ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 68: นี่มันยุ่งเหยิงกันชะมัด

ทั้งห้องโถงต่างตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลาสามวินาที
 
วินาทีต่อมา คลื่นพายุที่น่าหวาดกลัวก็ระเบิดออกมา มันได้บดขยี้โต๊ะและเก้าอี้ภายในทั้งหมดกลายเป็นชิ้นๆ!
 
“ใครคือคนร้ายกัน!? ลูกศิษย์! บอกข้ามานะว่าใครเป็นคนทำลายสถานะการฝึกตนของเจ้า!?”
 
เมื่อเห็นความกราดเกรี้ยวของเซี่ยวอู่โยวแล้ว เฉินเฉินตื้นตันใจมาก
 
‘ไม่เสียแรงที่ข้าได้ให้ความสำคัญกับอาจารย์ มันไม่เสียเปล่าเลยจริงๆ’
 
“อะแฮ่ม อาจารย์ครับ ใจเย็นลงก่อน สถานการณ์ฝึกตนของข้ายังคงอยู่ ข้าแค่เสียจุดตันเถียนของข้าไปเท่านั้น”
 
เฉินเฉินไอเบาๆออกมาสองครั้ง ก่อนที่จะอธิบายอย่างละเอียด ในเวลาเดียวกัน ประกายไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา
 
เมื่อเห็นประกายไฟฟ้าปรากฏขึ้นมาเหมือนกับที่เขาทำมันแล้ว ตาของเซี่ยวอู่โยวแสดงให้เห็นถึงความไม่น่าเชื่อออกมา
 
‘เขาฝึกวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนโดยไม่ใช่จุดตันเถียนได้ยังไงกัน? นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ชัดๆ!’
 

 
15 นาทีต่อมา เฉินเฉินเริ่มอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้เซี่ยวอู่โยวฟัง รวมทั้งความจริงที่เขาดื่มน้ำวิญญาณไปจำนวนเยอะมาก หลังจากที่ดื่มไปหนึ่งหยดด้วย
 
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เซี่ยวอู่โยวตกอยู่ในห้วงความคิด หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถอนหายใจออกมาเบาๆและพูดออกมา “ลูกศิษย์ เจ้าน่าจะยังไม่ถึงขั้นฝึกรากฐาน เมื่อถึงขั้นฝึกรากฐานแล้ว เคล็ดวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนนั้นจะทำให้กระแสทั้งสองต่างหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง…แต่กระแสทั้งสองของเจ้ายังคงทรงพลังมากอยู่ดี ข้ากลัวว่ากระแสไฟฟ้าของเจ้ามันไม่ได้ด้อยไปกว่ากระแสไฟฟ้าของข้าตอนอยู่ในขั้นฝึกรากฐานเลย..”
 
“ข้าจะทำยังไงดีกันครับ? เจ้านาย ข้ายังไปถึงขั้นฝึกรากฐานได้อยู่ไหมครับ?”
 
เฉินเฉินเริ่มที่จะกังวลใจมาก ถ้าเขาไม่สามารถไปสู่ขั้นฝึกรากฐานได้แล้ว เขาก็คงไม่สามารถที่จะสร้างเส้นทางการฝึกตนของตัวเองได้ใช่ไหม? มันจะแย่มากถึงเพียงใดกัน?
 
หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง เซี่ยวอู่โยวก็พูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าน่าจะก้าวข้ามไปสู่ขั้นนั้นได้ เจ้ารู้ไหม ในช่วงอดีตกาล มันมีร่างกายหลากหลายประเภทนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้แล้ว มันมีใครบางคนที่ก้าวข้ามเกินกว่าขั้นฝึกร่างกายสิบระดับอีกและยังเลื่อนไปถึงระดับที่สิบเอ็ด ต่อไปถึงระดับที่สิบสอง…มันยังมีข่าวลือที่ว่าตัวตนที่น่าหวาดกลัวสามารถที่จะเลื่อนไปถึงขั้นที่สิบห้าได้ด้วย ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะยังอยู่ในขั้นฝึกพลังปราณก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขั้นฝึกรากฐานเลยสักนิด ส่วนสำหรับเจ้าแล้ว…”
 
ในจุดนี้นี่เอง เซี่ยวอู่โยวหยุดก่อนที่จะนึกถึงพลังปราณที่หนาแน่นของกระแสน้ำวนทั้งสองในร่างกายของเฉินเฉิน เขาก็รีบคำนวณโดยใช้วิธีคำนวณจากยุคโบราณ
 
“สำหรับเจ้าแล้ว ข้ากลัวว่าเจ้าน่าจะไปถึงแค่ขั้นยี่สิบของการฝึกพลังปราณเท่านั้น ในด้านความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขั้นกลางของฝึกรากฐานเลย”
 
หลังจากที่เขาพูดเสร็จ เซี่ยวอู่โยวอดที่จะยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้
 
‘ขั้นฝึกพลังปราณระดับที่20? ดูน่าขำเสียจริง ทำไมไม่ระดับ 18กันละ?’
 
ยังไงก็ตาม คำพูดขำขันเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องจริงเสียนี่!
 
เฉินเฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขั้นฝึกรากฐานขั้นกลางเลยสักนิด ตามวิธีการคำนวณโบราณแล้ว สถานะของเขาน่าจะอยู่ที่ระดับ 20!
 
“ขั้นฝึกพลังปราณระดับ 20 นั่นหมายความว่าข้าสามารถสร้างรากฐานได้แล้วหรือครับ?” เฉินเฉินถาม เขาตื่นเต้นเล็กน้อย
 
ตราบเท่ราที่เขาสามารถสร้างรากฐานได้แล้ว เขาก็สามารถที่จะเอาชนะผู้อื่นในด้านการฝึกตนได้ ไม่ว่ามันจะอยู่ในขั้นที่ 10 หรือ 20 ของการฝึกพลังปราณก็ตาม
 
ยังไงก็ตาม การเพิ่มการฝึกตนมันเหมือนกับเกมสำหรับเขาเลยละ
 
“เจ้าทำได้ แต่ข้ากลัวว่าความยากในการก้าวข้ามไปสู่ขั้นสร้างรากฐานของเจ้าที่ระดับ 20 นั้นจะยากกว่าคนปกติที่อยู่ในระดับ 10 ไปนับร้อยเท่าเนี่ยสิ….ทรัพยากรที่เจ้าต้องใช้ก็จำเป็นที่จะต้อง…”
 
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวไม่สามารถพูดไปต่อได้
 
ตั้งแต่ที่เฉินเฉินได้ดื่มน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์ไปอึกใหญ่แล้ว ทำไมเขายังต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรอีกกัน?
 
ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปนั้นจำเป็นต้องใช้น้ำอมฤตของการสร้างรากฐาน เพื่อจำเป็นในก้าวข้ามไปสู่ขั้นนั้น แม้ว่าลูกศิษย์ของเขาจะต้องการมันกว่าร้อยขวด มันก็ไม่ได้มีค่ามากสักเท่าไหร่
 
สุดท้ายแล้ว ขวดน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์ของเขาก็มีค่ายิ่งกว่าขวดน้ำอมฤตขั้นสร้างรากฐานร้อยขวดอยู่ดี
 
ถ้าเฉินเฉินไม่สามารถหามันได้แล้ว เขาก็จะไปหามันมาให้กับลูกศิษย์ของเขา แม้ว่ามันจะทำให้เขาล้มละลายไปก็ตาม
 
“อาจารย์ครับ ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณท่านมากเลย ข้าจะกลับไปวางแผนเพื่อก้าวข้ามไปสู่ขั้นนั้นครับ!”
 
เฉินเฉินครุ่นคิดสักพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มกว้างออกมา เขาโค้งให้กับเซี่ยวอู่โยวก่อนที่จะเดินออกไปจากที่พำนักของเจ้าสำนัก
 
เซี่ยวอู่โยวจ้องไปที่แผ่นหลังของเฉินเฉิน ก่อนที่จะไปดูเศษซากโต๊ะและเก้าอี้บนพื้น เขาอดที่จะหัวเราะกับตัวเองออกมาไม่ได้
 
“ข้าแก่ถึงเพียงนี้แล้วยังตื่นตระหนกได้ถึงระดับนี้เลยเนี่ยนะ จิตใจของข้ายังคงอ่อนด้อยไป….แต่ว่าเจ้าเด็กนี่มันทำให้ข้าประหลาดใจมากเกินไปจริง”
 

 
ในทางกลับไปยังสวน หูเซียงเอ๋อทำตัวเชื่อฟังอย่างมาก ในขณะที่มันนอนอยู่บนไหล่ของเฉินเฉิน เธอก็นวดหลังของเฉินเฉินไปด้วย
 
“เจ้านายคะ สถานะฝึกตนของท่านอยู่ถึงระดับที่ 20เลย! มันน่าตกใจมากเลยค่ะ!”
 
“โอ้ เลิกยกยอได้แล้ว! เจ้ามีหางเพิ่มมาอีกหาง ความแข็งแกร่งเจ้าเพิ่มมาด้วยไหม?”
 
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เฉินเฉินได้อ่านเกี่ยวกับตำนานมากมายเกี่ยวกับอสูรจิ้งจอก ยิ่งพวกมันมีหางมากเท่าไหร่ พวกมันจะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น ในตอนนี้หูเซียงเอ๋อนั้นมีหางงอกมาอีกเส้น เขาจึงเชื่อว่าเธอน่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
 
“ท่านเจ้านายค่ะ ท่านช่างปราดเปรื่องมากเลยค่ะ ความแข็งแกร่งของข้านั้นอยู่ในขั้นฝึกรากฐานแล้วค่ะ แต่ข้ายังคงอ่อนแอกว่าท่านอยู่มากอยู่ดีค่ะ เจ้านาย”
 
“ชิ ตั้งแต่ที่พวกเราแข็งแกร่งขึ้นกันทั้งคู่แล้ว พวกเราไปฉลองกันเถอะ ไปทำอาหารมาให้ข้าสักยี่สิบจานซะ”
 
หลังจากที่พูดเสร็จ เฉินเฉินรู้สึกว่าอุ้งมือของหูเซียงเอ๋อที่ทุบลงมาบนไหล่ของเขานั้นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่มันจะกลับมานุ่มนวลในทันที
 
“ได้ตามที่ปรารถนาเลยค่ะ เจ้านาย”
 

 
เมื่อเขากำลังเดินกลับมาที่สวนบนยอดเขาหลัก คนสองคนที่ปรากฏขึ้นหน้าทางเข้าสวนก็ดึงดูดความสนใจของเฉินเฉิน
 
“จ้าวเสี่ยวหยาและมู่หลงหยุนหลาน? พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่เนี่ย?”
 
เฉินเฉินเห็นผู้หญิงทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูและเขาก็ตื่นตระหนก
 
ในเวลาเดียวกัน หูเซียงเอ๋อไม่ได้อยู่ในสวน มันทำให้ภายในสวนมันว่างเปล่ามาก
 
เขาไม่ได้คาดคิดจะให้เจ้าผักบุ้งน้อย เจ้าเหลืองน้อยมาเฝ้าสวนเขาอยู่แล้ว
 
สิ่งของในสวนของเขานั้นล้ำค่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติสวรรค์ในสวนสมุนไพรของเขาแล้ว มันมีค่าอย่างมาก แม้ว่าคนอื่นจะแค่เหลือบตามองพวกมันก็ตาม
 
“เจ้านายค่ะ ทั้งสองอาจจะมาขโมยของก็ได้ รีบกลับไปกันเถอะ!”
 
หูเซียงเอ๋อรีบแปลงร่างกลับมาสู่ร่างมนุษย์ก่อนที่จะมองไปยังประตูของทางเข้าสวน
 
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเธอไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นขโมยของหรอก” เฉินเฉินเม้มปากพูด
 
ยังไงก็ตาม ก่อนที่เขากำลังจะเดินไปทักทายพวกเธอ เขาก็ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองสาวก่อน มันทำให้เขาสะดุ้ง
 
“ศิษย์น้องมู่หลง ข้าแนะนำว่าเจ้าควรที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ต้องมายังยอดเขาหลักบ่อยนักนะ มันรบกวนศิษย์พี่เฉิน”
 
“ศิษย์พี่จ้าวค่ะ ไม่กี่วันก่อน ศิษย์พี่เฉินได้ช่วยข้าผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากในด้านนอกสำนัก วันนี้ข้าจึงมาขอบคุณเขาค่ะ นี่คือสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำ นอกจากนี้แล้ว แม้ว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว พี่เฉินและข้าก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันค่ะ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่พวกเราจะทักทายกันใช่ไหมละคะ? นอกจากนี้แล้ว ศิษย์พี่จ้าวและศิษย์พี่เฉินยังไม่ได้รู้จักกันสักเท่าไหร่ด้วย ท่านจะมาทำอะไรที่สวนบนยอดเขาหลักกันละคะ?”
 
เมื่อได้ยินดังนี้ เฉินเฉินอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างผู้หญิงทั้สอง
 
พูดตามปกติแล้ว เขาควรที่จะปรากฏตัวขึ้นและขัดบทสนทนานี้ แต่ว่าเขาอดที่จะแอบฟังต่อไปไม่ได้
 
“ศิษย์น้องมู่หลง ข้านั้นตกอยู่ในสภาพครอบงำเมื่อคืนยามตกดึก ศิษย์พี่เฉินเฉินได้เข้ามาในห้องของข้าและช่วยชีวิตข้าเอาไว้ มันแปลกหรือยังไงกับการมาขอบคุณเขา?”
 
จ้าวเสี่ยวหยาเน้นคำว่า ‘เมื่อคืนยามตกดึก’ และ ‘ห้องของข้า’
 
มู่หลงหยุนหลานเริ่มกังวลใจทันทีหลังจากที่ได้ยินมัน เธอถามออกมาตรงๆ “ศิษย์พี่เฉินไปทำอะไรในห้องศิษย์พี่กันคะ? ในยามค่ำคืนเช่นนั้น”
 
“ศิษย์น้องมู่หลง เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรับรู้ไปหรอก เจ้ารู้อย่างเดียวก็พอแล้ว ว่าความสัมพันธ์ของคนไม่สามารถที่จะวัดได้และมันไม่ได้สำคัญกับเวลาที่รู้จักกันหรอก พูดตามตรงแล้ว ศิษย์น้องมู่หลงก็เป็นแค่ศิษย์นอกสำนักเท่านั้นอง ในขณะที่ศิษย์พี่เฉินเฉินเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนัก สถานะของพวกเจ้ามันแตกต่างกันมากเกินไปนะ…”
 
จ้าวเสี่ยวหยาพูดออกมาด้วยท่าทางที่พึงพอใจ มันเหมือนกับว่าเธอกำลังได้เปรียบอยู่
 
ในเวลาเดียวกัน มู่หลงหยุนหลานก็พูดบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เฉินเฉินรู้สึกรบกวนออกมา
 
“ศิษย์พี่จ้าว ท่านอาจจะเป็นศิษย์ในสำนักก็จริงค่ะ แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าต้องบอกท่านเอาไว้ มันคงจะไม่เป็นแบบเดิมไปอยู่เสมอหรอกค่ะ ท่านไม่ควรที่จะดูถูกคนที่อ่อนแอกว่าท่านนะคะ ในเวลาอีกสามปีข้างหน้า สถานะการฝึกตนของข้าจะต้องก้าวข้ามท่านไปได้อย่างแน่นอน!”
 

 
“นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกันเนี่ย?!” เฉินเฉินพูดไม่ออก เพียงแค่เขากำลังจะไอเตือนผู้หญิงทั้งสองแล้ว เสียงของจางจีก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
 
“พี่ใหญ่ พี่ยืนทำอะไรอยู่เนี่ย? ไม่ใช่ที่พักอยู่ด้านหน้าพวกเราหรอครับ?”
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset