ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 77: ทดสอบ

 
“ไปกันเถอะ ไปดูกันว่าสมาชิกจากสำนักอู๋ซินคนไหนที่กำลังมา”
 
ในขณะที่มองเรือยักษ์ เซี่ยวอู่โยวก็หัวเราะคิกคักในขณะที่มุ่งหน้าตรงออกไปจากตำหนักหลัก
 
ทั้งเฉินเฉินและผู้อาวุโสจ้าวได้เดินตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิด
 
หลังจากนั้นไม่นาน คนมากมายก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าประตูภูเขาของสำนักเทียนหยุน
 
ณ ตอนนี้ ศิษย์ของสำนักเทียนหยุนจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่ประตูภูเขาแล้วและได้ยืนจัดแถวอย่างเป็นระเบียบภายใต้การจัดการของผู้อาวุโสทั้งหลาย
 
ด้วยความที่เป็นนิกายที่เข้าร่วมกับสำนักอู๋ซิน แม้ว่าสำนักเทียนหยุนจะเน้นปกครองตัวเองอย่างมากแต่ก็ยังต้องรักษาความเคารพกับสำนักอู๋ซินไว้ที่ภายนอก
 

 
ครู่ต่อมา…
 
ชายแก่คนนึงและเด็กหนุ่มคนนึงได้ลงมาจากเรือยักษ์สีดำ
 
ทั้งสองคนนี้สวมชุดคลุมสีขาวที่มีลวดลายสีดำทั้งคู่ และดูค่อนข้างเข้มงวดและเย็นชา ในทันทีที่พวกเขาลงมาถึงพื้น ก็มีแรงกดดันกระจายไปรอบๆอย่างเห็นได้ชัด
 
กลุ่มศิษย์สำนักภายในและภายนอกมีความหวาดกลัวเขียนอยู่บนหน้าของพวกเขาในตอนที่พวกเขาได้มาเผชิญหน้า
 
ในครั้งนี้ผู้อาวุโสใหญ่รีบก้าวออกมาทำความเคารพชายแก่คนนั้น
 
“พวกเราขอให้การต้อนรับเหล่าคณะศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอู๋ซินด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุดครับ!”
 
ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินพยักหน้าเล็กน้อยและจากนั้นก็กวาดตามองฝูงชนที่ยืนเรียงรายกันอยู่ก่อนที่จะถามอย่างเคร่งขรึม “เซี่ยวอู่โยวอยู่ไหน?”
 
“เจ้าสำนักจะมาที่นี่ในเร็วๆนี้ครับ….” ผู้อาวุโสใหญ่ตอบด้วยสีหน้าหดหู่
 
มันเป็นความจริงที่คนของสำนักอู๋ซินมารับพวกเขาและนี่ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีอำนาจเหนือกว่า ไม่อย่างนั้น เหตุใดถึงมีเรื่อยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขาและแผ่แรงกดดันออกมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับคนสองคนที่พึ่งลงมาหล่ะ?
 
พวกเขาน่าจะออกมาเพื่อสร้างปัญหา!
 
“เซี่ยวอู่โยวนี่ช่างน่านับถือเสียจริง หึ” ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่จะหลับตา
 
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อและก้าวออกมาข้างหน้าในทันที
 
“ในเมื่อสำนักเทียนหยุนมีทายาทใหม่เข้ามา ข้าก็อยากจะขอดูหน่อยว่ามันสมควรรึเปล่า”
 
หลังจากที่เขาพูด พลังปราณของชายหนุ่มจากสำนักอู๋ซินก็แผ่ซ่านออกมาอย่างกะทันหัน และเกิดเป็นแรงกดดันวิญญาณอันแข็งแกร่งที่กดดันซุนเทียนกังที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มศิษย์
 
ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มจากสำนักอู๋ซินจะโจมตีในทันทีที่เขามาถึง!
 
ซุนเทียนกังกัดฟันของเขาและอุทานออกมา “จุดสูงสุดของสร้างรากฐาน!”
 
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็กดฝ่าเท้าของเขาเอาไว้ด้วยความยากลำบากเพื่อต้านทานแรงกดดันของพลังปราณอันแข็งแกร่ง
 
“เหอะ”
 
ชายหนุ่มจากสำนักอู๋ซินหัวเราะอย่างเย้ยหยันในขณะที่ความหนาวเหน็บปรากฎขึ้นในพลังปราณที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
 
ด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน ซุนเทียนกังได้ถอยหลังไปหลายก้าวในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดเผือดในทันที
 
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มจากสำนักอู๋ซินไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ และควบคุมพลังปราณเพื่อปกคลุมกลุ่มศิษย์สำนักเทียนหยุนแทน
 
“เจ้ากำลังทำอะไร!?” ศิษย์สำนักภายในส่วนนึงที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานรีบเข้ามาข้างหน้าเพื่อกันแรงกดดันให้กลุ่มศิษย์สำนักภายนอก
 
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของพวกเขาเองก็ซีดเผือดเหมือนกันและพวกที่มีระดับการฝึกตนอ่อนกว่าก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปากของพวกเขา
 
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กระนั่น พวกเขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะถอยเพราะมีกลุ่มศิษย์ภายนอกอยู่ข้างหลังพวกเขาซึ่งอาจจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงได้ถ้าพวกเขารับแรงกดดันโดยตรง
 
“ศิษย์พี่!”
 
กลุ่มศิษย์ภายนอกที่ยืนอยู่ข้างหลังและได้รับการปกป้องจากซุนเทียนกังอุทานด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้
 
การประชันว่าใครมีออร่าแข็งแกร่งกว่าระหว่างเซียนสองคนที่ไปถึงขั้นสร้างรากฐานแล้วไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ภายนอกอย่างพวกเขาที่ยังไปไม่ถึงแม้กระทั่งฝึกพลังปราณขั้นที่เจ็ดจะสามารถเข้าร่วมได้
 
ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ก็คือจ้องมองชายหนุ่มของสำนักอู๋ซินอย่างเดือดดาล
 
“เหล่าคณะศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอู๋ซิน โปรดเมตตาด้วย!”
 
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะกำลังแสดงให้เห็นว่ามีอำนาจเหนือกว่า แต่พวกเขาก็ควรรู้ข้อจำกัดของตัวเองบ้าง การทำร้ายคนอื่นเพราะความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยมันเป็นสิ่งที่มากเกินไป
 
ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินยังคงหลับตาอยู่ในขณะที่ตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ต้วนปิงฝึกวิชาเต๋าแห่งสุดยอดหวังฉิน ดังนั้นเขาต้องทำตามหัวใจของเขา ถ้าข้าห้ามเขา มันจะส่งผลกระทบกับการฝึกตนของเขาได้ เพราะฉะนั้นคงต้องขอโทษด้วย”
 
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ใบหน้าของผู้อาวุโสก็ดูหดหู่อย่างเหลือเชื่อ
 
สุดยอดหวังฉินเต๋าคือวิชาสูงสุดของสำนักอู๋ซินและผู้คนส่วนใหญ่ที่ฝึกฝนมันจะมีอารมณ์แปลกๆ โดยเฉพาะพวกที่มีระดับการฝึกตนขั้นแรกๆซึ่งจะอยู่ในระหว่างอารมณ์อ่อนไหวและโหดเหี้ยม
 
มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลยที่คนแบบนี้จะทำเรื่องแปลกๆ
 
แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับสำนักเทียนหยุนด้วยรึไง?
 
‘ศิษย์ของสำนักเทียนหยุนมีไว้เพื่อให้เจ้าได้ฝึกหรอ? หรือเจ้ากำลังลงโทษพวกเราเพราะเจ้าสำนักมาสายไม่กี่นาที?’
 
เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักภายในและภายนอกตกอยู่ในอันตราย ผู้อาวุโสใหญ่ก็ต้องการที่จะปกป้องพวกเขา อย่างไรก็ตาม เขาถูกขัดขวางด้วยพลังที่มองไม่เห็นซึ่งทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้
 
เหมือนกับเขา ผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็ทำได้แค่มองต้วนปิงรังแกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน
 
ในตอนนี้เอง เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจก็ดังมาจากที่ไกลๆ
 
“พี่ใหญ่หาน นี่เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้าอยากจะแสดงพลังของเจ้าให้กับสำนักเทียนหยุนในทันทีที่มาถึงเลยรึ?”
 
เมื่อได้ยินเสียง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
ในที่สุดเจ้าสำนักก็มาถึงซักที!
 
“พี่ใหญ่เซี่ยว ในที่สุดก็มาสักที ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับสำนักอู๋ซินซะแล้ว แสดงพลังของพวกเราหรอ? มันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นหรอก ต้วนปิงแค่ฝึกซ้อมกับเหล่าน้องเล็กของสำนักเทียนหยุนเท่านั้นเอง”
 
ผู้อาวุโสจากสำนักอู๋ซินที่ถูกเรียกว่า ‘พี่หาน’ ในที่สุดก็ลืมตาในทันทีในขณะที่เขามองไปทางที่ไกลๆ
 
ทั้งสองคนอาจดูเหมือนกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่จริงๆแล้วพวกเขาได้ปะทะพลังปราณกัน
 
คำพูดของเซี่ยวอู่โยวเต็มไปด้วยแรงกดดันที่รุนแรงในขณะที่เขาพยายามจะหยุดต้วนปิง แต่ก็ถูกผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินลบล้างไปได้
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังระดับจุดสูงสุดของแก่นทองคำของเซี่ยวอู่โยว ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินก็ดูผ่อนคลายเล็กน้อย
 
‘ดูเหมือนว่าข่าวลือที่เซี่ยวอู่โยวเข้าสู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณแล้วจะไม่เป็นความจริงสินะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สนใจกับแค่ชีวิตของศิษย์ในสำนักเทียนหยุนหรอก’
 
‘แต่ว่า ข้าต้องทำการทดสอบและหยั่งเชิงเขาต่อ ถึงยังไง คนที่จะเป็นเจ้าสำนักได้นั้นก็ต้องมีความฉลาดหลักแหลม’
 
ในขณะที่ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินกำลังคิดประเมินสถานการณ์ เซี่ยวอู่โยวก็ได้ลงมาถึงพื้นแล้ว เมื่อเห็นว่าต้วนปิงยังไม่มีความคิดที่จะหยุด เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความฉุนเฉียว “เจ้ายังไม่หยุดอีกรึไง!? ผู้อาวุโสหาน เจ้าอยากเริ่มสงครามกับสำนักเทียนหยุนวันนี้เลยใช่ไหม!?”
 
มีทั้งความโกรธและความกังวลแสดงอยู่บนหน้าของเซี่ยวอู่โยว เขาเป็นห่วงศิษย์ของเขาแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
 
อย่างไรก็ตาม ต้วนปิงไม่ได้สนใจเซี่ยวอู่โยว แต่เขากลับยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นแทน
 
ในอีกด้านนึง ศิษย์ภายในบางคนของสำนักเทียนหยุนที่มีระดับการฝึกตนสูงเริ่มซวนเซอย่างไม่มั่นคงเหมือนกับเรือที่อยู่ท่ามกลางพายุซึ่งพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อแล้ว
 
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เอง คนๆนึงก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าศิษย์ภายในมากมายอย่างเงียบๆ
 
ในทันทีที่คนๆนี้ปรากฏตัว ความกดดันของศิษย์ภายในก็ผ่อนคลายขึ้น
 
ในขณะที่จ้องมองแผ่นหลังที่คุ้นเคย ศิษย์ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
“ผู้สืบทอด…”
 
“ผู้สืบทอดอยู่ที่นี่แล้ว!”
 

 
“หืม? เจ้าคือผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนสินะ?”
 
เมื่อได้ฟังวิธีที่ศิษย์ภายในเรียกเฉินเฉิน ต้วนปิงก็มีความสนใจเพิ่มขึ้นมาในทันทีในขณะที่เขาโยกย้ายพลังปราณและนำมาลงที่เฉินเฉิน
 
ด้วยการรักษาใบหน้าที่เรียบเฉยเอาไว้ เฉินเฉินก็ยืนตรงหน้าศิษย์สำนักเทียนหยุนทุกคนอย่างเงียบๆ ร่างกายของเขาเปรียบเสมือนกำแพงที่ไม่สามารถผ่านได้
 
“น่าสนใจ”
 
ต้วนปิงไม่ได้ตกใจแต่กลับดีใจแทน ในขณะที่เขาเดินมาข้างหน้า พลังปราณในร่างกายของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
 
ด้วยการปะทะกันของพลังปราณของพวกเขา คลื่นแรงกดดันวิญญาณก็ก่อตัวขึ้น และปล่อยสายลมแรงที่พัดต้นไม้รอบๆ
 
ในตอนที่ศิษย์ภายในและภายนอกเห็นภาพนี้ พวกเขาก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
 
แม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินก็มองเฉินเฉินด้วยความประหลาดใจ
 
ก่อนจะมาที่สำนักเทียนหยุน เขาได้เดินทางไปหกจากแปดสำนักทางเหนือมาแล้ว และไม่มีศิษย์คนไหนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของสำนักอื่นที่สามารถเทียบเคียงกับต้วนปิงได้
 
“ดี ดีมากๆ!”
 
ต้วนปิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและก้าวมาอีกก้าวในขณะที่ความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา และพื้นที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง
 
ในขณะที่มองพื้นที่อยู่ใกล้กับเท้าของเขากำลังถูกแช่แข็ง เฉินเฉินไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยและแค่เงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเรียบเฉย
 
เปรี๊ยง!
 
หลังจากนั้นในทันที สายฟ้าก็ผ่าลงมาดังสนั่นระหว่างเซียนหนุ่มทั้งสอง
 
พื้นผิวน้ำแข็งได้ถูกเปลี่ยนเป็นซากในทันที
 
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของต้วนปิงก็กระเด็นไปข้างหลังและกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปด้วยเสียงดังตุ๊บ
 
โดยไม่ได้มองต้วนปิงที่กระอักเลือดออกมา เฉินเฉินก็หันหลับกลับไปอย่างเงียบๆแล้วกลับไปอยู่ข้างหลังเซี่ยวอู่โยว
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset