเว่ยฉานเฮอเป็นลูกศิษย์ท่านไม่ใช่รึไง? แต่ดูข้าสิ! ข้ามีลูกศิษย์สองคน แต่พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรเลยสักคน พวกเขายังไม่ได้รับสืบทอดมรดกจากข้าไปด้วยซ้ำ”
 
“เจ้าคิดว่าเว่ยฉานเฮอมีพรสวรรค์หรือยังไง?”
 
เจ้าสำนักเทียนหยุนโบกมือก่อนที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะทะเลาะกัน เขาพูดขึ้น “ทุกคนไม่จำเป็นต้องสู้กันหรอก ข้าจะรับเจ้าเด็กนี่เป็นลูกศิษย์ของข้าเองและข้าจะมอบวิชาสูงสุดของสำนักให้กับเขาเอง”
 
ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการที่จะต้องการโต้เถียงต่อ แต่เจ้าสำนักเทียนหยุนฉีกยิ้มขึ้นมา เขาจ้องมองลงไปด้านล่างใต้ก้อนเมฆ
 
“พวกสำนักอสูรนั้นมาจริงๆงั้นหรือ? ฮึ่ม! พวกมันนี่ช่างโง่เขลาเสียจริง!”
 

 
ด้านล่าง พวกเขาต่างหยุดม้าไว้ เนื่องจากกลุ่มคนได้พุ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่พวกเขาได้มาปิดทางของกลุ่มลูกศิษย์จากสำนักเทียนหยุนเอาไว้
 
กลุ่มคนนี้ได้แต่งตัวในชุดดำ สีหน้าของพวกเขาดูไม่ได้แยแสต่อสิ่งใด มันเหมือนราวกับเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ ยังไงก็ตาม มันไม่มีม้าตัวไหนกล้าที่จะขยับตัวไปเบื้องหน้าเลยสักตัว
 
“พวกเขาเป็นหุ่นหรือเปล่า?” เว่ยฉานเฮอจ้องไปที่ด้านหน้า
 
มันกลับกลายเป็นว่ามันเป็นกลุ่มหุ่นศพ ยังไงก็ตาม การควบคุมศพนั้นไม่ได้เป็นความยอดเยี่ยมของสำหรับสาขาที่ 13 ของสำนักอสูรเลยสักนิด
 
“หึหึ! ข้าหลิ่วเฮยได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ผู้อาวุโสของสาขาที่ 12 ของสำนักอสูร ข้าได้รับคำเชิญมาเพื่อคร่าชีวิตของพวกเจ้าแล้ว”
 
วินาทีต่อมา ผู้อาวุโสหลังค่อมเดินโผล่ออกมาจากด้านหลังของหุ่นศพ เขาถูกปกคลุมไปด้วยผ้าคลุมสีดำ เสียงของเขาทั้งแหบแห้งและน่าขนลุก มันทำให้ทุกคนต่างหวาดหวั่น
 
“มันดูไม่เหมือนหุ่นศพระดับฝึกพลังปราณ 12 ตัวและผู้ฝึกตนด้านอสูรในระดับสร้างรากฐานจะสามารถปิดชีวิตข้าได้นะ” เว่ยฉานเฮอยิ้มเยาะออกมา หลังจากที่รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย
 
“แล้วถ้าพวกเราละ?”
 
กลุ่มคนอีกนับสิบคนปรากฏขึ้นอีกฝั่งของถนน ทีละคน ทีละคน พวกเขามีผู้อาวุโสขั้นสร้างรากฐานสี่คนท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นและที่เหลือต่างเป็นผู้ฝึกตนขั้นฝึกพลังปราณกันทั้งหมด
 
พร้อมกับขบวนรบเช่นนี้แล้ว มันเหมือนกับว่าสมาชิกทั้งหมดของสาขาที่ 13 ของสำนักอสูรทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่ในจี๋โจวต่างถูกเรียกมายังที่แห่งนี้ยังไงยังงั้น!
 
เว่ยฉานเฮอกัดฟันอย่างเดือดดาลกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้าเขา
 
ถ้าเจ้าสำนักไม่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ชะตาเขาคงจะขาดเป็นแน่แท้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลยด้วยซ้ำ ลูกศิษย์ที่พึ่งรับเข้ามาใหม่ทั้ง 200 คน คงจะจบชีวิตลงที่นี่ตามไปด้วย
 
ทำไมพวกสำนักอสูรถึงได้ส่งคนมามากถึงเพียงนี้กัน?
 
“เจ้าแก่ เลิกเนียนได้แล้ว! มันจะต้องมีผู้อาวุโสหนึ่งหรือสองคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อมาช่วยเจ้าใช่ไหม?”
 
ชายวัยกลางคนที่วางแผนที่จะลอบโจมตีในจี๋โจวกระโดดออกมาด้านหน้า ใบหน้าของเขาดูเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมาก
 
ก่อนที่เว่ยฉานเฮอจะสามารถตอบกลับไปได้ เขาก็พูดต่อด้วยความมั่นใจ “เจ้าแก่ คนของข้าสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเจ้าตอนที่เจ้าเห็นเจ้าเด็กนั่นเมื่อวาน ถ้าข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็เขาจะต้องมีพรสวรรค์ที่น่ามหัศจรรย์อย่างแน่นอน! ซึ่งมันทำให้แม้แต่เจ้า ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนยังตกตะลึงได้ถึงเพียงนั้น!”
 
เฉินเฉินทำหน้าตาใสซื่อ เมื่อชายวัยกลางคนชี้มาที่เขา
 
อะไร? มันผิดหรือไงที่มีพรสวรรค์?
 
“ในตอนที่เจ้าเลือกลูกศิษย์อยู่ เจ้ายังขอเวลาห้านาทีจากทุกคนอีก เจ้าจะต้องใช้เวลานั้นเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากสำนักเทียนหยุนสินะ โดยวิธีการใช้เหรียญตราสื่อสารนั่น เจ้ากลัวว่าเรื่องเลวร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับเจ้าเด็กที่มีพรสวรรค์นั่น”
 
“แม้แต่ตอนนี้เจ้ายังคอยปกป้องเจ้าเด็กหนุ่มนั้นอยู่อย่างใกล้ชิด นี่มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าเด็กหนุ่มมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งมันได้ก้าวข้ามพรสวรรค์ของมู่หลงหยุนหลานไปด้วยซ้ำ! ข้าสงสัยว่าสิ่งที่ข้าพูดไปมันถูกต้องไหม?”
 
เว่ยฉานเฮอหน้าแดงฉาน เพราะเขาถูกเปิดเผยความจริงออกมา เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงมือทำไปเมื่อวันก่อน
 
ยิ่งไปกว่านั้นชายคนที่พูดออกมามันก็เป็นเพียงแค่รุ่นน้องที่ยังอยู่ในระดับฝึกพลังปราณเพียงเท่านั้น มันน่าอับอายอะไรเช่นนี้!
 
‘พรสวรรค์!’ เฉินเฉินประหลาดใจด้านในตัวเอง ถ้าชายคนนี้ได้รับมอบเจ้าปืนยิงยาสลบแล้ว เขาคงคิดว่าเจ้าคนนั้นมันถูกสิงโดยโคนันแล้วละ
 
เขานั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นสปายในเมืองจี๋โจวแห่งนี้จริงๆ ทั้งการสังเกตการณ์ของเขาและเหตุผลที่เขาพูดออกมานั้นยอดเยี่ยมมาก
 
มันทำให้เฉินเฉินมีคำถามอยู่ในหัวว่าสำนักเทียนหยุนได้ส่งคนมาช่วยพวกเขาหรือเปล่า?
 
“เจ้าแก่ เจ้าคิดว่าเจ้าคงฉลาดสินะ แต่ความจริงแล้วเจ้ามันโง่มาก ข้าสังเกตเห็นทุกสิ่งที่เจ้าทำนั่นแหละ!”
 
ชายวัยกลางคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ผู้อาวุโสของสำนักอสูรที่อยู่รอบเขาต่างมีท่าทางพึงพอใจด้วยเช่นกัน
 
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่จะทิ้งคนที่มีพรสวรรค์แบบเขาไว้ในเมืองจี๋โจวเพื่อทำหน้าที่สปายแบบนี้
 
ในเวลานั้นเอง ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นไปบนฟากฟ้า เขาก็ตะโกนออกมา “คนของพวกเราได้ล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว ดังนั้นสถานที่ที่สำนักเทียนหยุนจะซ่อนตัวได้มันมีอยู่เพียงที่แห่งเดียวเท่านั้น!”
 
“ข้าสงสัยว่าข้าคิดถูกไหม? ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมวลเมฆใช่ไหม?”
 
พอเขาพูดจบ ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า
 
วินาทีต่อมา เสียงที่ใจเย็นก็ดังก้องไปทั่วผืนฟ้า
 
“เจ้าพูดถูกแล้วละ แต่เจ้าจะทำอะไรได้อีกกันถ้าข้าอยู่ที่นี่?”
 
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าสำนัก ชายวัยกลางคนที่ชี้ไปขึ้นบนท้องฟ้าและทำท่าหยิ่งยโสก็ตัวอ่อนทันที เขาเกือบจะล้มลงกับพื้นด้วยซ้ำไป เขาดูเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่
 
แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักอสูรยังหน้าซีดเซียวกันทั้งหมด!

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset