ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 75: เดียวดาย

หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ผู้อาวุโสก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะรู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่โกรธจริงๆ
 
การให้ผู้สืบทอดได้พ่ายแพ้บ้างมันก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน…
 
เขายังไม่ได้กลายเป็นเจ้าสำนัก แต่เขามีความกล้าที่จะใส่ร้ายผู้อาวุโสใหญ่ แล้วแบบนี้มันจะไม่ยิ่งหนักขึ้นหลังจากที่เขากลายเป็นเจ้าสำนักหรอ? เขาจะไม่ทรมานพวกเขาทุกวันเลยรึไง?
 

 
บนยอดเขาจิตวิญญาณแรด เฉินเฉินกำลังส่งน้ำวิญญาณให้กับกลุ่มศิษย์สำนักภายนอก
 
นอกจากนี้ ในทุกๆครั้งที่ศิษย์ภายนอกมาหา เขาก็จะตักซุปไก่ให้ด้วย
 
 
“ศิษย์น้อง นี่คือคำแนะนำสำหรับเจ้า เจ้าต้องทนรับความยากลำบากเพื่อที่จะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่”
 
“ท่านผู้สืบทอด! ข้าได้รู้ซึ้งแล้ว!”
 
“ศิษย์น้องหญิง ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอก ถ้าเจ้าไม่มีความกล้าที่จะฝ่าพายุ เจ้าก็จะไม่ได้เห็นสายรุ้ง! การขุดเหมืองอาจจะหนัก แต่มันคือการฝึกให้เจ้าอดทน จงตั้งใจทำต่อไปเถอะ!”
 
“ขอบคุณค่ะ ท่านผู้สืบทอด!”
 
“ศิษย์น้อง วันหนึ่งเมื่อเจ้าได้กลายเป็นจักรพรรดิเซียน เจ้าจะนึกย้อนมาถึงประสบการณ์ในวันนี้และตระหนักได้ว่านี่แหล่ะคือสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง!”
 
“กลายเป็นจักรพรรดิเซียน…”
 
“ศิษย์น้องหญิง สวรรค์จะมอบหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเจ้า แต่เจ้าต้องยอมผ่านความยากลำบากก่อน ความรู้สึกทะเยอทะยานที่แรงกล้าและการทำงานหนัก ตอนนี้ยิ่งเจ้าทำงานหนักเท่าไหร่ สวรรค์ก็ยิ่งให้คุณค่ากับเจ้ามากเท่านั้น!”
 
ผู้ฝึกตนของโลกเซียนนั้นเป็นคนเรียบง่ายที่ไม่เคยได้ฟังคำพูดชมเชยที่ดูงดงามแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงรู้สึกดีใจและตบมือให้เขา หลังจากที่รับประทานซุปและดื่มน้ำวิญญาณเสร็จ ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มทำเหมืองกันต่ออย่างกระฉับกระเฉง
 
เมื่อได้เห็นเหล่าคนที่กำลังยุ่งนี้ เฉินเฉินก็ถอนหายใจออกมา
 
“พวกเขาคืออนาคตของสำนักเทียนหยุน!”
 
ในทันทีที่เขาพูดออกมา เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนที่เข้ามาขัดขวางความคิดของเขา
 
“เฉินเฉิน! ข้าอยากท้าประลองกับเจ้า!”
 
เฉินเฉินขมวดคิ้วแล้วหันไปดูจากนั้นก็ได้เห็นชายร่างกำยำซุนเทียนกังกำลังเดินมาหาเขาพร้อมกับศิษย์ภายในกลุ่มนึง ทุกคนต่างมีความฮึกเหิมและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
 
กลุ่มศิษย์ภายนอกที่กำลังทำเหมืองอยู่เองก็หยุดงานของพวกเขาแล้วมองมาด้วยความสงสัย
 
“นั่นพี่ใหญ่ซุนเทียนกังของสำนักภายในนี่ เขาอยากท้าประลองกับท่านผู้สืบทอด!”
 
“ผู้อาวุโสใหญ่ต้องอยากยับยั้งท่านผู้สืบทอดแน่ ๆ เขาก็เลยส่งหลานของเขามาต่อสู้!”
 
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาจงใจจัดลำดับผู้สืบทอดให้สูงขนาดนั้น… เหตุผลมันเป็นเช่นนี้นี่เอง! พวกที่อยู่ลำดับสูงไม่สามารถท้าประลองกับคนที่อยู่ลำดับต่ำกว่าได้! ผู้อาวุโสใหญ่แค่อยากให้ท่านผู้สืบทอดเป็นบันไดความสำเร็จให้กับหลานชายของเขา!”
 
กลุ่มศิษย์ภายนอกกระซิบกระซาบกันเองในขณะที่ปล่อยให้จินตนาการของพวกเขาฟุ้งซ่าน ไม่นานนัก พวกเขาก็มองภาพซุนเทียนกังเป็นวายร้ายคนนึง
 
‘ถึงยังไง ผู้สืบทอดก็เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ มีความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน ความเท่าเทียม พูดจาอ่อนโยน และมีจิตใจดี คนอย่างเขาจะเป็นวายร้ายไปได้ยังไงกัน? ’
 
“ศิษย์น้องซุน เจ้าอยากท้าประลองกับข้าหรอ?”
 
ในขณะที่มองซุนเทียนกังที่กำลังเดินมาหาเขา ใบหน้าของเฉินเฉินนั้นเงียบสงบ
 
“ใช่! ตอนนี้มีกฎใหม่ในสำนักที่เปิดโอกาสให้ศิษย์ได้ท้าประลองกับคนอื่นในทุกเจ็ดวัน คนที่ถูกท้าประลองจะไม่สามารถปฏิเสธได้เว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุผลที่สมควร!”
 
ซุนเทียนกังค่อนข้างมั่นใจและยึดมั่นในตัวเอง ในอดีต เขาไม่กล้าทำร้ายเฉินเฉินเพราะสถานะของเฉินเฉินสูงกว่าเขา ดังนั้น ถ้าเขาทำร้ายเฉินเฉิน เขาก็คงจะถูกทำโทษอย่างรุนแรงสำหรับการล่วงเกินคนที่มีสถานะสูงกว่า
 
อย่างไรก็ตาม กฎก่อนหน้านี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วและกฎใหม่ของสำนักเทียนหยุนก็คือว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุด
 
เฉินเฉินพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เขาตอบ “ตามกฎแล้ว เจ้าต้องเขียนสาส์นท้าประลองมาด้วยนะ ถ้าเจ้าไม่มีสาส์นถ้าประลอง ข้าก็ขอปฏิเสธที่จะรับคำท้า”
 
“สาส์นท้าประลองหรอ?” ซุนเทียนกังสับสน เขาเห็นแค่ประโยคที่บอกว่าการท้าประลองเป็นเรื่องที่อนุญาตให้ทำได้ แต่เขาไม่ได้สังเกตดูข้อจำกัดอื่นๆเลย
 
นอกจากนี้ ข้อยับยั้งส่วนใหญ่ก็เพื่อทำให้ศิษย์เลือกคู่ประลองของพวกเขาอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลาและความพยายามของทุกคน
 
ซึ่งนี่รวมทั้งการร่างสาส์นท้าประลองด้วย
 
“พี่ใหญ่ ข้ามีปากกากับกระดาษอยู่ครับ!”
 
ศิษย์ภายในคนนึงรีบเอาชุดเครื่องเขียนออกมาจากกระเป๋าเก็บของของเขา แล้วส่งพวกมันให้ซุนเทียนกัง
 
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของซุนเทียนกังก็เป็นลุกโชนขึ้นมาและเขาก็เริ่มเขียนสาส์นท้าประลองในทันที
 
ไม่นานนัก สาส์นท้าประลองก็ถูกส่งมอบให้กับเฉินเฉิน
 
“เฉินเฉิน ตอนนี้พวกเราจะเริ่มการต่อสู้ได้รึยัง?” ซุนเทียนกังถามด้วยอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน
 
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินส่ายหัว
 
“จะสู้ที่ไหนหล่ะ? ตามกฎแล้ว การต่อสู้จะต้องจัดขึ้นในเวทีประลองที่กำหนดไว้ในสำนัก และต้องมีคนที่อยู่ลำดับสูงขึ้นไปสองขั้นมาเข้าร่วมเป็นพยานด้วย”
 
หลังจากได้ฟังคำพูดของเขา ซุนเทียนกังก็หงุดหงิดมากจนแทบกระอักเลือดออกมา
 
‘มันก็แค่การต่อสู้ ทำไมต้องทำเรื่องยุ่งยากตั้งมากมายนี้ด้วย?’
 
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังต้องยอมทำตาม!
 
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ซุนเทียนกังก็หันหลังแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างไม่พอใจ
 

 
มีหลายคนได้มารวมตัวกันข้างใต้เวทีประลองที่ตีนเขาดาบสวรรค์ ในกลุ่มคนดูนั้นมีทั้งศิษย์ภายใน ศิษย์ภายนอก และผู้อาวุโสบางคน
 
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนี่คือการต่อสู้อย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากที่ออกกฎใหม่
 
นอกจากนี้ คู่ประลองทั้งสองยังเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสำนักเทียนหยุนด้วย
 
คนนึงคือซุนเทียนกัง ศิษย์ภายในที่อยู่ขั้นกลางของสร้างรากฐาน ถูกจัดลำดับไว้ที่ 36 ส่วนอีกฝ่ายก็คือผู้สืบทอดที่พึ่งเข้ามาได้ไม่ถึงสองเดือนอยู่ลำดับสิบ และมีสถานะการฝึกตนที่ไม่อาจทราบได้
 
“ผู้อาวุโสใหญ่มาแล้ว!”
 
ในขณะที่ฝูงชนกำลังเฝ้ารออย่างคาดหวัง พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากที่ไกลๆ
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝูงชนก็รีบเปิดทางให้อย่างรวดเร็ว ถึงยังไง ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็เป็นที่เกรงกลัวของทุกคนในสำนัก
 
ผู้อาวุโสใหญ่เดินเข้ามาที่เวทีประลองด้วยสีหน้าขุ่นมัว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำเช่นนี้เนื่องจากหลานของเขาไปขอร้องให้เขามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่เป็นพยาน
 
พูดตามตรง ครั้งนี้เขาไม่ได้คิดที่จะออกมาเลยเพราะเขาทนรับสายตาดูถูกที่คนอื่นมองมาทางเขาไม่ได้
 
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินอยู่ลำดับสิบและทั้งสำนักก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนที่มีคนสมบัติในการเป็นผู้ตัดสินและเป็นพยานรู้เห็น
 
“ผู้ประลอง จงขึ้นมาบนเวที!”
 
ในตอนที่พวกเขามาถึงขอบของเวทีประลอง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ประกาศดังลั่นตามกระบวนการ
 
ในทันทีที่คำประกาศนี้ถูกกล่าวออกมา ซุนเทียนกังก็กระโดดขึ้นบนเวทีอย่างหมดความอดทน
 
 
‘ให้ตายเถอะ ในที่สุดก็ได้ประลองกับเฉินเฉินซักที!’
 
เขาบินไปนู่นไปนี่ไม่ได้หยุดมาครึ่งชั่วโมง นอกจากไปขอร้องให้คุณปู่ของเขารับหน้าที่พยาน เขายังต้องไปรายงานกับผู้อาวุโสที่มีหน้าที่เรื่องการจัดลำดับด้วย
 
ในอีกด้านนึง เฉินเฉินไม่ได้ทำอะไรเลย…
 
อย่างไรก็ตาม สวรรค์ไม่มีวันปล่อยคนที่มีแรงใจแก่กล้าต้องผิดหวังหรอก ด้วยการอัดเฉินเฉิน เขาก็จะได้ระบายอารมณ์ของเขา
 
“พวกเจ้าทั้งสอง จงโค้งคำนับและแสดงมิตรภาพของพวกเจ้า!” ผู้อาวุโสใหญ่สั่งด้วยแก้มที่กำลังกระตุก จริงๆแล้วมันคือขั้นตอนที่เฉินเฉินเป็นคนกำหนดขึ้นมา
 
“พ…พี่เฉิน โปรดชี้แนะข้าด้วย!” ซุนเทียนกังกัดฟันทำตามขั้นตอนและฝืนใจตัวเองให้โค้งคำนับ ในตอนนี้ เขากลัวแค่ว่าเขาจะไปทำผิดกฎและเปิดโอกาสให้เฉินเฉินหาข้ออ้างในการไม่ยอมรับคำท้าของเขา
 
ในตอนที่ศิษย์ภายในและภายนอกที่อยู่ข้างล่างได้เห็นฉากตรงหน้า ความประหม่าส่วนใหญ่ในใจของพวกเขาก็หายไปในทันทีเพราะเฉินเฉินและซุนเทียนได้แสดงขั้นตอนการประลองให้พวกเขาได้เห็นในวันนี้
 
“ซุนเทียนกัง ถ้าเจ้ากล้าเล่นแรงเกินไป เจ้าได้เจอดีกับข้าแน่!”
 
ในขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่กำลังจะประกาศเริ่ม เสียงอันอบอุ่นของผู้หญิงคนนึงก็ดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนอย่างกระทันหัน
 
ซุนเทียนกังหงุดหงิดเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ ทำไมการจะต่อสู้มันถึงได้ยุ่งยากสำหรับเขานักนะ?
 
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะต่อมา สายตาของเขาก็ลุกโชนขึ้นอย่างกะทันหันแล้วเขาก็ตำหนิกลับไปอย่างโกรธเคือง “จ้าวเสี่ยวหยา ตามกฎแล้ว เจ้ากำลังทำลายความเรียบร้อยในสนามประลอง เพราะฉะนั้นเจ้าต้องจ่ายค่าปรับด้วยหินวิญญาณจำนวน 100 ก้อน!”
 
หลังจากที่พูดเช่นนั้น ซุนเทียนกังก็แสดงท่าทีพึงพอใจอย่างมาก ในระหว่างทางนั้น เขาได้ทำการศึกษากฎอย่างละเอียดแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการเรียนก็ตาม ณ ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายเหนือกว่าในการปะทะกับจ้าวเสี่ยวหยา!
 
“จ้าวเสี่ยวหยา ไปจ่ายค่าปรับซะ แล้วก็ เริ่มการต่อสู้ในสนามอย่างเป็นทางการได้!” ผู้อาวุโสใหญ่บ่นอย่างเย็นชาแล้วประกาศด้วยการสะบัดมือ
 
ซุนเทียนกังตื่นเต้นมากในตอนที่ได้ยินคำประกาศนี้เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างกะทันหันแล้วตะโกนออกมา หลังจากนั้นพลังปราณในร่างกายของเขาก็ทะลักออกมาเหมือนลมพายุ
 
เขากำลังฝึกฝนวิชาพายุเทียนหยุนอยู่ ซึ่งเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสองของสำนักเทียนหยุน ในระหว่างการต่อสู้นั้น การโจมตีจะเหมือนกับพายุหิมะรุนแรง และเหนือสิ่งอื่นได้วิชาสายลมแห่งธรรมอันแข็งแกร่งจะถูกปลดปล่อยออกมาด้วย
 
ด้วยการผสานกันของพลังทั้งสองนี้ เซียนทั่วๆไปที่อยู่ขั้นกลางของสร้างรากฐานคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับเขา!
 
ศิษย์ที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างก็มองภาพตรงหน้าพวกเขาด้วยความตื่นตกใจ
 
‘นี่คือพลังของศิษย์พี่ใหญ่สุดของสำนักภายในหรอ?’
 
พูดตามตรง กลุ่มศิษย์ในสำนักเทียนหยุนไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ในตอนที่พวกเขากำลังฝึกฝนอยู่ โดยเฉพาะศิษย์ภายนอกบางส่วน
 
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าสถานะฝึกตนตั้งแต่ขั้นสร้างรากฐานขึ้นไปนั้นมันเป็นยังไง
 
ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของซุนเทียนกัง สายตาของศิษย์มากมายก็เต็มไปด้วยความปรารถนา และหวังว่าซักวันนึงพวกเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นได้
 
ในขณะที่มองความอิจฉาในดวงตาของเหล่าศิษย์นั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างมากขึ้นมา
 
แม้ว่าเขาจะเกลียดเฉินเฉิน แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าการปฏิรูปสำนักเทียนหยุนของเฉินเฉินนั้นได้ชี้นำพวกเขาไปยังทิศทางที่ถูกต้อง และการทำให้พวกศิษย์ได้รู้ว่าจอมยุทธ์เป็นยังไงก็คงจะช่วยจุดแรงบันดาลใจให้พวกเขาอย่างแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
 
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น ซุนเทียนกังก็ได้พุ่งเข้าไปหาเฉินเฉินเหมือนกับพายุแล้ว พลังปราณที่รุนแรงกำลังพวยพุ่งไปรอบทิศทาง ศิษย์ภายนอกบางคนที่มีสถานะการฝึกตนอ่อนแออยู่เกือบจะถูกพัดปลิวไปและล้มลงกับพื้น
 
พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มือบังตาของพวกเขาเอาไว้เพื่อที่จะได้เหลือบเห็นสนามประลองบ้าง
 
ด้วยการมองเห็นที่พร่ามัวของพวกเขา พวกเขาเห็นแค่คนๆนึงที่เหมือนกับต้นสนเดียวเดียวที่อยู่ท่ามกลางพายุ เสื้อผ้าของเขาสะบัดอย่างรุนแรงในขณะที่เขายังคงยืนนิ่งอยู่
 
ศิษย์พี่ใหญ่สุดของสำนักภายในซุนเทียนกังกำลังจะต่อยคนๆนั้นด้วยหมดที่ถูกปกคลุมด้วยสายลม
 
ในตอนนั้นเอง คนๆนั้นก็ยื่นฝ่ามือของเขาออกมาอย่างกะทันหัน คลื่นพลังปราณอันน่าหวาดหวั่นที่รุนแรงกว่าลมพายุหลายเท่ากำลังแผ่ซ่านออกมาข้างนอก
 
ตึง!
 
ด้วยเสียงอึกทึกดังสนั่น สายลมก็หยุดลงอย่างกะทันหัน และฝุ่นควันก็ฟุ้งกระจายขึ้นมา
 
ในสนามประลอง มีแค่คนๆเดียวที่ยังยืนอยู่

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset