ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 56: สายลับของสำนักอู๋ซิน

เช้าตรู่วันต่อมา เฉินเฉินยังคงมีอาการสับสนอยู่
 
ในตอนนั้นเอง หูเซียงเอ๋อก็เดินออกมาจากจุดที่พวกเขาอ่านหนังสือกันอย่างเขินอาย ในฐานะปีศาจ เธอไม่ได้นอนหลับมายาวนานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอเผลอหลับไปเมื่อคืน
 
ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังจำได้ด้วยว่าเธอน้ำลายไหลในตอนที่ตื่นขึ้น
 
‘เจ้านายต้องเห็นแล้วแน่ ๆ น่าอายชะมัด!’
 
“อรุณสวัสดิ์ค่ะเจ้านาย…” หูเซียงเอ๋อทักทายเขาเพื่อซ่อนความเขินอายของตัวเอง
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เฉินเฉินก็พึมพำออกมา “ข้ามีข่าวดีกับข่าวร้ายมาบอกเจ้า อยากฟังข่าวไหนก่อน?”
 
“เอ๋?” หูเซียงเอ๋อตกตะลึง จากนั้น เธอก็อุทานขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ข่าวดีค่ะ!”
 
“ในอนาคตเจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลสวนสมุนไพรแล้ว”
 
หูเซียงเอ๋อไม่ได้รีบดีใจ แต่เธอถามด้วยความระมัดระวังแทน “แล้วข่าวร้ายหล่ะคะ?”
 
“เจ้าต้องสอนมันพูด!” เฉินเฉินพูดอย่างจริงจังในขณะที่ชี้ไปทางสวนสมุนไพร
 
หูเซียงเอ๋อมองไปทางที่เฉินเฉินชี้ แล้วตอนนั้นเองเธอก็ได้เห็นภาพที่น่าตกใจ
 
ที่กลางสวนสมุนไพร มีวิญญาณดินเหลือง 10,000 ปีสูงหนึ่งฟุตที่ถูกพันด้วยผ้าและโผล่ออกมาจากดินกำลังแผ่พลังปราณออกมา
 
นอกจากนั้น ผักบุ้งเองก็กำลังส่ายก้านดอกของมันแล้วส่งเสียงออกมาเป็นชุด
 
“อรุณสวัสดิ์ อรุณสวัสดิ์ อรุณสวัสดิ์!”
 
“เจ้าสมุนไพรสองตนนั้นมีสติปัญญาด้วยหรอคะ?” หูเซียงเอ๋อถามด้วยความตกใจ
 
“ใช่ไหมหล่ะ? จิตวิญญาณดินเหลืองเป็นปีศาจอยู่แล้วแต่ดูเหมือนว่าเจ้าผักบุ้งจะมีความสามารถในการพูดและสนุกกับการเลียนแบบคำพูดของมนุษย์ด้วย ในตอนที่เจ้ามีเวลาว่างก็สอนมันพูดด้วยหล่ะ จะว่าไป ดูเหมือนว่ามันจะมีความสามารถพิเศษในการทำให้สมบัติในสวนสมุนไพรออกดอกออกผลด้วยนะ”
 
เฉินเฉินอธิบายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ
 
“เค่ะเค่ะเค่ะ!” เจ้าผักบุ้งส่งเสียง
 
พอได้ยินเสียงแปลกๆนี้ หูเซียงเอ๋อก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “พรสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์… ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าผักบุ้งน้อยจะพัฒนาพรสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่พิเศษอย่างความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาเติบโต…”
 
ในตำนาน ความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาของกระบวนการออกดอกออกผลนั้นมีแค่เซียนที่อยู่ขั้นวิญญาณต้นกำเนิดขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีพลังนี้ และมันก็มีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าปีศาจตัวน้อยซึ่งยังไม่ได้พัฒนาร่างกลับใช้ความสามารถนั้นได้จริงๆ ถ้าปรากฎการณ์ที่หายากเช่นนี้ถูกแพร่งพรายออกไปหล่ะก็ คงมีคนจำนวนมากที่ต้องการมัน
 
หลังจากที่หูเซียงเอ๋อพูด เจ้าผักบุ้งก็เงียบลงในขณะที่จิตวิญญาณดินเหลืองฝังตัวกลับเข้าไปในดิน
 
ทันใดนั้นเอง เสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนโยนก็ดังขึ้นที่ประตู
 
“ศิษย์พี่เฉินเฉินอยู่ที่นี่รึเปล่าคะ?”
 
พอได้ยินเสียงของเธอ เฉินเฉินก็ดึงสติกลับมาแล้วลุกขึ้นยืน
 
เขาได้รู้จักกับศิษย์น้องหญิงมาประมาณนึงแล้วตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมสำนักเทียนหยุน แต่ว่า ตอนนี้มีคนนึงมาหาเขา หรือว่าเธอพยายามจะมาเอาใจเขาเพราะเขาเป็นว่าที่เจ้าสำนักในอนาคต?
 
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เฉินเฉินก็กระแอมออกมาให้คอโล่งแล้วพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด
 
“เข้ามาได้”
 
หลังจากที่เขาพูด หญิงสาวหน้าตางดงามที่สวมชุดเดรสยาวสีเหลืองคนนึงก็เดินเข้ามา ในตอนที่เขาเห็นเธอ เฉินเฉินก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาคุ้นๆ
 
ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไร ผู้หญิงในชุดเดรสสีเหลืองก็แนะนำตัว “ข้าชื่อจ้าวเสี่ยวหยา เป็นศิษย์ภายใน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ใหญ่”
 

 
แม้ว่าจ้าวเสี่ยวหยาจะยิ้มที่ภายนอก แต่ในใจของเธอนั้นขุ่นมัว
 
มันเป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในสวนของยอดเขาหลักและความเข้มข้นของพลังปราณที่นี่ก็ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างยิ่ง พลังปราณนั้นมีความหนาแน่นมากกว่าพื้นที่ฝึกตนของเธออย่างน้อยสามเท่า!
 
แม้กระทั่งสถานที่ฝึกตนของคุณปู่เธอ ผู้อาวุโสซิงฟาแห่งสำนักเทียนยุน ก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับสถานที่ของเขาได้!
 
“แล้ว? เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรอ?” เฉินเฉินถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบในลักษณะของศิษย์พี่
 
ไม่จำเป็นต้องอธิบาย จ้าวเสี่ยวหยานั้นมาที่นี่เพื่อตามหาวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน และในการให้ได้สิ่งนั้นมา เธอจึงตัดสินใจเอาโสมแดงอายุพันปีที่มีค่ามากๆจากชุดสะสมของเธอออกมาเป็นของขวัญ
 
เธอได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเฉินเฉินกับศิษย์พี่ของเธอ ซึ่งในความคิดเห็นของเธอนั้น มันเป็นคำใบที่ชัดเจนสำหรับทุกคนว่าเขาต้องการของขวัญ
 
เธอคิดว่าเจ้าบ้านนอกจอมโลภมากอย่างเขาอาจจะยอมเผยเคล็ดวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนให้ตราบใดที่เธอทำอะไรบางอย่างให้เขาพอใจ
 
หลังจากที่เธอคิดเกี่ยวกับมันดูแล้ว เธอก็เหลือบมองหูเซียงเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินเข้าใจเจตนาของเธอในทันทีแล้วพูดกับหูเซียงเอ๋อ “เซียงเอ๋อ เจ้าไปดูแลสวนสมุนไพรเถอะ”
 
หูเซียงเอ๋อยิ้มและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกไปอย่างจำใจ เธอไม่กล้าทำให้เฉินเฉินอับอายต่อหน้าคนภายนอก
 
หลังจากที่ติดตามเฉินเฉินมาหลายวัน เธอก็รู้ว่าเจ้านายของเธอนั้นให้ความสำคัญกับภาคภูมิใจของตัวเองมากกว่าสมบัติ
 
“ศิษย์พี่ ท่านเป็นคนที่มีไหวพริบและสติปัญญาหลักแหลมจริงๆค่ะ…” จ้าวเสี่ยวหยาชื่นชมด้วยรอยยิ้มในขณะที่สีหน้าของเธอค่อยๆเปลี่ยนไปและถูกแทนที่ด้วยความน่าสงสาร
 
“ศิษย์พี่เฉิน ท่านอาจจะไม่รู้ แต่ในตอนที่ข้ายังเด็กนั้น พ่อแม่ของข้าได้ถูกลัทธิมารฆ่าทิ้งดังนั้นข้าก็เลยตั้งเป้าหมายว่าจะแก้แค้นให้พ่อแม่ของข้า…. แต่น่าเสียดาย ตัวข้านั้นไร้ความสามารถเกินไป…”
 
พอได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ขมวดคิ้ว
 
‘เธอหมายความว่ายังไงกัน? อยากให้ฉันล้างแค้นให้พ่อแม่ของเธอหรอ?’
 
‘แต่เธอไม่ใช่ภรรยาของฉัน และฉันก็ไม่ใช่เจ้าสำนัก ทำไมฉันต้องไปยุ่งเรื่องพวกนั้นด้วยหล่ะ?’
 
ในตอนที่เธอสังเกตเห็นว่าท่าทีของเฉินเฉินกำลังเปลี่ยนไป จ้าวเสี่ยวหยาก็รู้ในทันทีว่าเขากำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิด ดังนั้นเธอจึงรีบอธิบาย “ข้าจะเป็นคนที่ล้างแค้นแทนพ่อแม่ของข้าเองค่ะแต่ตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินไป ข้าก็เลยต้องการ…”
 
ในตอนนี้เอง จ้าวเสี่ยวหยาก็เอาโสมพันปีออกมาจากกระเป๋าเก็บของ
 
ในตอนที่โสมสีแดงปรากฎขึ้น พลังปราณหนาแน่นก็เริ่มแผ่ออกมา
 
จ้าวเสี่ยวหยารู้สึกปวดใจในตอนที่เห็นโสมแดงเพราะพลังปราณที่มันกักเก็บเอาไว้นั้นมีปริมาณพอๆกับหินวิญญาณ 500 ก้อน! ถ้าเธอดูดซับมันจนหมด ระดับขั้นของเธอก็คงจะเพิ่มขึ้นในทันที
 
อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอไม่สามารถแบกรับราคาที่ต้องจ่ายได้ เธอก็จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่มากขึ้นได้ ถ้าเธอไม่ยอมสละของดีๆ แล้วเธอจะมีหน้าไปขอเคล็ดวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนได้ยังไง?
 
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอหยิบโสมแดงออกมา มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดไว้เนื่องจากสายตาของเฉินเฉินไม่ได้มีประกายความโลภอยู่เลย อันที่จริง อารมณ์ของเขามันไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว
 
‘เกิดอะไรขึ้น?’
 
ในขณะที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ใหม่ ก็มีเสียงนึงดังขึ้นจากที่ห่างไกล
 
“ลูกศิษย์เอ๋ย เจ้าใช้หินวิญญาณ 1,000 ก้อนที่ข้าให้ไปเมื่อครั้งก่อนเกือบจะหมดแล้วใช่ไหม? หลังจากนี้ก็มาหาข้าแล้วเอาไปเพิ่มอีก 1,000 ก้อนสิ”
 
พอได้ฟังเสียงนี้ จ้าวเสี่ยวหยาก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า
 
‘ผู้สืบทอดเขาดูแลกันแบบนี้หรอ? หินวิญญาณ 1,000 ก้อนเมื่อครั้งก่อนเนี่ยนะ…’
 
‘แต่ว่าเฉินเฉินพึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักเทียนหยุนได้ไม่กี่วันเองไม่ใช่รึไง!’
 
ในขณะที่มองโสมแดงในมือ จ้าวเสี่ยวหยาก็รู้สึกค่อนข้างอับอายและไม่กล้ายื่นมันให้
 
ในตอนที่เฉินเฉินเห็นท่าทีของเธอ เขาก็นำมันไปโยงกับคำพูดของอาจารย์และเข้าใจสถานการณ์ในทันที
 
จากความเป็นไปได้ทั้งหมดนั้น จ้าวเสี่ยวหยาคงคิดจะขอร้องในเรื่องที่เกินกว่าจะยอมรับได้
 
‘เธอมาที่นี่เพื่อสารภาพรักกับฉันหรอ นี่มัน บ้าหน่า…มันก็ไม่ได้ดูมากเกินไปซักหน่อย! ถึงยังไงเธอก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว’
 
‘ช่างมันเถอะ เชื่ออาจารย์เข้าไว้จะดีกว่า’
 
ในตอนนั้นเอง เฉินเฉินก็ถอนหายใจแล้วหันไปหาหูเซียงเอ๋อ “เซียงเอ๋อเห็นเจ้าพูดอยู่บ่อยๆว่าอยากได้วิญญาณปีศาจสองพันปีที่อยู่ในสวนสมุนไพรใช่ไหม? ในเมื่อวันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะยกให้เจ้าเป็นรางวัลก็แล้วกัน”
 
พอได้ฟังคำพูดของเขา ม่านตาของจ้าวเสี่ยวหยาก็กระตุกในขณะที่เธอหันไปมองสวนสมุนไพรโดยไม่รู้ตัว และในตอนนั้นเองกองสมบัติที่นั่นก็เปล่งประกายแวววับจนเธอแทบไม่เชื่อสายตา สมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ในสวนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าโสมแดงพันปีที่อยู่ในมือของเธอเลย!
 
“นี่มัน…”
 
ร่างกายของจ้าวเสี่ยวหยาสั่นอย่างรุนแรง ภายในสวน มีสมุนไพรที่มีค่าเทียบเท่ากับโสมแดงพันปีซึ่งเธอมองว่าเป็นสมบัติถูกพบได้โดยทั่วไปอยู่ในสวนของว่าที่ผู้สืบทอดสำนักที่อยู่ตรงหน้าเธอ!
 
‘จะมีใครอธิบายเรื่องนี้ให้เธอได้ไหม?’
 
ในขณะที่เธอมองเข้าไปในสวน เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าโสมแดงพันปีในมือของเธอนั้นแทบไม่ได้ต่างอะไรจากทองที่ซุนเทียนกังเสนอให้เมื่อวันก่อน
 
ถึงยังไง คุณค่าก็พอๆกัน 100 หยวนอาจจะเป็นเงินจำนวนมากในสายตาของคนจน แต่ในสายตาของคนมีฐานะ มันก็แค่การแลกเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอเป็นคนจนและเฉินเฉินเป็นคนมีฐานะ
 
“ศิษย์น้องหญิง เหตุใดเจ้าถึงมอบโสมแดงนี้ให้กับข้า?” เฉินเฉินหันกลับมามองจ้าวเสี่ยวหยาด้วยรอยยิ้มบนหน้าของเขา
 
“ไม่….ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มันก็แค่ของเล็กน้อยสำหรับข้า ถือซะว่าเป็นของขวัญการได้พบกันนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆที่ค่าเสนอให้ได้แค่ของขวัญที่เล็กน้อยเช่นนี้” จ้าวเสี่ยวหยาพูดตะกุกตะกักในขณะที่เธอเอาโสมแดงไปวางไว้ในมือของเฉินเฉิน
 
เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าสำหรับเธอก็คือสิ่งที่เจ้าสำนักพึ่งพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าเขาได้เห็นการกระทำทั้งหมดของเธอ
 
ในฐานะศิษย์พี่หญิงของสำนักภายใน เธอไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอตระหนักได้แล้วว่าเธอสูญเสียเป็นเท่าตัว
 
‘ความแข็งแกร่งของเซียนผู้มีความสามารถอยู่จุดสูงสุดของแก่นทองคำน่าหวาดหวั่นขนาดนี้เลยหรอ? ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร เขาก็ยังได้ยินและเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่อย่างชัดเจน…’
 
ในตอนที่เธอคิดแบบนี้ เธอก็ไม่กล้าอยู่ต่ออีก แล้วรีบบอกลาจากนั้นก็ออกไปจากสวนของยอดเขาหลักด้วยความตื่นตระหนก
 
“ศิษย์น้องหญิงจ้าว ข้าจะรับโสมของเจ้าเอาไว้ นับจากนี้ไป ข้าจะดูแลเจ้าในสำนักเทียนหยุน ถ้าเจ้าเจอปัญหาอะไร ก็พูดชื่อของข้าไปได้เลย!”
 
เสียงของเฉินเฉินดังมาจากข้างหลังของเธอ แต่จ้าวเซี่ยวหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินเลย
 
ในตอนนี้ ทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเธอก็คือ ‘เจ้าสำนักจะไม่ยอมให้เธอได้เรียนวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน!’
 
พอนึกถึงความจริงนี้ จ้าวเสี่ยวหยาก็เริ่มน้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว
 
ที่เธอบอกว่าอยากแก้แค้นให้พ่อแม่นั้นเป็นความจริง…. ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนอาจจะไม่ได้เป็นวิชาที่เข้ากับเธอที่สุด แต่เธอก็ไม่สามารถตัดใจจากมันได้โดยที่ยังไม่ได้ลอง
 
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความหวังเหลืออยู่แล้ว
 
ในช่วงเวลาแห่งความสับสน จ้าวเสี่ยวหยาก็ออกมาพ้นยอดเขาหลักในเวลาไม่นาน ในขณะที่เธอกำลังจะมุ่งหน้าไปสำนักภายใน เสียงที่ดูขี้เล่นก็เรียกเธอ
 
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ศิษย์น้องหญิงจ้าว!”
 
ร่องรอยความรังเกียจและสะอิดสะเอียนปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวเสี่ยวหยาในตอนที่เธอได้ยินเสียงนี้และความสบสันก็หายไปจากใบหน้าของเธอ และถูกแทนที่ด้วยความนิ่งเฉยอันไร้สิ้นสุด
 
จากนั้นเธอก็หันกลับมาพูด “ไม่เจอกันนานนะคะ ศิษย์พี่หวัง”
 
ในตอนที่ศิษย์พี่หวังเห็นท่าทีของจ้าวเสี่ยวหยา เขาก็เดินเข้ามาหาจ้าวเสี่ยวหยาด้วยความอยากครอบครองในสายตาของเขาซึ่งเขาไม่ได้คิดจะพยายามซ่อนเอาไว้เลยด้วยซ้ำ
 
“โถ่ โถ่ ศิษย์น้องหญิงจ้าว พวกเราไม่ได้เจอกันมาพักนึงเจ้าเปลี่ยนไปมากเลยนะ! เจ้ากลายเป็นคนที่สวยขึ้นกว่าเดิมอีก!”
 
“ช่วยทำตัวให้ดูน่าเคารพกว่านี้หน่อยเถอะค่ะ พี่ใหญ่หวัง!” จ้าวเสี่ยวหยาถอยหลังไปสองก้าว แล้วยิ่งรู้สึกรังเกียจเขามากขึ้น
 
เขาเป็นคนเดียวในสำนักเทียนหยุนที่กล้าเข้ามาจีบเธอตรงๆ
 
ก่อนหน้านี้ หวังเฟิงได้ไปเที่ยวสนุกในโลกมนุษย์ธรรมดา เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขากลับมาที่สำนักเทียนหยุนแล้ว
 
พอนึกถึงวิธีการที่เขาจีบเธอในอดีต จ้าวเสี่ยวหยาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญหนักขึ้นเรื่อย ๆ
 
“นี่ เสี่ยวหยา หลังจากที่ไปเที่ยวในโลกมนุษย์มา ข้าก็รู้ตัวแล้วหล่ะว่าเจ้าคือรักแท้ของข้า!” หวังเฟิงทำหน้าตาหื่นกลาม เหมือนกับว่าเขารอไม่ไหวแล้วและอยากจะเขมือบจ้าวเสี่ยวหยาซะตรงนี้เลย
 
ออร่าของจ้าวเสี่ยวหยาสั่นสะเทือน แล้วซัดหวังเฟิงออกไปเจ็ดหรือแปดฟุตจนทำให้เขาล้มลงกับพื้น
 
“เยี่ยม! จ้าวเสี่ยวหยา เจ้ากล้าทำร้ายข้าได้ยังไง!? ดูเหมือนว่าสำนักเทียนหยุนจะควบคุมไม่ได้แล้วสินะ!”
 
หวังเฟิงนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
 
จ้าวเสี่ยวหยาแอบรู้สึกผิดกับตัวเองที่ทำอะไรโดยไม่คิดแบบนี้เพราะอารมณ์ไม่ดี
 
เหตุผลที่เธอไม่สามารถข่มขู่หวังเฟิงได้ไม่ใช่เพราะเขามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมหรือเป็นเซียนระดับสูง แต่มันเป็นเพราะความแข็งแกร่งของผู้สนับสนุนเขาในสำนัก
 
มันเป็นเพราะความจริงที่ว่าหวังเฟิงคือศิษย์แลกเปลี่ยนจากสำนักอู๋ซิน ซึ่งเป็นผู้นำของ 36 สำนัก
 
เขาเป็นศิษย์แลกเปลี่ยนแค่ในนาม แต่ในความจริงนั้น เขาคือสายลับที่สำนักอู๋ซินส่งมาอยู่ในสำนักเทียนหยุนอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าหวังเฟิงกลับไปที่สำนักอู๋ซินแล้วพูดถึงสำนักเทียนหยุนในทางที่ไม่ดี สำนักเทียนหยุนก็จะตกเป็นเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หรืออาจจะถูกสำนักอู๋ซินลงโทษด้วยซ้ำ…

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset